การตรวจสอบทุจริตงงวดเข้ามาทุกขณะ "โอ๊ค-เอม"หนาว รอจ่อคิวตั้งอนุฯไต่สวน 11 ธ.ค.นี้ "วิโรจน์"ระบุคดีมีมูล รอแค่คำชี้แจงของตระกูลชินวัตรจากกรมสรรพากรเท่านั้น ด้านอนุฯไต่สวนอาญา "บรรณพจน์-พจมาน"กับพวก ประชุมนัดแรก เตรียมส่งรายชื่ออนุกรรมการฯให้ 6 ผู้ถูกกล่าวหาคัดค้านภายใน 7 วัน ขณะที่อนุฯตรวจสอบแบงก์กรุงไทยปล่อยกู้เครือกฤษดานคร เจอเส้นทาง-เค้าหน้า เช็ค 26 ล้าน ของลูกนักการเมืองใหญ่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้(1 ธ.ค.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนความผิดทางอาญา นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และพวกอีก 5 คน กรณีการแจ้งความเท็จ และใช้อุบายเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีในการซื้อขายหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวเนเคชั่น จำกัด โดยเป็นการประชุมนัดแรก มีนายสัก กอแสงเรือง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ
นายสัก กอแสงเรือง กล่าวภายหลังการประชุม ว่าได้มีการวางกรอบการทำงานของคณะอนุกรรมการไต่สวน และได้มีมติลงนามคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาได้คัดค้าน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานด้านธุรการ และหลังจากผู้ถูกกล่าวได้รับหนังสือแล้ว จะต้องมายื่นเอกสารหลักฐาน เพื่อคัดค้านรายชื่อนุกรรมการไต่สวนภายใน 7 วัน หากไม่คัดค้านก็ถือว่าสละสิทธิ์ คณะอนุกรรมการฯจะเริ่มกระบวนการในการรวบรวมพยาน และตรวจสอบหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ถูกกล่าวหาและสำนวนของอนุกรรมการฯ เพื่อพิสูจน์ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งอนุกรรมการฯ จะต้องใช้เวลาในการพิจารณา โดยความเห็นของอนุกรรมการฯ ไม่ว่าจะออกมาทางใด จะต้องนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ เพื่อลงมติชี้ขาดอีกครั้งว่าจะตั้งข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยคณะอนุกรรมการฯ มีสิทธิ์เห็นต่างได้ แต่สุดท้ายจะตัดสินด้วยมติของที่ประชุมใหญ่ จากนั้นจะส่งให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนก่อนที่จะส่งไปตามช่องทางตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ต่อไป หากพยานอ่อนก็จะยุติทันที โดยการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 6 คน จะแยกเป็นรายบุคคล เป็น 6 สำนวน
นายสัก กล่าวด้วยว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยได้พิจารณากรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป จากบริษัทแอมเพิลริช ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร โดยเชิญพยานบุคคลเข้าให้ข้อมูล ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมาก ส่วนจะสรุปได้วันไหนยังไม่สามารถบอกได้
ด้านนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการ คตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในการประชุมตนได้สรุปผลการทำงานในกรณีแอมเพิลริช ให้ที่ประชุมรับทราบ โดยให้ทุกคนกลับไปพิจารณาว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอหลักฐานใหม่เกี่ยวกับการชี้แจงของตระกูลชินวัตร ที่กรมสรรพากรรับปากว่าจะส่งมาให้ ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯจะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 ธ.ค.เพื่อพิจารณาว่าคดีมีมูลมากพอที่จะเสนอต่อคตส.ชุดใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 11 ธ.ค.เพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่าคดีดังกล่าวมีมูล
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส.ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้วางกรอบการทำงานในเบื้องต้น โดยมีการกำหนดประเด็นการไต่สวน โดยจะเป็นเรื่องของการหลีกเลี่ยงภาษีจริงหรือไม่ และกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งเบื้องต้นจะมีการแจ้งคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนพร้อมรายชื่อคณะอนุกรรมการให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน ได้รับทราบเพื่อคัดค้านอนุกรรมการฯหากเห็นว่ามีส่วนได้ส่วนเสียในคดีดังกล่าว
นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.กล่าวว่า อนุกรรมการไต่สวนฯ สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เพราะระเบียบคตส.ได้อนุโลมให้นำระเบียบ ป.ป.ช.ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการไต่สวน พ.ศ.2547 มาใช้ได้ ซึ่งในระเบียบป.ป.ช.ระบุว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนฯเป็นคนตั้งข้อกล่าวหา จึงสามารถรวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลเพิ่มเติมจาก คตส.ได้ เพราะคณะอนุกรรมการไต่สวนที่ตั้งขึ้นใหม่มีบางคนที่มาจากคนนอกด้วย จึงเป็นสิทธิที่จะรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม ถ้าเห็นว่าสำนวนยังไม่แน่น เขาก็มีสิทธิหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนรัดกุมขึ้น แต่ไม่มีสิทธิที่จะชี้ว่ามีมูลหรือจำหน่ายคดีออกหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจของ คตส.ชุดใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องคุยกันในระหว่าง คตส. เพื่อทำความเข้าใจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในระเบียบ คตส.ข้อที่ 24 ระบุชัดว่า ในขั้นตอนการไต่สวนและสรุปสำนวนให้นำระเบียบป.ป.ช.ดังกล่าวมาบังคับใช้ในการทำหน้าที่ไต่สวนของอนุกรรมการฯ คตส.โดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดในระเบียบ คตส.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการทำงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับบริษัทโกลเด้นท์ เทคโนโลยี อินดัสเตรียลปาร์ค จำกัด ในกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด ในวงเงิน 9.9 พันล้านบาทว่า ธนาคารกรุงไทยได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยกู้สินเชื่อให้กับกลุ่มกฤษดามหานครมาให้แล้ว ซึ่งเบื้องต้นคณะอนุกรรมการฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลไปยังธนาคารทั้งหมดกว่า 30 แห่ง โดยในส่วนของเช็ค 26 ล้านบาท ที่มีข่าวว่าเป็นการจ่ายให้กับลูกชายนักการเมืองใหญ่นั้น จากการตรวจสอบเริ่มเห็นเค้าหน้าแล้วว่าเป็นใคร แต่ได้มีการกระจายออกเป็นหุ้นหมดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการทำแบบมืออาชีพ ทำให้ตรวจสอบได้ค่อนข้างยาก โดยคณะอนุกรรมการฯจะยังไม่เรียกบริษัทเอกชน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเข้าชี้แจง เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่าร่วมดำเนินการในครั้งนี้ โดยจะมีการเชิญมาชี้แจงในชั้นการตั้งอนุกรรมการไต่สวนทีเดียว
**ทรท.ท้าเอาคนโกงมาลงโทษให้ได้
นาย จาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ระบุว่า อยากจะร้องไห้หลังพบข้อมูลทุจริตในรัฐบาลทักษิณ ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบว่า ข้อมูลที่ พล.อ.สนธิได้รับ เป็นอย่างไร จึงไม่สามารถแสดงความเห็นได้ แต่หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาจริงๆ ก็ต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ สังคมถึงจะพอใจ และจะเป็นการพิสูจน์ด้วยว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงมากน้อยเพียงใดหรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่องค์กรต่างๆและ คมช.ควรทำคือ ดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ และชี้แจง ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องที่กำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งควรเป็นไปตามหลักนิติธรรม ทั้งในแง่ของกระบวนการ วิธีการ ขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้เกิดการทุจริตต่อจากนี้ไปด้วย ไม่ใช่ว่าจากนี้ไปจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีการตรวจสอบ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะให้ประธาน คมช. ได้นำความจริงเหล่านี้มาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับทราบทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ และสื่อสารมวลชนทุกแขนง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงความเลวร้าย และมหันตภัยจากรัฐบาลทักษิณ จึงมีความจำเป็นต้องเข้ายึดอำนาจ มิใช่ทำเพียงสมุดปกขาว เพื่อชี้แจงเท่านั้น ขณะเดียวกัน ประธาน คมช. จะต้องกำชับให้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ได้ตระหนักถึงภัยและเครือข่ายของรัฐบาลทักษิณ ที่ฝังรากแน่นอยู่ในกระทรวง หรือกรมกองต่างๆ เพราะรัฐมนตรี บางคนในรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่รู้ถึงภารกิจและหน้าที่ของตนเองในฐานะรัฐบาลเฉพาะกิจเข้ามาฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย กลับคิดแต่โครงการใหญ่ ๆ ทำงานเพื่อสร้างภาพและชื่อสียงเกียรติยศของตนเองเป็นหลัก ไม่มีเอกภาพในการทำงานด้านนโยบาย ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้เข้าไปรื้อฟื้นโครงการต่างๆ ที่ส่อเค้าไม่ชอบมาพากล โดยสั่งการให้หน่วยงานและบอร์ดรัฐวิสาหกิจสรุปข้อมูลเพื่อส่งให้ คตส.