xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์สมเด็จตอนที่ 38 ผงอิทธิเจ...เมตตามหานิยม (2-จบ)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

ผมได้ถือโอกาสที่นอนสำนักอยู่กับพระอาจารย์เล่าเรียนคาถาอาคมเพิ่มเติมแต่พระอาจารย์กลับเน้นสอนให้นั่งสมาธิ โดยในเวลากลางคืนนั้นพระอาจารย์จะสอนให้ฝึกหายใจและทดสอบความรู้สึกในแต่ละขณะ ส่วนเวลากลางวันหากว่างและปลอดญาติโยม พระอาจารย์ก็จะสอนคาถาอาคมและยันต์ต่างๆ เพิ่มเติมจากที่เคยเล่าเรียนมาแต่ก่อน

ในขณะที่ผมเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ นั้น ห้วงเวลานั้นได้สังเกตเห็นว่าผู้คนพากันสนใจในเรื่องผงอิทธิเจซึ่งเป็นผงมหาเสน่ห์เมตตานิยม จึงถามความจากพระอาจารย์ว่าทราบเรื่องการทำผงอิทธิเจหรือไม่ พระอาจารย์ได้ตอบว่าตอนนี้ก็กำลังทำผงอิทธิเจยู่

ผมได้ยินพระอาจารย์ตอบว่ากำลังทำผงอิทธิเจอยู่ก็มีความตื่นเต้นยินดี เพราะสิ่งที่สนใจและยังหาคำตอบไม่ได้กลับได้รับคำตอบอย่างง่ายดาย

พระอาจารย์ได้ยินผมถามเรื่องผงอิทธิเจคงจะรู้สึกประหลาดใจ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยทราบและไม่เคยสนใจไต่ถามในเรื่องนี้มาก่อน จึงได้ถามผม


ผมจึงกราบเรียนท่านว่าที่กรุงเทพฯ เขาเห่อเรื่องผงอิทธิเจกันอยู่ มีป้ายโฆษณาหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯ และตามสองข้างถนนในต่างจังหวัดโฆษณาว่าวัดนั้นวัดนี้กำลังทำผงอิทธิเจ มีความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิปาฏิหาริย์ทางเมตตามหานิยม จึงเกิดความสงสัยว่าการจะทำผงอิทธิเจนั้นทำอย่างไร และที่ทำกันอยู่ถูกต้องจริงแท้ มีอานุภาพทางเมตตามหานิยมจริงดังคำโฆษณาหรือไม่

ความจริงผมเคยได้ยินเรื่องผงอิทธิเจมาก่อนจากวรรณคดีเรื่องขุนช้าง ขุนแผน ซึ่งเป็นผงสำคัญทางไสยเวทย์ ลักษณะเดียวกันกับผงปัตถะมัง แต่แตกต่างกันตรงที่ผงอิทธิเจมีอานุภาพทางเมตตามหานิยม ส่วนผงปัตถะมังมีอานุภาพทางอยู่ยงคงกระพัน และมีการใช้ผงทั้งสองชนิดนี้ในการทำพระผงมาเนิ่นนานแล้ว เป็นแต่ว่าเงียบหายกันไป เพิ่งมาดังเอาในยุคนั้นสมัยนั้น โดยที่ยากจะหาคนรู้ถึงวิธีทำที่ถูกต้อง

พระอาจารย์ได้ยินคำถามนั้นก็มีใบหน้าที่ยิ้มแย้มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา พลางเอ่ยวาจาอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบาว่าการทำผงอิทธิเจมีกะเท่ห์วิธีตามคัมภีร์โบราณ ไม่ใช่นึกอ่านจะทำได้ตามใจชอบ และเท่าที่รู้เท่าที่เห็นในขณะนั้นได้ทราบว่า ที่เขาทำผงอิทธิเจกันก็คือการเอาผงดินสอพองมาทำเป็นแท่งดินสอ เขียนยันต์อิทธิเจแล้วปลุกเสกด้วยคาถาอิทธิเจ จากนั้นก็ลบผงยันต์ออกจากกระดานชนวนแล้วก็ถือว่าเป็นผงอิทธิเจตามกะเท่ห์วิธี

พระอาจารย์บอกว่ากรรมวิธีที่ทำผงอิทธิเจเช่นนั้นย่นย่อผ่อนปรนลงจากกรรมวิธีแต่โบราณ จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม อันผงอิทธิเจนั้นจัดเป็นวัตถุมงคลชนิดหนึ่งซึ่งจะมีอานุภาพมากแลน้อยประการใดย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยสามประการ คือกรรมวิธีหรือวิชาที่ใช้ในการทำผงอิทธิเจนั้นอย่างหนึ่ง วัตถุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำผงต้องตำรับอาถรรพ์เพียงไหนอย่างหนึ่ง และกำลังอำนาจจิตของผู้ทำอีกอย่างหนึ่ง

หากทั้งสามประการนี้ครบถ้วนสมบูรณ์แกร่งกล้าดีแล้ว ผงอิทธิเจนั้นก็จะมีอานุภาพเต็มที่ หากอ่อนด้อยลงด้วยประการใดๆ อานุภาพก็จะอ่อนด้อยลงโดยลำดับเช่นเดียวกัน

