ทูตสหรัฐพบ “มีชัย” ห่วงร่าง รธน.ไทยช้า ประธาน สนช.ยันเสร็จใน 1 ปี เผยใช้อิมแพคอารีนา เป็นที่ประชุมสมัชชาฯนัดแรกเพื่อเลือกจาก 2 พันให้เหลือ 200 ด้าน คมช.หวั่นข้อครหาส่งคนคุมสภาร่าง รธน. ขอเลือกตัวแทนนั่งสมัชชาฯ เพียง 20 คนที่เหลือ แบ่งโควต้าให้กลุ่มต่างๆ ร่วมสรรหาให้ได้ 115 คน ด้านอนุ กดส. เผย 2 พันชื่อสมัชชาฯเสร็จแน่สัปดาห์นี้ คาด 1 เดือนจัดประชุมเลือกให้เหลือ 200 คนได้ พร้อมปฎิเสธมีการล็อบบี้ให้เข้ามาเป็นสมัชชาฯ
ที่รัฐสภา วานนี้ (21 พ.ย.) นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ให้การรับรอง นายราล์ฟ แอล บอยส์ จูเนียร์ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้ทีอำนาจเต็ม แห่งสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสที่นายมีชัยเข้ารับตำแหน่งและเพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทั่วไประหว่างสหรัฐฯกับประเทศไทย โดยได้ใช้เวลาในการหารือประมาณ 30 นาที
นายมีชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ขอบคุณนายราล์ฟ บอยส์ ที่ช่วยเหลือประเทศไทย โดยไม่ตัดความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งนายราล์ฟ บอยส์ ได้บอกว่า การที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้พบกับประธานาธิบดีจอร์ช บุช ทำให้การทำงานสะดวกขึ้น เพราะทำให้ประธานาธิบดีเข้าใจประเทศไทยดี
อย่างไรก็ตาม นายราล์ฟบอยส์ ได้แสดงความกังวลถึงระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนได้บอกว่ากำหนดระยะเวลาและขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนคือประมาณ 1 ปี อย่างไรก็ตามนายราล์ฟ บอยส์ ไม่ได้สอบถามถึงเรื่อง การยกเลิกกฎอัยการศึก เนื่องจากท่านอยู่ประเทศไทยมานานจึงเข้าใจได้ดี
นายมีชัย ยังถึงขั้นตอนภายหลังที่ได้รายชื่อสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,000 คน ว่า เมื่อได้รับรายชื่อแล้วจะมีการประกาศหลักเกณฑ์ กำหนดวันประชุม ซึ่งคาดว่าหลังวันที่ 10 ธ.ค. เพราะระหว่างนี้จะต้องมีการนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง จากนั้นจะส่งรายชื่อทั้งหมดให้สมาชิกแต่ละคนได้ศึกษา เพื่อไม่ให้เสียเวลาในขั้นตอนการเลือก ส่วนสถานที่ทางสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ได้เตรียมสถานที่การประชุมไว้ที่อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี
ที่รัฐสภา วันเดียวกัน นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ ประธานอนุกรรมการให้คำแนะนำและวินิจฉัยการดำเนินการขององค์กรหรือคณะบุคคล กล่าวภายหลังการประชุมว่า ทางอนุกรรมาธิการฯ มีการทำหนังสือคู่มือถามตอบเพื่อให้คำแนะนะ คำวินิจฉัย การดำเนินการเกี่ยวกับการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ โดยได้ส่งให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ เพื่อเป็นคู่มือในการตรวจสอบการสรรหาฯ และคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ที่มาจากตัวแทนภาคและกลุ่ม ซึ่งเชื่อว่าเมื่อคัดสรรได้ 2,000 คนปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยดี เพราะมาจากหลากหลายอาชีพ
คมช.กลัวข้อครหาไม่เลือกสมัชชาฯทั้งหมด
พล.ต. ปัญญา รอดเชื้อ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกและอนุกรรมการฯกล่าวว่าในบัญชีที่ 8 ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะคัดเลือก115 คนนั้น ขณะนี้ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ได้ออกประกาศ คมช.ในเรื่องของหลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติในส่วนของ คมช.ว่าจะมีการแบ่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ร่วมสรรหา โดยจะมีภาคบุคคลสรรหา 45 คน ได้แก่ประธานสภานิติบัญญัติ 5 คน ประธานศาลฏีกา 5 คน ประธานศาลปกครองสูงสุด 5 คน อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ(นาย อานันท์ ปันยารชุน )3 คน ประธาน ป.ป.ช. 3 คน ประธาน กกต. 3 คน ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 3 คน ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 3 คน ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา 3 คน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ3 คน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) 3 คน ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 3 คน เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า 3 คน