ตรวจสอบต่อไป ซึ่งการเป็นการช่วยกันทำงานในการปราบทุจริตให้เร็วยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ว่า เมื่อเวลา 13.30 น.วานนี้(1 ธ.ค.) มีการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนความผิดทางอาญา นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และพวกอีก 5 คน กรณีการแจ้งความเท็จ และใช้อุบายเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีในการซื้อขายหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมิวเนเคชั่น จำกัด โดยเป็นการประชุมนัดแรก มีนายสัก กอแสงเรือง กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนฯ
นายสัก กอแสงเรือง กล่าวภายหลังการประชุม ว่าได้มีการวางกรอบการทำงานของคณะอนุกรรมการไต่สวน และได้มีมติลงนามคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวน พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหาได้คัดค้าน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงานด้านธุรการ และหลังจากผู้ถูกกล่าวได้รับหนังสือแล้ว จะต้องมายื่นเอกสารหลักฐาน เพื่อคัดค้านรายชื่อนุกรรมการไต่สวนภายใน 7 วัน หากไม่คัดค้านก็ถือว่าสละสิทธิ์ คณะอนุกรรมการฯจะเริ่มกระบวนการในการรวบรวมพยาน และตรวจสอบหลักฐานของทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้ถูกกล่าวหาและสำนวนของอนุกรรมการฯ เพื่อพิสูจน์ข้อมูลทั้งหมด ซึ่งอนุกรรมการฯ จะต้องใช้เวลาในการพิจารณา โดยความเห็นของอนุกรรมการฯ ไม่ว่าจะออกมาทางใด จะต้องนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ เพื่อลงมติชี้ขาดอีกครั้งว่าจะตั้งข้อกล่าวหาหรือไม่ โดยคณะอนุกรรมการฯ มีสิทธิ์เห็นต่างได้ แต่สุดท้ายจะตัดสินด้วยมติของที่ประชุมใหญ่ จากนั้นจะส่งให้อัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนก่อนที่จะส่งไปตามช่องทางตามกฎหมายและอำนาจหน้าที่ต่อไป หากพยานอ่อนก็จะยุติทันที โดยการแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 6 คน จะแยกเป็นรายบุคคล เป็น 6 สำนวน
นายสัก กล่าวด้วยว่า ในช่วงเช้าวันเดียวกัน ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยได้พิจารณากรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป จากบริษัทแอมเพิลริช ให้กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร โดยเชิญพยานบุคคลเข้าให้ข้อมูล ซึ่งถือว่าคืบหน้าไปมาก ส่วนจะสรุปได้วันไหนยังไม่สามารถบอกได้
ด้านนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการ คตส.ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในการประชุมตนได้สรุปผลการทำงานในกรณีแอมเพิลริช ให้ที่ประชุมรับทราบ โดยให้ทุกคนกลับไปพิจารณาว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรอหลักฐานใหม่เกี่ยวกับการชี้แจงของตระกูลชินวัตร ที่กรมสรรพากรรับปากว่าจะส่งมาให้ ทั้งนี้คณะอนุกรรมการฯจะนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 ธ.ค.เพื่อพิจารณาว่าคดีมีมูลมากพอที่จะเสนอต่อคตส.ชุดใหญ่ ในวันจันทร์ที่ 11 ธ.ค.เพื่อตั้งอนุกรรมการไต่สวนได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่าคดีดังกล่าวมีมูล
ด้านนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ คตส.ในฐานะอนุกรรมการไต่สวนฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้วางกรอบการทำงานในเบื้องต้น โดยมีการกำหนดประเด็นการไต่สวน โดยจะเป็นเรื่องของการหลีกเลี่ยงภาษีจริงหรือไม่ และกำหนดขั้นตอนการดำเนินงาน ซึ่งเบื้องต้นจะมีการแจ้งคำสั่งแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนพร้อมรายชื่อคณะอนุกรรมการให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 6 คน ได้รับทราบเพื่อคัดค้านอนุกรรมการฯหากเห็นว่ามีส่วนได้ส่วนเสียในคดีดังกล่าว
