กลุ่มผู้ค้าโบ๊เบ๊ไม่ยอมจำนนบุกศาลาว่าการ กทม.เรียกร้องให้สั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่ เดือดพังแผงเหล็กที่กั้นไว้หน้าประตูและทุบตู้เขียวรับเรื่องร้องทุกข์เสียหาย ยื่น 4 ข้อเสนอ พร้อมยันจะขอขายพื้นที่เดิมต่อ เผยหยุด 3 วันเสียหายเกือบ 400 ล้านบาท ด้าน“อภิรักษ์” ยืดอายุโบ๊เบ๊อีก 7 วันตั้งกก.ร่วมหาข้อสรุปแต่ยันต้องย้ายแน่นอน
วานนี้ (29 พ.ย.) เวลาประมาณ 10.00 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊เกือบ 300 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจัดระเบียบ ปราบปรามมาเฟียเรียกรับผลประโยชน์ โดยยกเลิกจุดผ่อนผันบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม แล้วให้ผู้ค้าบริเวณดังกล่าวย้ายไปอยู่บริเวณโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่า แต่ผู้ค้าไม่ยอมย้ายออก และเข้าประจำจุดค้าเดิมกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจเข้าควบคุมพื้นที่ได้ ผู้ค้าจึงส่งตัวแทนบางส่วนมาชุมนุมเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่
นอกจากนั้น ในการชุมนุมครั้งนี้ยังมี กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่เข้าจดทะเบียนการจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์แต่ไม่ได้รับป้ายเหลือง ในเขตบางซื่อ และเขตดุสิต มาสมทบกว่า 50 คัน ซึ่งทั้งหมดตะโกนต่อว่าผู้บริหารกรุงเทพมหานครอย่างรุนแรง
จากนั้นเวลา 10.30 น. กลุ่มผู้ค้าได้พังแผงเหล็กที่กั้นไว้หน้าประตูทางเข้าศาลาว่าการกทม.บริเวณลานคนเมืองและทุบตู้เขียวรับเรื่องร้องทุกข์เสียหาย เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ยังไม่ได้เข้าพบนายอภิรักษ์ โกษะโยธินจนทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่เทศกิจต้องปิดประตูเหล็กดังกล่าวเพื่อไม่ให้ผู้ค้าเข้าไปในอาคารทำให้ผู้ค้าเกิดความไม่พอใจทุบประตู เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ท่ามกลางการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ทางกทม.ยังได้ปิดประตูทางเข้าออกเกือบทุกด้านเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ค้าฯเข้ามาในพื้นที่อีกด้วย
ต่อมาเวลาประมาณ 11.15 น.นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. และนายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกทม.ได้ลงมาพบกับตัวแทนของกลุ่มผู้ค้าพร้อมรับข้อเสนอจำนวน 4 ข้อคือ 1.ให้กทม.ขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.)ถอนคำสั่งยกเลิกจุดผ่อนผัน 19 จุด 2.ให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากพื้นที่ 3.สั่งการให้เขตอนุญาตให้ผู้ค้าสามารถค้าขายที่เดิมไปก่อนพร้อมกับจัดระเบียบ 4.ให้ผู้ว่าฯกทม.ยกเลิกการย้ายผู้ค้าไปตลาดทรัพย์สินพัฒนา พร้อมแถลงออกสื่ออย่างเป็นทางการและให้เรียกคณะกรรมการที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวมาประชุมใหม่พร้อมออกสื่อโดยมีผู้ค้าร่วมด้วยทุกครั้ง
