xs
xsm
sm
md
lg

‘เจ้าชายจิกมี’เสด็จถึงไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เจ้าชายจิกมีเสด็จถึงประเทศไทย รัฐบาลไทยเตรียมถวายแจกันบูรณะกะตะมหาคงคา ที่ทำจากดินดำอายุถึง 1 ล้านปี ด้านอธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิตเตรียมโครงการให้ทุนชาวภูฏานถวายเจ้าชายจิกมีในวันพระราชสมภพปีหน้า ในโอกาสเสด็จทรงรับทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์

วานนี้( 23 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. มกุฎราชกุมาร จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จถึงประเทศไทยด้วยเที่ยวบิน KB 126 โดยมีเอกอัครราชทูตภูฏานประจำประเทศไทย เฝ้ารับเสด็จ ณ อาคารห้องรับรองพิเศษ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และจากนั้นเจ้าชายจิกมีได้เสด็จไปยังโรงแรมที่ประทับ เชอราตัน ออร์คิด โดยสื่อมวลชนและประชาชนสามารถเฝ้ารับเสด็จและบันทึกภาพได้ที่โรงแรมดังกล่าว

ทั้งนี้ วันนี้(24 พ.ย.)เจ้าชายจิกมีจะเสด็จเยือนจังหวัดเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เพื่อทรงร่วมงานมหกรรมพืชสวนโลก เฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ที่ ต.แม่เหียะ ซึ่งทางภูฏานได้นำสวนมาจัดแสดงเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ด้วย เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ไมตรีระหว่างไทยกับภูฏาน

นายรุ่งโรจน์ เหมันต์สุทธิกุล ประธานบริษัทเพาว์เวอร์ ยูนิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทางกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเวียงกาหลง จ. เชียงราย ในนามของรัฐบาลไทย ได้จัดเตรียมแจกันบูรณะกะตะมหาคงคา เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาณ ในโอกาสที่เสด็จทอดพระเนตรงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายนนี้ โดยมี นายธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้มอบ

สำหรับรายละเอียดแจกันบูรณะกะตะมหาคงคามี ลวดลายบอกเล่าถึงนางพญากาเผือกและรูปปลาในแม่น้ำคงคา ตั้งชื่อตามความหมายของบูรณะกะตะ ที่หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ และมีแม่น้ำคงคา แจกันมีความสูง 104 เซนติเมตร เส้นรอบวงกว้าง 161 เซนติเมตร เป็นแจกันประวัติศาสตร์ของสกุลช่างเวียงกาหลง ที่ทำจากดินดำ 100 เปอร์เซ็นต์ มีอายุถึง 1 ล้านปี และเป็นหนึ่งในจำนวนของแจกัน 114 ใบที่ปั้นขึ้นมา ซึ่งคงไม่ปั้นขึ้นมาอีกแล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา ในนามของรัฐบาล เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี

วันเดียวกันดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปยังราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อทูลเชิญมกุฎราชกุมารจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เพื่อทรงร่วมพิธีประสาทปริญญาประจำปี 2549 ซึ่งสภามหาวิทยาลัยทูลเกล้าฯ ถวายปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ แด่พระองค์ ซึ่งจากที่ได้เข้าเฝ้าฯ และพระองค์ทรงมีพระปฏิสันถารทรงเล่าว่าพระองค์ทรงชื่นชม 3 บุคคล โดยพระองค์แรกคือ พระราชบิดา ที่ทรงเจริญรอยตาม พระองค์ที่สองคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของไทย พระองค์ทรงซาบซึ้งมาก ทรงเรียนรู้พระราชจริยาวัตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชดำริ โครงการหลวง และแนวทางดำเนินการครองแผ่นดินโดยธรรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และบุคคลที่สามคือ ลี กวน ยู อดีตนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ ที่สร้างประเทศขึ้นมาเป็นปึกแผ่นล้ำหน้าประเทศอื่น นอกจากนี้ พระองค์ตรัสว่า พระองค์สละแล้วซึ่งความสุขส่วนพระองค์ ความรักแบบวัยรุ่นไม่มีแล้ว พระองค์ตัดออกไปแล้ว ความสำคัญของพระองค์ทรงทุ่มเทให้กับหน้าที่ที่จะทรงขึ้นครองราชย์ในปี 2551