นายแก้วสรร อติโพธิ เลขานุการ คตส.กล่าวว่า อนุกรรมการไต่สวนฯ สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม เพราะระเบียบคตส.ได้อนุโลมให้นำระเบียบ ป.ป.ช.ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของอนุกรรมการไต่สวน พ.ศ.2547 มาใช้ได้ ซึ่งในระเบียบป.ป.ช.ระบุว่า คณะอนุกรรมการไต่สวนฯเป็นคนตั้งข้อกล่าวหา จึงสามารถรวบรวมพยานหลักฐานข้อมูลเพิ่มเติมจาก คตส.ได้ เพราะคณะอนุกรรมการไต่สวนที่ตั้งขึ้นใหม่มีบางคนที่มาจากคนนอกด้วย จึงเป็นสิทธิที่จะรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม ถ้าเห็นว่าสำนวนยังไม่แน่น เขาก็มีสิทธิหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนรัดกุมขึ้น แต่ไม่มีสิทธิที่จะชี้ว่ามีมูลหรือจำหน่ายคดีออกหรือไม่ เพราะเป็นอำนาจของ คตส.ชุดใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้ไม่น่ามีปัญหา ไม่จำเป็นต้องคุยกันในระหว่าง คตส. เพื่อทำความเข้าใจแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในระเบียบ คตส.ข้อที่ 24 ระบุชัดว่า ในขั้นตอนการไต่สวนและสรุปสำนวนให้นำระเบียบป.ป.ช.ดังกล่าวมาบังคับใช้ในการทำหน้าที่ไต่สวนของอนุกรรมการฯ คตส.โดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดในระเบียบ คตส.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการทำงานของคณะอนุกรรมการตรวจสอบการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับบริษัทโกลเด้นท์ เทคโนโลยี อินดัสเตรียลปาร์ค จำกัด ในกลุ่มบริษัทกฤษดามหานคร จำกัด ในวงเงิน 9.9 พันล้านบาทว่า ธนาคารกรุงไทยได้ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยกู้สินเชื่อให้กับกลุ่มกฤษดามหานครมาให้แล้ว ซึ่งเบื้องต้นคณะอนุกรรมการฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลไปยังธนาคารทั้งหมดกว่า 30 แห่ง โดยในส่วนของเช็ค 26 ล้านบาท ที่มีข่าวว่าเป็นการจ่ายให้กับลูกชายนักการเมืองใหญ่นั้น จากการตรวจสอบเริ่มเห็นเค้าหน้าแล้วว่าเป็นใคร แต่ได้มีการกระจายออกเป็นหุ้นหมดแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการทำแบบมืออาชีพ ทำให้ตรวจสอบได้ค่อนข้างยาก โดยคณะอนุกรรมการฯจะยังไม่เรียกบริษัทเอกชน ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเข้าชี้แจง เพราะมีข้อมูลชัดเจนว่าร่วมดำเนินการในครั้งนี้ โดยจะมีการเชิญมาชี้แจงในชั้นการตั้งอนุกรรมการไต่สวนทีเดียว
**ทรท.ท้าเอาคนโกงมาลงโทษให้ได้
นาย จาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ระบุว่า อยากจะร้องไห้หลังพบข้อมูลทุจริตในรัฐบาลทักษิณ ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบว่า ข้อมูลที่ พล.อ.สนธิได้รับ เป็นอย่างไร จึงไม่สามารถแสดงความเห็นได้ แต่หากเห็นว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาจริงๆ ก็ต้องหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมให้ได้ สังคมถึงจะพอใจ และจะเป็นการพิสูจน์ด้วยว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริงมากน้อยเพียงใดหรือไม่ ดังนั้น สิ่งที่องค์กรต่างๆและ คมช.ควรทำคือ ดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ และชี้แจง ให้ข้อมูลข่าวสารในเรื่องที่กำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งควรเป็นไปตามหลักนิติธรรม ทั้งในแง่ของกระบวนการ วิธีการ ขณะเดียวกันต้องระวังไม่ให้เกิดการทุจริตต่อจากนี้ไปด้วย ไม่ใช่ว่าจากนี้ไปจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีการตรวจสอบ
ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากจะให้ประธาน คมช. ได้นำความจริงเหล่านี้มาตีแผ่ให้ประชาชนได้รับทราบทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ และสื่อสารมวลชนทุกแขนง เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงความเลวร้าย และมหันตภัยจากรัฐบาลทักษิณ จึงมีความจำเป็นต้องเข้ายึดอำนาจ มิใช่ทำเพียงสมุดปกขาว เพื่อชี้แจงเท่านั้น ขณะเดียวกัน ประธาน คมช. จะต้องกำชับให้รัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้ ได้ตระหนักถึงภัยและเครือข่ายของรัฐบาลทักษิณ ที่ฝังรากแน่นอยู่ในกระทรวง หรือกรมกองต่างๆ เพราะรัฐมนตรี บางคนในรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่รู้ถึงภารกิจและหน้าที่ของตนเองในฐานะรัฐบาลเฉพาะกิจเข้ามาฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตย กลับคิดแต่โครงการใหญ่ ๆ ทำงานเพื่อสร้างภาพและชื่อสียงเกียรติยศของตนเองเป็นหลัก ไม่มีเอกภาพในการทำงานด้านนโยบาย ขอเรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้เข้าไปรื้อฟื้นโครงการต่างๆ ที่ส่อเค้าไม่ชอบมาพากล โดยสั่งการให้หน่วยงานและบอร์ดรัฐวิสาหกิจสรุปข้อมูลเพื่อส่งให้ คตส.ตรวจสอบต่อไป ซึ่งการเป็นการช่วยกันทำงานในการปราบทุจริตให้เร็วยิ่งขึ้น