ผมได้ฟังดังนั้นก็แจ้งว่าพระอาจารย์บอกความดังกล่าวนี้เหมือนเป็นทีบอกเหตุให้ทราบได้ว่าพระอาจารย์ทรงไว้ซึ่งวิชา ภูมิธรรม ที่สามารถทำผงอิทธิเจได้เป็นแน่นอน หากขอความรู้หรือขอผงอิทธิเจก็คงจะได้การเป็นแน่

ผมจึงถามพระอาจารย์ว่าที่ตาหลวงทำผงอิทธิเจนั้นทำอย่างไร พระอาจารย์ได้ไขให้ฟังสืบต่อไปว่า การทำผงอิทธิเจก็ดี ทำผงอื่นๆ ก็ดี จะต้องใช้วัตถุอุปกรณ์ที่สำคัญซึ่งเป็นของอาถรรพ์คือดินสอพิเศษที่ทำจากหินข้าวเม่าชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกว่าข้าวเม่าดินสอ

พระอาจารย์บอกว่าหากทำด้วยหินปูน หรือแป้ง หรือชอล์ก หรือวัสดุอย่างอื่นก็จะไม่ใช่ของอาถรรพ์อันจะเปล่งอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์ได้ เว้นเสียแต่หาข้าวเม่าดินสอไม่ได้จริงๆ และผู้กระทำเรืองเวทย์วิทยาคมขมังพอ ก็อาจเพิ่มแรงฤทธิ์ของอาคมชดเชยทดแทนตัวธาตุอาถรรพ์ที่มีอยู่ในข้าวเม่าดินสอได้

พระอาจารย์บอกว่าบังเอิญโชคดีที่บ้านรัดปูนซึ่งห่างไปจากวัดประมาณ 10 กิโลเมตรมีของอาถรรพ์คือข้าวเม่าดินสอพร้อมอยู่แล้ว คือเมื่อสองเดือนก่อนหินใหญ่ก้อนหนึ่งบนเขารัดปูนถล่มลงมา มีแสงสว่างขึ้นไปบนท้องฟ้า จึงให้พระไปดูแต่ไม่พบเห็นสิ่งใดผิดปกติ

หลังจากนั้นไม่กี่วันมีกิจนิมนต์ไปแถบนั้นก็ได้แวะไปดูเพื่อให้สิ้นสงสัย เพราะการที่มีแสงสว่างปรากฏขึ้นไปบนท้องฟ้าย่อมแสดงว่าในพื้นที่บริเวณนั้นต้องมีของวิเศษประการใดประการหนึ่งอยู่เป็นแน่นอน

เมื่อไปถึงที่ก้อนหินใหญ่ถล่มลงมาจึงได้พบว่าใต้หินใหญ่ก้อนนั้นเป็นเหมืองข้าวเม่าดินสอเหมืองเล็กๆ มีข้าวเม่าดินสออยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้บอกกล่าวผู้เป็นเจ้าของ และขอมาทำของอาถรรพ์สำหรับช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จากนั้นจึงได้ให้พระช่วยกันขุดและขนข้าวเม่าดินสอกลับมาวัด 2-3 ปี๊บ

พระอาจารย์ผมเล่าให้ฟังว่าข้าวเม่าดินสอนั้นเป็นหินสีดำออกเทาๆ มีรูปลักษณะและขนาดเหมือนกับข้าวเม่าที่ทำจากข้าวและเอามาใช้ทำของหวาน แต่หินข้าวเม่านี้มิได้มีอยู่โดยทั่วไป เป็นของหาได้ยาก มีอยู่ในภูเขาที่ลี้ลับ หากไม่เรืองวิทยาคมจริงแล้วก็ยากที่จักรู้ว่ามีอยู่ที่ไหน แม้รู้ว่าอยู่ที่ไหนแล้วก็ยังยากที่จะขุดเอามาได้ เพราะเทพยดาอารักษ์ที่คุ้มครองรักษาเขาหวงแหนยิ่งนัก

ดังนั้นเมื่อกล่าวถึงผงอิทธิเจหรือผงอื่นใดก็ตาม ก็ต้องทำความรู้จักตัววัสดุหรือวัตถุธาตุที่ใช้ทำผงเสียก่อนว่าทำมาจากอะไร มิฉะนั้นก็อาจจะสับสนเข้าใจผิดได้โดยง่าย

เมื่อได้ข้าวเม่าดินสอมาแล้ว ครั้นคิดอ่านจะทำผงอิทธิเจก็ต้องเอาข้าวเม่าดินสอมาปลุกเสกแล้วนำไปใส่กะทะคั่วบนไฟ ขณะคั่วไปก็ภาวนาพระคาถากำกับไปจนกระทั่งข้าวเม่าดินสอกรอบและมีสีเป็นเทาขาวมากขึ้น เมื่อได้ที่แล้วจึงเอาข้าวเม่าดินสอนั้นเทลงในอ่างน้ำมนต์ที่ผ่านการปลุกเสกในพระอุโบสถในเทศกาลเข้าพรรษา.

โปรดติดตามตอนที่ 39
"ศาลเจ่าอันฮกเก็ง ตอน 1" ในวันศุกร์ที่ 8 ธันวาคม 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น