xs
xsm
sm
md
lg

เมืองลำบาก หากผู้นำไม่บรรลุนิติภาวะ

เผยแพร่:   โดย: ปราโมทย์ นาครทรรพ

บ้านเมืองเป็นเรื่องยาก และจะยิ่งลำบากถ้าหากทุกคนเอาแต่ใจตัวเอง

ผมเขียนและพูดหลายครั้งหลายปีแล้วว่า รัฐธรรมนูญแบบราชประชาสมาสัยเท่านั้น ที่จะเป็นหลักประกันให้เกิดระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขที่แท้จริง

รัฐธรรมนูญแบบราชประชาสมาสัย ภายใต้เงื่อนเวลาและเงื่อนไขของ สนช.และคมช.เกือบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะท่านเหล่านั้น ส่วนมากยังไม่บรรลุนิติภาวะทางการเมือง

ผมแน่ใจยิ่งกว่าแน่ว่า สนช. สมัชชา (แห่งชาติที่มีอายุสั้นกว่า) ยุง และสภาร่างที่เป็นประชาธิปไตยแบบพลทหารบุรุษพยาบาล จะไม่สามารถป้องกันมิให้วงจรอุบาทว์กลับมาอีก

เราจะต้องช่วยกันหาทางออก โดยขอให้รัฐบาลใช้มาตรการบริหารที่เป็นประชาธิปไตยอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการปูทางไว้ล่วงหน้า

เมื่อจำเป็นและถึงเวลา สังคมไทยกับ คมช.ก็จะต้องเผชิญหน้ากันด้วยความเป็นมิตร และตัดสินใจด้วยปัญญาและความกล้าหาญว่าเราจะไปทางไหนดี

ก็พอดี ประธานสำนักยามเฝ้าแผ่นดินเดินทางกลับจากภารกิจสำคัญในสหรัฐฯ ผมเชื่อว่าผลงานของสนธิจะเป็นปุ๋ยชั้นดีของประชาธิปไตยไทย แต่ประชาธิปไตยจะผลิดอกออกช่องดงาม ก็จะต้องลงมือปลูกหรือต่อกิ่งให้ติดเสียก่อน

สังคมไทยยังไม่รู้ตัวทั่วถึงว่าระบอบทักษิณทำลายชาติและประชาธิปไตยไปแล้วเพียงใด ข้าราชการและประชาชนที่ได้ประโยชน์ติดทักษิณกันงอมแงมเหมือนติดฝิ่น เมื่อถอนบ้องออก นอกจากจะรากเลือดลงแดงแล้ว ยังจะมีอาการข้างเคียงอย่างอื่นมากมาย

ดีไม่ดี จะเกิดสงครามฝิ่นแบบใหม่ ที่ไม่เกี่ยวกับฝิ่นเลยสักนิด แต่อาจจะมีฤทธิ์ถึงกับเปลี่ยนประเทศไทยก็ได้

จู่ๆ สนธิ ลิ้มทองกุล ก็โยนระเบิดเวลาลูกโตออกมากลางวงเมืองไทยรายสัปดาห์ คืนวันศุกร์ที่แล้ว เรียกร้องให้หม่อมอุ๋ยและนายสมหมาย ภาษีลาออกจากตำแหน่งในกระทรวงการคลัง

ความคิดที่เกิดในสมองของผมทันที ก็คือ เรื่อง สงครามชิงความเป็นใหญ่เหนือแผ่นดินจีน เมื่อครั้งจอมพลเจียงไคเช็ค ถูกจอมพลจางซูเหลียงแห่งกองทัพแดงจับตัวได้ แทนที่ฝ่ายคอมมิวนิสต์จะฆ่า กลับตัดสินใจปล่อยเจียงไป เหตุผลสำคัญมิใช่ต้องการเปิดโอกาสให้จูเอินไหลแสดงความกตัญญูตอบแทนบุญคุณครู แต่ต้องการให้เจียงไคเช็คกลับไปต่อสู้กวาดล้างกองทัพญี่ปุ่นต่างหาก กองทัพแดงจะได้เบาแรง กลับมาคิดบัญชีกองทัพก๊กมินตั๋งและเจียงทีหลัง

แปลว่า นักยุทธศาสตร์คอมมิวนิสต์ฉลาด รู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวาน มุ่งเอาความสำเร็จอันเป็นเป้าหมายหลักเป็นใหญ่ แทนที่จะพอใจกับชัยชนะเป็นครั้งคราว

ผมไม่ทราบว่าเรื่องนี้พอจะเป็นอุทาหรณ์เรื่องหม่อมอุ๋ยได้หรือไม่ แต่ทราบว่า การออกจากตำแหน่งของหม่อมอุ๋ยโดยกะทันหัน จะต้องมีผลกระทบถึงความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจไทยในภาพรวมแน่ๆ

ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าใครคนหนึ่งจะเป็นบุคคลที่ขาดมิได้ ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะขาดมิได้

ข้อสำคัญอยู่ที่ความเหมาะสมของเงื่อนไข และเงื่อนเวลากับลักษณะของงานนั้นๆ

ในขณะเดียวกัน ผมก็หูไม่หนวก กระทั่งไม่ได้ยินว่า พอเข้ารับตำแหน่งหมาดๆ หม่อมอุ๋ยก็ได้กระทำการปกป้องอธิบดีกรมสรรพากร ที่หลายฝ่ายเห็นว่าบกพร่องต่อหน้าที่ เป็นเครื่องมือของครอบครัวชินวัตร หม่อมอุ๋ยอีกเหมือนกันที่รีบออกมาพูดว่า การซื้อที่ดินของภริยาทักษิณโปร่งใสไม่มีอะไรผิดปกติ

ทั้งสองเรื่องนี้ ผิดถูกอย่างไร สังคมมีสิทธิที่จะตรวจสอบ สนธิเอง ในฐานะเป็นสื่อ จะต้องถือเป็นหน้าที่ด้วยซ้ำ ที่จะต้องวิเคราะห์และแสวงหาความจริงมารายงานให้สังคมทราบ ส่วนหม่อมอุ๋ยก็จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูดออกไป ในฐานะที่ตนเป็นรัฐมนตรี

ส่วนเรื่องที่ยากกว่านี้ ก็คือในทางครอบครัว หม่อมอุ๋ยเป็นน้องภริยาของนายบัญชา ล่ำซำ ประมุขผู้ล่วงลับของตระกูลล่ำซำ ที่คุมทั้งธนาคารกสิกรไทย บริษัทล็อกซเล่ย์ และอื่นๆ สนธิก็มีหน้าที่อีกเหมือนกันที่จะเสนอให้สังคมทราบว่าการที่หม่อมอุ๋ยอาจจะมีหุ้นในบริษัทที่มีผลประโยชน์กับสัมปทานหวยออนไลน์คือล็อกซเล่ย์นั้น เป็นการมีส่วนได้เสียหรือไม่ ถ้ามี เกิดขึ้นเมื่อใด ก่อนหรือหลังการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี

ถ้าก่อน หากไม่มีข้อกำหนดอย่างอื่นที่จะตัดสิทธิหม่อมอุ๋ยได้ ก็จะต้องพิจารณาว่า ได้รายงานแล้ว ครบถ้วนตามกฎหมายหรือไม่ ในปัจจุบันประเทศไทยมีระบบแล้วหรือยัง ที่จะให้มีการประกาศและนำหุ้นนั้นไปขายหรือฝากแล้วแต่กรณีกับบริษัทมหาชนที่ไม่มีส่วนได้เสีย หากยังไม่มีกฎดังกล่าว สมควรหรือไม่ที่รัฐบาลและหม่อมอุ๋ยจะต้องรีบสร้างกฎนั้นขึ้นมาเสียให้เรียบร้อย แทนที่จะรีบออกกฎหมายมารับรองการค้าหวยเพื่อเห็นแก่รายได้เพียงเล็กน้อยของรัฐบาล

ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ลืมว่า เอเย่นต์ที่ขายหวยดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นร้านค้ากระจอกงอกง่อย จะต้องสูญเสียรายได้และความเป็นอยู่ของครอบครัว ที่จู่ๆ รัฐบาลก็มาตัดรายได้อันชอบธรรมของเขาออกไป โดยไม่มีอะไรทดแทน เหมือนกับว่า บ้านนี้เมืองนี้ราษฎรไม่มีความหมาย รัฐบาลอยากจะทำอะไรก็ทำ โดยไม่คำนึงถึงหัวอกคนยากจนเลยสักนิด (ช่างต่างกับทักษิณเสียเหลือเกิน ชาวบ้านคิดนะครับ มิใช่ผมคิด)

ผมเอง รู้จักและรักใคร่นับถือหม่อมอุ๋ยและสนธิดีทั้งคู่ และรู้ว่าในเรื่องนี้ ต่างคนต่างก็ไม่ผิด ในขณะที่ผมนิยมชมชอบและยกหัวแม่โป้งให้กับขบวนการสนธิ ผมก็ยกหัวแม่โป้งให้พลเอกสุรยุทธที่ยกตำแหน่งสำคัญให้หม่อมอุ๋ย

ผมเชื่อในความสามารถและตั้งใจของหม่อมอุ๋ย และผมรู้ด้วยว่าหม่อมอุ๋ยในฐานะผู้ว่าการธนาคารชาติได้ต่อสู้กับทักษิณเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติในเรื่องใดบ้าง

แน่นอนที่สุด หม่อมอุ๋ยก็เป็นมนุษย์ปุถุชน และผู้ที่เข้ารับตำแหน่งสูงในระบบราชการ และการเมืองไทยต้องพากันตกเป็นเหยื่อของระบบกันทั้งสิ้น มากบ้างน้อยบ้าง สุดแต่ว่าใครจะต่อสู้ชนะความมักง่ายมักได้ของตนเองและบริวารได้ดีกว่ากัน

ที่ผมพูดเช่นนี้เท่ากับเป็นการลงคะแนนไว้วางใจหม่อมอุ๋ย แต่มิใช่การปกป้องให้หม่อมอุ๋ยอยู่เหนือการตรวจสอบ ผมไม่เคยปกป้องแม้แต่พี่น้องในไส้ ถ้าหากรู้ว่า สิ่งที่เขาทำนั้นแม้นจะสุจริตและไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นการทำลายผลประโยชน์ของส่วนรวม

เรื่องของบ้านเมืองนี้มันยาก และจะลำบากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ หากแต่ละคนไม่รู้จักแยกแยะ และเอาแต่ใจ (หรือผลประโยชน์) ของตัวเป็นใหญ่

ในทางการเมือง คนที่เอาแต่ใจของตนเป็นใหญ่คือคนที่ไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ว่าจะดำรงตำแหน่งสูงลิบอย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเรื่องบ้านเมืองที่เอาแต่ใจคนเป็นใหญ่ทำให้สถาบันการเมือง ไม่บรรลุนิติภาวะไปด้วย ฉันใดก็ฉันนั้น สื่อก็อาจไม่บรรลุนิติภาวะได้เหมือนกัน

การบรรลุนิติภาวะนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผมหวัง และเชื่อว่า สนธิก็ดี พลเอกสนธิก็ดี นายกรัฐมนตรีก็ดี และรัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็ดี ต่างก็เป็นผู้บรรลุนิติภาวะทางการเมืองแล้ว

แต่ผมไม่เชื่อ และไม่มีวันเชื่อว่า คมช.หลายคน สมาชิกสภานิติบัญญัติฯ หลายคน จะเป็นผู้บรรลุนิติภาวะทางการเมือง เพราะพวกที่วิ่งเต้น เล่นพวก และโหนผู้ใหญ่เป็นสันดาน จะบรรลุนิติภาวะได้อย่างไร

ดังนั้นการตรวจสอบโดยสังคมและสื่อที่บรรลุนิติภาวะจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็น

การตรวจสอบนั้นมีหลายประเภท แต่ที่สำคัญมี 2 อย่าง คือ กับการตรวจสอบภายในด้วยตนเองและการตรวจสอบภายนอกด้วยคนอื่น และทั้ง 2 อย่างก็มีทั้งการตรวจสอบก่อนและการตรวจสอบหลัง

การตรวจสอบทีหลังเมื่อเกิดความเสียหายเสียแล้ว ก็เหมือนกับวัวหายแล้วจึงล้อมคอก อาจจะเสียหายต่อบ้านเมืองมากถ้าเป็นเรื่องใหญ่

การตรวจสอบให้รอบคอบเสียก่อนทุกๆ ทาง อย่างที่ภาษาธุรกิจเรียกว่า due diligence เป็นสิ่งที่ขาดมิได้ทางการเมืองเช่นเดียวกัน