นายชัยณรงค์ กลิ่นซ้อน ตัวแทนกลุ่มผู้ค้ากล่าวว่า ผู้ค้าโบ๊เบ๊กว่า 2,000 ราย ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนี้ ซึ่งประเมินความเสียหายที่ต้องหยุดขาย 3 วันตกอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ไม่นับรวมถึงคนต่างจังหวัดที่ว่าจ้างให้เขาตัดผ้าเย็บส่งให้อีก ทั้งนี้ ผู้ค้าเห็นว่า เป็นการย้ายที่ไม่เป็นธรรม หากกทม.ต้องการจะจัดระเบียบจริงก็ขอให้จัดระเบียบกับผู้ที่ไม่มีบัตรผู้ค้าดีกว่าเพราะกลุ่มเหล่านั้นเสียเงินให้กับเจ้าหน้าเทศกิจแล้วสามารถขายต่อได้ และที่มีข่าวออกมาว่ามีกลุ่มผู้ค้าหลายรายเข้าไปขายที่ตลาดทรัพย์สินพัฒนาบริเวณโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่าแล้วนั้นไม่ใช่กลุ่มผู้ค้าจากตลาดโบเบ๊แต่อย่างใด
ด้านนายอภิรักษ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.)คณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย และตัวแทนผู้ค้าย่านโบ๊เบ๊ หลังจากที่ประชุมเครียดเกือบ 3 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมจะให้เวลาอีก 7 วัน สำหรับการหาข้อสรุปโดยจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมซึ่งมีผู้แทนจากกลุ่มผู้ค้า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บชน.กทม.ซึ่งระหว่างนี้ยังคงให้ผู้ค้าโบ๊เบ๊สามารถขายของได้ตามปกติ รวมทั้งกทม.จะถอนเจ้าหน้าที่เทศกิจออกจากพื้นที่เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดตลอด 3 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทุกฝ่ายหารือกันด้วยเหตุด้วยผล และยืนยันว่าตามกรอบกฎหมายจะต้องย้ายผู้ค้าออกจากโบ๊เบ๊แน่นอนและใน 7 วันนี้จะต้องมีข้อสรุปและมีทางออกสำหรับผู้ค้าเพื่อให้ผู้ค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยในวันนี้เวลาประมาณ 14.00 น.คณะกรรมการร่วมจะมีการประชุมเพื่อหาออกในเรื่องดังกล่าว
ด้านนายชัยณรงค์ กลิ่นซ้อน แกนนำกลุ่มผู้ค้ากล่าวว่า ไม่พอใจกับข้อสรุปที่ได้ แต่ยินดีที่จะยุติการชุมนุมประท้วงชั่วคราว
วานนี้ (29 พ.ย.) เวลาประมาณ 10.00 น.ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อกลุ่มผู้ค้าตลาดโบ๊เบ๊เกือบ 300 คน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจัดระเบียบ ปราบปรามมาเฟียเรียกรับผลประโยชน์ โดยยกเลิกจุดผ่อนผันบริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม แล้วให้ผู้ค้าบริเวณดังกล่าวย้ายไปอยู่บริเวณโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่า แต่ผู้ค้าไม่ยอมย้ายออก และเข้าประจำจุดค้าเดิมกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเทศกิจเข้าควบคุมพื้นที่ได้ ผู้ค้าจึงส่งตัวแทนบางส่วนมาชุมนุมเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สั่งถอนกำลังออกจากพื้นที่
นอกจากนั้น ในการชุมนุมครั้งนี้ยังมี กลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่เข้าจดทะเบียนการจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์แต่ไม่ได้รับป้ายเหลือง ในเขตบางซื่อ และเขตดุสิต มาสมทบกว่า 50 คัน ซึ่งทั้งหมดตะโกนต่อว่าผู้บริหารกรุงเทพมหานครอย่างรุนแรง