ดร.อาทิตย์ กล่าวด้วยว่า มกุฎราชกุมารจิกมี ยังทรงเล็งเห็นความสำคัญของการศึกษาของชาติ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในด้านต่าง ๆ สำคัญที่สุด และทรงขอความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัยด้วย เมื่อก่อนภูฏานพึ่งทางประเทศอินเดียเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันมาทางประเทศไทย ประเทศไทยก็จะเป็นต้นแบบให้ภูฏานได้เรียนรู้ ชาวภูฏานได้มาเรียนที่มหาวิทยาลัยรังสิตประมาณ 10 ปีแล้ว ปัจจุบันมีนักศึกษากว่า 30 คน ส่วนใหญ่เรียนสาขาปรัชญา การเมือง และเศรษฐศาสตร์ และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองพระราชปณิธานในมกุฎราชกุมารจิกมี ที่ทรงเห็นความสำคัญของการศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิตจึงเสนอโครงการความร่วมมือระหว่างกันเรียกว่า ็โครงการพัฒนาทรัพยากรมนุษยิ์ เป็นเวลา 10 ปีตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ด้าน คือ 1.ให้ทุนเรียนด้านการศึกษาและครู ระดับปริญญาโทปีละ 5 ทุน ทุนหลักสูตรระยะสั้นอีก 5 ทุน 2.ให้สาขาพื้นฐานต่าง ๆ ตามที่ภูฏานต้องการ ปีละ 5 ทุน และทุนหลักสูตรระยะสั้นอีก 15 ทุน ส่วนด้านที่ 3 และ 4 จะเป็นการเข้าไปพัฒนาดูแลปรับปรุงโรงเรียนระดับประถม-มัธยมและมหาวิทยาลัยร่วมกัน

“ให้ทุนชาวภูฏานมาเรียน และเราจะตั้งชื่อทุนนี้ว่า TONGSA PENLOP SCOLARSHIP แปลว่า ทุนมกุฎราชมาร ก็หวังว่าทางภูฏานจะพิจารณาเสร็จว่าจะส่งมาเรียนสาขาใด เมื่อเราตกลงในหลักการแล้ว เขาจะคัดเลือกบุคคลมารับทุน หวังว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เราจะรู้และนัดลงนามบันทึกความเข้าใจ โดยทูลเชิญเจ้าชายจิกมีทรงมอบทุนให้ในวันนั้นด้วย ซึ่งในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันพระราชสมภพของพระองค์ ผมคงจะไปที่ภูฏาน ซึ่งโครงการนี้ก็เหมือนกับเฉลิมฉลองที่เจ้าชายจิกมี เสด็จฯ มารับปริญญาและวันพระราชสมภพของพระองค์ปีหน้า และกับการขึ้นครองราชย์ของพระองค์ในปี 2551”

ด้านนายเอกชัย สมบูรณ์ อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ได้ออกแบบพระเก้าอี้สำหรับมกุฎราชกุมารจิกมี เพื่อประทับในห้องประชุมเพื่อทรงปาฐกถาแก่บัณฑิตที่เข้ารับปริญญา ซึ่งจากโจทย์ที่ได้รับมาให้นำตราประจำพระองค์มาออกแบบเป็นพระเก้าอี้ ตนได้นำตราพระองค์จากหัวจดหมายขนาด 2 นิ้วมาขยายและปั้นด้วยดิน หล่อเป็นไฟเบอร์ ส่วนของพระเก้าอี้ได้นำจากเก้าอี้ที่มีอยู่เดิม และผูกลายขึ้นใหม่ด้านบนทั้งหมด แล้วให้ทางร้านแกะลายตราประจำพระองค์ หลังประทับจนเสร็จพิธี จะจัดส่งพระเก้าอี้ไปที่ประเทศภูฏาน เป็นพระเก้าอี้ประจำพระองค์

“แนวคิดจัดเตรียมสถานที่ ได้รับแนวคิดจากราชเลขาธิการในพระองค์เจ้าชายจิกมี ว่า ทรงให้เรียบง่าย เราก็รับแนวคิดนั้นมา ขณะเดียวกันในความเรียบง่ายก็ต้องให้มีอะไรที่พิเศษในฐานะพระองค์ทรงเป็นราชอาคันตุกะของประเทศเรา นำสัญลักษณ์สิ่งมงคล 8 อย่างที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของภูฏานมาตกแต่งในห้องประชุม มีการประดับธงประเทศภูฏานสลับกับไทย นำดอกไม้สีต่าง ๆ จากจังหวัดเลย มาประดับให้สมพระเกียรติ เราไม่ได้ทำอะไรเกินเลย เพราะยังคงรูปแบบใกล้เคียงกับที่เราเคยจัดอยู่”
กำลังโหลดความคิดเห็น