โดยธรรมชาติถ้าหากสิ่งแวดล้อมหรือร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ใกล้เคียงกัน ฝรั่งกับไทยมิได้วิเศษเลิศลอยหรือด้อยกว่ากันหรอก แต่ทว่า ฝรั่งมักจะมีระบบและความระมัดระวังในการตรวจสอบดีกว่าจนเราเทียบไม่ติด ความรูสึกแบบถ่อมตัว มีสามัญสำนึก และมีโยนิโสมนสิการ ฝรั่งมีสูง ทั้งๆที่อันหลังนี้เป็นเรื่องพุทธ แต่ผู้นำไทยมักจะขาดเรื่องนี้สู้ฝรั่งไม่ได้

นั่นเป็นระดับองค์ประกอบของระบบ คือตัวบุคคล แต่องค์ประกอบที่เป็นองค์กร ก็มีสำนึกและระบบตรวจสอบล่วงหน้าและทีหลังเหมือนกัน ยกตัวอย่างระบบประธานาธิบดี เรื่อง การแต่งตั้งบุคคลเป็นรัฐมนตรี ผู้พิพากษา ทูตหรือตำแหน่งสำคัญที่วุฒิสภาต้องให้ความเห็นชอบ นอกจากประธานาธิบดีจะต้องมีทั้งทีมสรรหาส่วนตัว ยังจะต้องมีคณะกรรมการที่เป็นทางการของพรรคและของทางราชการ ต่างฝ่ายก็ต้องมีมาตรการ มาตรฐาน และเช็กลิสต์หรือบัญชีตรวจสอบรายการ เพื่อเปรียบเทียบหาความเหมาะสม ข้อบกพร่อง หรือประเด็นที่สนับสนุนคัดค้านการแต่งตั้งบุคคลนั้นๆ ก่อนที่จะส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาแนะนำหรืออนุมัติอีกชั้นหนึ่ง

การแต่งตั้งแบบที่ผู้คนเข้าใจว่างุบงิบหรือตบตาหัวหน้ารัฐบาลอย่างเช่นการแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ 2 คนของเรา แทบจะเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในระบบอเมริกัน

ยิ่งรัฐมนตรีคือคุณสมหมาย ภาษี เพียงเอ่ยแต่ชื่อก็จะไม่สามารถผ่านด่านสื่อได้ เพราะ เรื่องการขายตึกบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมให้ภริยานายกรัฐมนตรีเอาไปทำพรรค ถึงแม้จะสุจริตและไม่ผิดกฎหมาย ก็คงไม่พ้นข้อครหาทางจริยธรรมนานัปการ

ข้อครหานั้นจะลามปามมาถึงนายกฯ ว่าตัดสินใจโดยไม่คำนึงถึงน้ำใจของผู้คน เพราะเอาผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมุนหรือผู้เอื้อประโยชน์ให้ทักษิณมาใช้ โดยไม่แยแสว่าคนสิบล้านที่เกลียดทักษิณเขาจะคิดอย่างไร

การตัดสินใจเอาแต่ใจตัวเองหรือพวกนั้นเป็นการตัดสินใจโดยอุปาทานหรือผลประโยชน์ ถือว่าเป็นการตัดสินใจบนพื้นฐานของ subjective data หรือข้อมูลตามใจชอบ ต่างกับ objective data หรือข้อมูลที่ตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้า

ผู้นำที่ตัดสินใจโดย objective data ปราศจากการแทรกแซงโดยบารมี อารมณ์ ความเกรงใจ ความเกลียดหรือความสงสารของผู้ที่เกี่ยวข้อง จึงจะถือว่าเป็นผู้นำที่บรรลุนิติภาวะได้

ไม่มีครั้งใด ที่สังคมไทยจะต้องตัดสินใจด้วยปัญญาสมาธิและความกล้าหาญปราศจากการแทรกแซงของผลประโยชน์ ความเกรงกลัว หรือบารมีเท่ากับครั้งนี้

ผมเห็นว่าการกระทำหน้าที่ให้ถึงที่สุดและดีที่สุดเป็นหน้าที่ของผู้นำการเมืองทุกคน แต่ก็ไม่ควรลืมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์เรื่องต้องรู้จักประมาณเรื่องกาลเวลา

มีภาษิตฝรั่งว่า อย่ามุ่งเอาชนะแต่เพียงคดี (case) โดยสูญเสียความดีที่เป็นเป้าหมายสูงสุด (cause) ก็แล้วกัน

ผู้นำที่บรรลุนิติภาวะอย่างแท้จริงต้องรู้จักแยกแยะ และรักษาผลประโยชน์สูงสุดของบ้านเมืองถึงที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น