จากนั้นเวลา 10.30 น. กลุ่มผู้ค้าได้พังแผงเหล็กที่กั้นไว้หน้าประตูทางเข้าศาลาว่าการกทม.บริเวณลานคนเมืองและทุบตู้เขียวรับเรื่องร้องทุกข์เสียหาย เนื่องจากไม่พอใจที่ไม่ยังไม่ได้เข้าพบนายอภิรักษ์ โกษะโยธินจนทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่เทศกิจต้องปิดประตูเหล็กดังกล่าวเพื่อไม่ให้ผู้ค้าเข้าไปในอาคารทำให้ผู้ค้าเกิดความไม่พอใจทุบประตู เกิดความชุลมุนวุ่นวาย ท่ามกลางการตรึงกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศกิจอย่างเข้มงวด นอกจากนี้ทางกทม.ยังได้ปิดประตูทางเข้าออกเกือบทุกด้านเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ค้าฯเข้ามาในพื้นที่อีกด้วย
ต่อมาเวลาประมาณ 11.15 น.นายวัลลภ สุวรรณดี รองผู้ว่าฯกทม. และนายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัดกทม.ได้ลงมาพบกับตัวแทนของกลุ่มผู้ค้าพร้อมรับข้อเสนอจำนวน 4 ข้อคือ 1.ให้กทม.ขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.)ถอนคำสั่งยกเลิกจุดผ่อนผัน 19 จุด 2.ให้ถอนกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจและเจ้าหน้าที่ตำรวจออกจากพื้นที่ 3.สั่งการให้เขตอนุญาตให้ผู้ค้าสามารถค้าขายที่เดิมไปก่อนพร้อมกับจัดระเบียบ 4.ให้ผู้ว่าฯกทม.ยกเลิกการย้ายผู้ค้าไปตลาดทรัพย์สินพัฒนา พร้อมแถลงออกสื่ออย่างเป็นทางการและให้เรียกคณะกรรมการที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวมาประชุมใหม่พร้อมออกสื่อโดยมีผู้ค้าร่วมด้วยทุกครั้ง
นายชัยณรงค์ กลิ่นซ้อน ตัวแทนกลุ่มผู้ค้ากล่าวว่า ผู้ค้าโบ๊เบ๊กว่า 2,000 ราย ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนี้ ซึ่งประเมินความเสียหายที่ต้องหยุดขาย 3 วันตกอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท ไม่นับรวมถึงคนต่างจังหวัดที่ว่าจ้างให้เขาตัดผ้าเย็บส่งให้อีก ทั้งนี้ ผู้ค้าเห็นว่า เป็นการย้ายที่ไม่เป็นธรรม หากกทม.ต้องการจะจัดระเบียบจริงก็ขอให้จัดระเบียบกับผู้ที่ไม่มีบัตรผู้ค้าดีกว่าเพราะกลุ่มเหล่านั้นเสียเงินให้กับเจ้าหน้าเทศกิจแล้วสามารถขายต่อได้ และที่มีข่าวออกมาว่ามีกลุ่มผู้ค้าหลายรายเข้าไปขายที่ตลาดทรัพย์สินพัฒนาบริเวณโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่าแล้วนั้นไม่ใช่กลุ่มผู้ค้าจากตลาดโบเบ๊แต่อย่างใด
ด้านนายอภิรักษ์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บชน.)คณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย และตัวแทนผู้ค้าย่านโบ๊เบ๊ หลังจากที่ประชุมเครียดเกือบ 3 ชั่วโมงว่า ที่ประชุมจะให้เวลาอีก 7 วัน สำหรับการหาข้อสรุปโดยจะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมซึ่งมีผู้แทนจากกลุ่มผู้ค้า สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บชน.กทม.ซึ่งระหว่างนี้ยังคงให้ผู้ค้าโบ๊เบ๊สามารถขายของได้ตามปกติ รวมทั้งกทม.จะถอนเจ้าหน้าที่เทศกิจออกจากพื้นที่เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่ตึงเครียดตลอด 3 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทุกฝ่ายหารือกันด้วยเหตุด้วยผล และยืนยันว่าตามกรอบกฎหมายจะต้องย้ายผู้ค้าออกจากโบ๊เบ๊แน่นอนและใน 7 วันนี้จะต้องมีข้อสรุปและมีทางออกสำหรับผู้ค้าเพื่อให้ผู้ค้าได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยในวันนี้เวลาประมาณ 14.00 น.คณะกรรมการร่วมจะมีการประชุมเพื่อหาออกในเรื่องดังกล่าว
ด้านนายชัยณรงค์ กลิ่นซ้อน แกนนำกลุ่มผู้ค้ากล่าวว่า ไม่พอใจกับข้อสรุปที่ได้ แต่ยินดีที่จะยุติการชุมนุมประท้วงชั่วคราว