"ดร.โกร่ง"ทิ้งเก้าอี้ปธ.กรรมการสภาวิจัยแห่งชาติ หลังเด็ก"พจมาน"เลขาธิการวช.บริหารเละเทะ ส่งผลนักวิจัยตบเท้าร้องนายกฯ เร่งแก้ปัญหาเน่าหมักหมมนานนับปี
แหล่งข่าวจากสภาวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นักวิจัยจากสถาบันต่างๆ ได้ร้องเรียนถึงพฤติกรรมการบริหารที่ไม่โปร่งใส ไร้ประสิทธิภาพและขาดระบบธรรมาภิบาลของ ศ.ดร.อานนท์ บุญยะรัตเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) โดยเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เนื่องจากมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อระบบวิจัยของประเทศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกให้แก่นักวิจัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ถือเป็นการบั่นทอนการพัฒนาประเทศในระยะยาวอย่างร้ายแรง
ล่าสุด ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแล วช.เมื่อวันที่ 28 พ.ย.แล้ว เนื่องจากเกิดความอึดอัดใจ และเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
แหล่งข่าวจากสภาวิจัยฯ เปิดเผยว่า ตัวแทนนักวิจัยได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยระบุถึงปัญหาการบริหารงานที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง ซึ่งกรรมการบริหารและกรรมการชุดต่างๆ ได้รับทราบถึงปัญหาและพยายามเข้ามาแก้ไข แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งที่ผ่านมามีกรรมการที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานและลาออกหลายท่าน อาทิ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสถาน ศ.ดร.สันทัด โรจนสุนทร ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และล่าสุด ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ
แหล่งข่าวจากสภาวิจัยฯ ระบุว่า ตั้งแต่ที่ ดร.วีรพงษ์ มาดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารสภาวิจัย รู้สึกอึดอัดใจมากเนื่องจากมีจดหมายร้องเรียนถึงพฤติกรรมการที่ไม่เหมาะสมภายใน วช.มาตลอด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ให้อำนาจกรรมการบริหารในการเข้ามากำกับดูและและตรวจสอบการทำงานของวช.และการลาออกนี้ ดร.วีรพงษ์ คงต้องการแสดงให้รัฐบาล และสาธารณชน รับทราบปัญหาภาย วช.และระบบวิจัยของประเทศ ที่หมักหมมและเรื้อรังมานาน และคงต้องการแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เนื่องจากการแทรกแซงของ เลขาธิการวช.และข้าราชการประจำ
ทั้งนี้ ตามกฎหมายให้อำนาจหน้าที่ของเลขาธิการมาก ให้เป็นผู้เสนอชื่อกรรมการสภาวิจัย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนสามารถออกระเบียบเพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารได้เอง โดยล่าสุด เลขาธิการได้แก้ไขระเบียบโดยลดบทบาทของกรรมการบริหาร ในการกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการวิจัย ของวช. ส่งผลให้กรรมการบริหารโดยโครงสร้างไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ที่สามารถเข้ามาตรวจสอบนโยบายและระบบการวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้เลย ขณะเดียวกัน เลขา วช.เพิ่มอำนาจของตนในการดำเนินการต่างๆ ทั้งนี้เพื่อหาผลประโยชน์และหลบเลี่ยงการตรวจสอบ
แหล่งข่าวจากสภาวิจัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่นักวิจัยจากสถาบันต่างๆ ได้ร้องเรียนถึงพฤติกรรมการบริหารที่ไม่โปร่งใส ไร้ประสิทธิภาพและขาดระบบธรรมาภิบาลของ ศ.ดร.อานนท์ บุญยะรัตเวช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) โดยเข้ามาดำรงตำแหน่งได้เนื่องจากมีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมากต่อระบบวิจัยของประเทศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกให้แก่นักวิจัยและสถาบันการศึกษาต่างๆ ถือเป็นการบั่นทอนการพัฒนาประเทศในระยะยาวอย่างร้ายแรง
ล่าสุด ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ ได้ยื่นหนังสือลาออกต่อนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับดูแล วช.เมื่อวันที่ 28 พ.ย.แล้ว เนื่องจากเกิดความอึดอัดใจ และเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาที่เกิดขึ้น
แหล่งข่าวจากสภาวิจัยฯ เปิดเผยว่า ตัวแทนนักวิจัยได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โดยระบุถึงปัญหาการบริหารงานที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง ซึ่งกรรมการบริหารและกรรมการชุดต่างๆ ได้รับทราบถึงปัญหาและพยายามเข้ามาแก้ไข แต่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งที่ผ่านมามีกรรมการที่ไม่เห็นด้วยกับการบริหารงานและลาออกหลายท่าน อาทิ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช นายกราชบัณฑิตยสถาน ศ.ดร.สันทัด โรจนสุนทร ประธานมูลนิธิโครงการหลวง ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และล่าสุด ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการบริหารสภาวิจัยแห่งชาติ
แหล่งข่าวจากสภาวิจัยฯ ระบุว่า ตั้งแต่ที่ ดร.วีรพงษ์ มาดำรงตำแหน่ง ประธานกรรมการบริหารสภาวิจัย รู้สึกอึดอัดใจมากเนื่องจากมีจดหมายร้องเรียนถึงพฤติกรรมการที่ไม่เหมาะสมภายใน วช.มาตลอด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากกฎหมายไม่ให้อำนาจกรรมการบริหารในการเข้ามากำกับดูและและตรวจสอบการทำงานของวช.และการลาออกนี้ ดร.วีรพงษ์ คงต้องการแสดงให้รัฐบาล และสาธารณชน รับทราบปัญหาภาย วช.และระบบวิจัยของประเทศ ที่หมักหมมและเรื้อรังมานาน และคงต้องการแสดงความรับผิดชอบที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ เนื่องจากการแทรกแซงของ เลขาธิการวช.และข้าราชการประจำ
ทั้งนี้ ตามกฎหมายให้อำนาจหน้าที่ของเลขาธิการมาก ให้เป็นผู้เสนอชื่อกรรมการสภาวิจัย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตลอดจนสามารถออกระเบียบเพื่อกำหนดอำนาจหน้าที่ของกรรมการบริหารได้เอง โดยล่าสุด เลขาธิการได้แก้ไขระเบียบโดยลดบทบาทของกรรมการบริหาร ในการกำหนดแนวทางและหลักเกณฑ์ในการวิจัย ของวช. ส่งผลให้กรรมการบริหารโดยโครงสร้างไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ที่สามารถเข้ามาตรวจสอบนโยบายและระบบการวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้เลย ขณะเดียวกัน เลขา วช.เพิ่มอำนาจของตนในการดำเนินการต่างๆ ทั้งนี้เพื่อหาผลประโยชน์และหลบเลี่ยงการตรวจสอบ


