อินโนเวชั่นเร่งสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้กับนาฬิกาแบรนด์ริธั่ม ชูกลยุทธ์ดันเป็นเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้าน ตั้งทีมขายรุกเข้าโครงการบ้านจัดสรร พร้อมทั้งขยายจุดจำหน่ายเพิ่มให้ครบ 16 จุด คิดโค่นผู้นำตลาดนาฬิกาแขวนผนังในไทยภายใน 5 ปี
นางสาวอิงอร ดิลกธราดล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและนำเข้านาฬิกาแบรนด์ ริธั่ม จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดนาฬิการิธั่มในไทยมาได้ปีเศษพบว่ายังมีฐานลูกค้าเก่าอยู่ไม่น้อยกว่า30% ทำให้บริษัทฯต้องใช้แผนในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาและขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อเป้าหมายภายใน 5 ปีจะต้องขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งในตลาดนาฬิกาแขวนผนังระดับพรีเมียมในไทยที่มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้เติบโตมากนัก
ทั้งนี้ปัจจุบันริธั่มมีแชร์ประมาณ 30%เป็นอันดับที่สอง ขณะที่ผู้นำตลาดมีแชร์มากกว่า50% โดยตั้งเป้าว่าจะมีแชร์มากกว่า 50% ซึ่งไทยเป็นเพียงตลาดเดียวที่ริธั่มไม่ได้เป็นผู้นำ จากการเข้าทำตลาดใน 55 ประเทศทั่วโลก ซึ่งริธั่มเป็นผู้นำทั้งหมดในเซกเมนต์นี้ แต่ต้องก็ยอมรับว่าบริษัทฯเพิ่งทำตลาดเพียงปีเดียวเท่านั้น และหากทำได้ตามเป้าหมาย ในอนาคตบริษัทฯก็มีแผนที่จะนำนาฬิกาข้อมือริธั่มเข้ามาทำตลาดในไทยก็ได้
แผนปีหน้ามีบริษัทฯเตรียมทำตลาดด้วยกลยุทธ์การรุกเข้าขายตรงกับโครงการบ้านจัดสรร โดยการทำให้นาฬิการิธั่มนี้เป็นเสมือนของตกแต่งบ้านอย่างหนึ่ง เหมือนโคมไฟ เหมือนภาพติดฝาผนัง เป็นต้น ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรระดับบนย่านชานเมือง ซึ่งบริษัทฯจะให้ส่วนลดกับตลาดส่วนนี้ประมาณ 20-30% เพราะสั่งซื้อเป็นล็อตใหญ่ และวางเป้าหมายว่าสัดส่วนรายได้จากตลาดนี้จะมีประมาณ 10-15% จากรายได้รวมบริษัทฯ
นอกจากนั้นบริษัทฯยังมีแผนขยายจุดจำหน่ายรูปแบบคอร์เนอร์มากขึ้นให้ครบเป็น 16 จุดภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมที่เปิดบริการแล้ว 3 จุดคือที่ โรบินสัน 2 สาขาเช่นรัชดาภิเษก และอิเซตัน ซึ่งอีก 13 จุดนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินงาน โดยต้องใช้งบลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท ส่วนช่องทางจำหน่ายผ่านดีลเลอร์นั้นมีมากถึง 700 รายทั่วประเทศแล้ว
สำหรับนาฬิการิธั่มที่ทำตลาดไทยนั้น แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มคือ 1.นาฬิกาปลุก 2.นาฬิกาแขวนผนัง สัดส่วนยอดขาย 40% 3.ไฮวูดเด้นเกรด สัดส่วน 15% 4.ไฮวูดเด้นคล้อก สัดส่วน 15% เมจิกโมชั่นหรือนาฬิกาแฟนซี สัดส่วน 20% นาฬิกาตั้งโต๊ะ สัดส่วน 10% โดยระดับราคาของริธั่มนั้น มีจำน่ายตั้งแต่ 400-40,000 บาทต่อ เรือน
นางสาวอิงอรกล่าวว่า งบการตลาดที่จะใช้ในปีหน้าตั้งไว้ 10% จากยอดขาย เพื่อทำตลาดเชิงรุกมากขึ้นเช่น การออกงานแฟร์ต่างๆซึ่งค่อนข้างจะได้รับผลตอบรับกลับมากลับมาในระยะยาว ล่าสุดคือการเข้าร่วมงาน แบงก์คอก เวิลด์ วอทช์ 2006 ที่เดอะมอลล์บางกะปิ ในเดือนธันวาคมนี้ รวมทั้งจะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ๆต่อเนื่อง คาดว่าจากการรุกตลาดนี้ทำให้ยอดขายของบริษัทฯเติบโตขึ้นเป็น 60 ล้านบาท ในปีนี้ เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท
นางสาวอิงอร ดิลกธราดล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินโนเวชั่น ไทม์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและนำเข้านาฬิกาแบรนด์ ริธั่ม จากประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทฯได้รับสิทธิ์ในการทำตลาดนาฬิการิธั่มในไทยมาได้ปีเศษพบว่ายังมีฐานลูกค้าเก่าอยู่ไม่น้อยกว่า30% ทำให้บริษัทฯต้องใช้แผนในเชิงรุกมากขึ้นเพื่อสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาและขยายฐานตลาดให้กว้างขึ้น เพื่อเป้าหมายภายใน 5 ปีจะต้องขึ้นเป็นอันดับที่หนึ่งในตลาดนาฬิกาแขวนผนังระดับพรีเมียมในไทยที่มีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งไม่ได้เติบโตมากนัก
ทั้งนี้ปัจจุบันริธั่มมีแชร์ประมาณ 30%เป็นอันดับที่สอง ขณะที่ผู้นำตลาดมีแชร์มากกว่า50% โดยตั้งเป้าว่าจะมีแชร์มากกว่า 50% ซึ่งไทยเป็นเพียงตลาดเดียวที่ริธั่มไม่ได้เป็นผู้นำ จากการเข้าทำตลาดใน 55 ประเทศทั่วโลก ซึ่งริธั่มเป็นผู้นำทั้งหมดในเซกเมนต์นี้ แต่ต้องก็ยอมรับว่าบริษัทฯเพิ่งทำตลาดเพียงปีเดียวเท่านั้น และหากทำได้ตามเป้าหมาย ในอนาคตบริษัทฯก็มีแผนที่จะนำนาฬิกาข้อมือริธั่มเข้ามาทำตลาดในไทยก็ได้
แผนปีหน้ามีบริษัทฯเตรียมทำตลาดด้วยกลยุทธ์การรุกเข้าขายตรงกับโครงการบ้านจัดสรร โดยการทำให้นาฬิการิธั่มนี้เป็นเสมือนของตกแต่งบ้านอย่างหนึ่ง เหมือนโคมไฟ เหมือนภาพติดฝาผนัง เป็นต้น ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรระดับบนย่านชานเมือง ซึ่งบริษัทฯจะให้ส่วนลดกับตลาดส่วนนี้ประมาณ 20-30% เพราะสั่งซื้อเป็นล็อตใหญ่ และวางเป้าหมายว่าสัดส่วนรายได้จากตลาดนี้จะมีประมาณ 10-15% จากรายได้รวมบริษัทฯ
นอกจากนั้นบริษัทฯยังมีแผนขยายจุดจำหน่ายรูปแบบคอร์เนอร์มากขึ้นให้ครบเป็น 16 จุดภายในสิ้นปีนี้ จากเดิมที่เปิดบริการแล้ว 3 จุดคือที่ โรบินสัน 2 สาขาเช่นรัชดาภิเษก และอิเซตัน ซึ่งอีก 13 จุดนั้นอยู่ระหว่างการดำเนินงาน โดยต้องใช้งบลงทุนรวมทั้งหมดกว่า 5 ล้านบาท ส่วนช่องทางจำหน่ายผ่านดีลเลอร์นั้นมีมากถึง 700 รายทั่วประเทศแล้ว
สำหรับนาฬิการิธั่มที่ทำตลาดไทยนั้น แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มคือ 1.นาฬิกาปลุก 2.นาฬิกาแขวนผนัง สัดส่วนยอดขาย 40% 3.ไฮวูดเด้นเกรด สัดส่วน 15% 4.ไฮวูดเด้นคล้อก สัดส่วน 15% เมจิกโมชั่นหรือนาฬิกาแฟนซี สัดส่วน 20% นาฬิกาตั้งโต๊ะ สัดส่วน 10% โดยระดับราคาของริธั่มนั้น มีจำน่ายตั้งแต่ 400-40,000 บาทต่อ เรือน
นางสาวอิงอรกล่าวว่า งบการตลาดที่จะใช้ในปีหน้าตั้งไว้ 10% จากยอดขาย เพื่อทำตลาดเชิงรุกมากขึ้นเช่น การออกงานแฟร์ต่างๆซึ่งค่อนข้างจะได้รับผลตอบรับกลับมากลับมาในระยะยาว ล่าสุดคือการเข้าร่วมงาน แบงก์คอก เวิลด์ วอทช์ 2006 ที่เดอะมอลล์บางกะปิ ในเดือนธันวาคมนี้ รวมทั้งจะมีการออกคอลเลคชั่นใหม่ๆต่อเนื่อง คาดว่าจากการรุกตลาดนี้ทำให้ยอดขายของบริษัทฯเติบโตขึ้นเป็น 60 ล้านบาท ในปีนี้ เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท