ฉบับวันที่ 29-11-49
ผู้จัดการรายวัน –ยู สตาร์ได้ “ป๊อป ไฮโซ” นั่งแท่นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประกาศเดินเครื่องรุกตลาดขายตรงปีหน้าเต็มสูบ เล็งนำสินค้าที่ขายดีกลับมาทำตลาด และขยายช่องทางขายเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นเล็งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม,ลาว,กัมพูชาและพม่า คาดยอดขายปีแรกมีสัดส่วน 20% พร้อมทั้งเตรียมดึงจุดเด่นของขายตรงหลายชั้นและเคาน์เตอร์แบรนด์มาใช้ ตั้งเป้าหมายยอดขายโตปีหน้าขึ้น35-40%
นายเกรียงสิทธิ์ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทยู สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงชั้นเดียว ภายใต้แบรนด์“ยู สตาร์” เปิดเผยว่า ตนเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวที่ยู สตาร์และจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ธันวาคม 2549 นี้ ซึ่งสิ่งแรกที่จะทำ คือ ดึงความแข็งแกร่งของยู สตาร์ให้กลับมาอีกครั้งหรือทำให้สินค้ามีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้นนโยบายการบริหารงานของยู สตาร์ในปีหน้าจะมีการปรับ 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ทบทวนสินค้าเดิมทั้งหมดที่มีกว่า 400-500 รายการ ทั้งกลุ่มสกินแคร์ ,เมคอัพ, เพอร์ซัลนอลแคร์ และน้ำหอม จากนั้นจะเลือกสินค้าที่ขายดีมาทำตลาด เพื่อให้แบรนด์ติดตลาดและมีคนใช้สินค้ามากขึ้น
2.การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งช่องทางยู สตาร์ชอปที่มี 7 แห่งในกรุงเทพฯ 2 แห่งและ 5 แห่งในต่างจังหวัด และในส่วนของลูกค้าทั่วไป โดยในปีหน้าบริษัทฯเล็งขยายลูกค้าไปสู่กลุ่มบริษัทมากขึ้น รวมถึงการรีโนเวตสาขาเดิมที่มีอยู่ให้ทันสมัย ภายใต้งบ20%ของยอดรายได้ และ 3.การสร้างคนให้ทำงานเป็นทีมมากขึ้น
“ในปีหน้าเราจะมีการดึงจุดเด่นของธุรกิจต่างๆมาใช้ในยู สตาร์ อาทิ ธุรกิจขายตรงแบบเอ็มแอลเอ็มมีการจัดกิจกรรมมาก ,ช่องทางขายของเครื่องสำอางแบบเคาน์เตอร์มีจุดเด่นที่หาซื้อง่ายและมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ เป็นต้น รวมถึงจะควบคุมเรื่องของสต็อกสินค้าที่จะไม่ให้ขาดตลาด ,การปรับปรุงระบบเทเลคอมและการปรับโปรแกรมอินเซนทีฟเพิ่มให้แก่ผู้ขาย1-2%”
ปัจจุบันสมาชิกของยู สตาร์มีประมาณ 50,000 ราย โดยกว่า80%เป็นยอดแอคทีฟ ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นกว่า35%
นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนขยายไปตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น เบื้องต้นเล็ง 4 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า,ลาว,กัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งรูปแบบการทำตลาดอาจให้คนในประเทศนั้นๆเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นการเจรจากันอยู่ โดยปีหน้าบริษัทฯคาดว่ายอดขายในส่วนนี้จะมีสัดส่วน20%ของยอดรวม
สำหรับยอดรายได้ทั้งปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้น 20% โดยในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้คาดว่าจะโตขึ้น 30% ซึ่งสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัด 30% ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 35-40% และสัดส่วนเปลี่ยนเป็นกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 40% และที่เหลือเป็นยอดจากต่างประเทศ
ผู้จัดการรายวัน –ยู สตาร์ได้ “ป๊อป ไฮโซ” นั่งแท่นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ประกาศเดินเครื่องรุกตลาดขายตรงปีหน้าเต็มสูบ เล็งนำสินค้าที่ขายดีกลับมาทำตลาด และขยายช่องทางขายเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นเล็งประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม,ลาว,กัมพูชาและพม่า คาดยอดขายปีแรกมีสัดส่วน 20% พร้อมทั้งเตรียมดึงจุดเด่นของขายตรงหลายชั้นและเคาน์เตอร์แบรนด์มาใช้ ตั้งเป้าหมายยอดขายโตปีหน้าขึ้น35-40%
นายเกรียงสิทธิ์ ศิริชาติไชย รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทยู สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงชั้นเดียว ภายใต้แบรนด์“ยู สตาร์” เปิดเผยว่า ตนเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวที่ยู สตาร์และจะเริ่มมีผลในวันที่ 1 ธันวาคม 2549 นี้ ซึ่งสิ่งแรกที่จะทำ คือ ดึงความแข็งแกร่งของยู สตาร์ให้กลับมาอีกครั้งหรือทำให้สินค้ามีภาพลักษณ์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ดังนั้นนโยบายการบริหารงานของยู สตาร์ในปีหน้าจะมีการปรับ 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.ทบทวนสินค้าเดิมทั้งหมดที่มีกว่า 400-500 รายการ ทั้งกลุ่มสกินแคร์ ,เมคอัพ, เพอร์ซัลนอลแคร์ และน้ำหอม จากนั้นจะเลือกสินค้าที่ขายดีมาทำตลาด เพื่อให้แบรนด์ติดตลาดและมีคนใช้สินค้ามากขึ้น
2.การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั้งช่องทางยู สตาร์ชอปที่มี 7 แห่งในกรุงเทพฯ 2 แห่งและ 5 แห่งในต่างจังหวัด และในส่วนของลูกค้าทั่วไป โดยในปีหน้าบริษัทฯเล็งขยายลูกค้าไปสู่กลุ่มบริษัทมากขึ้น รวมถึงการรีโนเวตสาขาเดิมที่มีอยู่ให้ทันสมัย ภายใต้งบ20%ของยอดรายได้ และ 3.การสร้างคนให้ทำงานเป็นทีมมากขึ้น
“ในปีหน้าเราจะมีการดึงจุดเด่นของธุรกิจต่างๆมาใช้ในยู สตาร์ อาทิ ธุรกิจขายตรงแบบเอ็มแอลเอ็มมีการจัดกิจกรรมมาก ,ช่องทางขายของเครื่องสำอางแบบเคาน์เตอร์มีจุดเด่นที่หาซื้อง่ายและมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำ เป็นต้น รวมถึงจะควบคุมเรื่องของสต็อกสินค้าที่จะไม่ให้ขาดตลาด ,การปรับปรุงระบบเทเลคอมและการปรับโปรแกรมอินเซนทีฟเพิ่มให้แก่ผู้ขาย1-2%”
ปัจจุบันสมาชิกของยู สตาร์มีประมาณ 50,000 ราย โดยกว่า80%เป็นยอดแอคทีฟ ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นกว่า35%
นอกจากนี้ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนขยายไปตลาดต่างประเทศอย่างจริงจังมากขึ้น เบื้องต้นเล็ง 4 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ พม่า,ลาว,กัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งรูปแบบการทำตลาดอาจให้คนในประเทศนั้นๆเป็นดิสทริบิวเตอร์ให้ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นการเจรจากันอยู่ โดยปีหน้าบริษัทฯคาดว่ายอดขายในส่วนนี้จะมีสัดส่วน20%ของยอดรวม
สำหรับยอดรายได้ทั้งปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้น 20% โดยในช่วงไตรมาสสี่ปีนี้คาดว่าจะโตขึ้น 30% ซึ่งสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัด 30% ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 35-40% และสัดส่วนเปลี่ยนเป็นกรุงเทพฯ 40% และต่างจังหวัด 40% และที่เหลือเป็นยอดจากต่างประเทศ