นอกจากนี้ยังมีภาคองค์กรสรรหา 50 คน ได้แก่ คณะกรรมการกฤษฏีกา เลือกกันเอง 10 คน ที่ประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เลือกกันเอง 5 คน สมาคมสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระบรมราชชูปถัมภ์ ในสมเด็จพระเทพฯ เลือกกันเอง 5 คน ยุวชนประชาธิปไตยของรัฐสภา เลือกกันเอง 5 คน กรรมการสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลือกกันเอง 5 คน คณะกรรมการกำกับดูแลการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ 15 คน
“ในส่วน คมช.จะพิจารณาเสนอบุคคลเพียง 20 เท่านั้น เพราะกลัวข้อครหาที่ว่า คมช.เลือกคนที่จะเข้าไปนั่งเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญไว้แล้ว ทั้งๆ ที่ คมช.สามารถ เสนอได้115คนก็ได้แต่เสนอไปเพียง 20 คนและเชื่อว่าในสัดส่วน 20 คน คงไม่สามารถล็อบบี้ให้เข้าไปนั่งในสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ เรื่องนี้ขอให้ดูในอนาคต ซึ่งอยากให้จับตากลุ่มอื่นมากกว่า”
ด้านพ.ท.พญ. กมลพรรณ ชีวพันธุ์ศรี อนุกรรมการฯ กล่าวว่า การที่ คมช.ตัดสินใจที่จะคัดสรรคนเข้าไปนั่งในสมัชชาแค่ 20 คนจะทำให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น เพราะจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้นและขอเรียกร้องให้ ครม.ทบทวนและดำเนินตามสิ่งที่ คมช.ทำ ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า คมช.เลือกคนเข้าไปนั่งในสภาร่าง แล้วนั้น ขอให้จับตาดูในอนาคต แต่ตนคิดว่าสังคมควรจับตาในบัญชีหนึ่งมากกว่า เพราะสามารถบล็อกโหวตกันได้
อย่างไรก็ตามขอให้ กดส.จังหวัดเร่งรีบ่ส่งรายชื่อสมัชชาในแต่ละจังหวัดเข้ามาโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ และโควตาจะตกไปอยู่ที่บัญชี 9ซึ่งรัฐบาลและ คมช.จะเป็นคนเลือกเข้ามาแทน
ประกาศ 2 พันชื่อสมัชชาฯ ได้ในสัปดาห์นี้
นายสุพจน์ ไข่มุกต์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ ในคณะกรรมการกำกับดูแลการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (กดส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาสมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,000คน ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่กดส.จังหวัดจะส่งรายชื่อมายังส่วนกลางว่า ขณะนี้มีการทยอยส่งรายชื่อมาเรื่อยๆ แล้ว คาดว่าจะได้รายชื่อครบทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามหากได้รายชื่อมาไม่ครบ กดส.ยังไม่ได้คุยกันว่า จะทำอย่างไร แต่ในระเบียบการสรรหาระบุถึงบัญชี 9 ที่ให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในการสรรหาให้ครบ
นายสุพจน์ กล่าวว่า จากนี้กดส.จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยเฉพาะการไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 2 ปี คาดว่าสัปดาห์นี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นและประกาศรายชื่อทั้ง 2,000 คนได้ และจะมีการทูลเกล้าฯ ส่วนการประชุมเพื่อเลือกกันเองให้เหลือ 200 คน คาดว่าจะประชุมได้หลังจากประกาศรายชื่อ 1 เดือน
ส่วนสถานที่ที่จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 200 คนนั้นคาดว่าน่าจะเป็นที่อิมแพค เมืองทองธานี หรือศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งจะมีการหารือกันอีกครั้ง ทั้งนี้กระบวนการสรรหาที่ผ่านมาอาจมีอุปสรรคบ้างเพราะมีเวลา งบประมาณการดำเนินการ บุคลากรน้อย และการประชาสัมพันธ์ข่าว กดส.โดนข่าวอื่นกลบหมดทำให้ประชาชนไม่ทราบข้อมูลเท่าที่ควร
สำหรับกรณีที่มีองค์กรภาคประชาชนหลายองค์กรไม่พอใจการสรรหาเนื่องจาก ไม่ได้รับการติดต่อโดยเฉพาะในส่วนตัวแทนสื่อวิทยุที่ออกมาเรียกร้องก่อนหน้านี้ เรื่องนี้คาดการยาก ต้องถามว่าบล็อกโหวตคืออะไร การล็อบบี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าล็อบบี้ให้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กดส.ยังไม่ได้ยินข่าวนี้ ทั้งนี้การสรรหา สมัชชาฯแบบนี้เป็นครั้งแรกคงมีอุปสรรคบ้าง แต่เชื่อว่าจะเป็นที่ยอมรับ
ส่วนแนวคิดการจัด 2,000 คนเป็น 2 บัญชี คือบัญชีคนที่เป็น สมาชิกพรรคการเมือง และบัญชีปลอดการเมือง ก็จะยังมีอยู่เพื่อให้สมาชิก ได้ทราบข้อมูลของแต่ละคนและป้องกันการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าข้างตัวเอง โดยเบื้องต้นคนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองจะไม่มีสิทธิ ได้รับการคัดเลือกเป็น 200 คน แต่มีสิทธิที่จะเลือกผู้อื่นได้ และยังคิดด้วยว่าจะให้สมัชชาฯแสดงวิสัยทัศน์ด้วยหรือไม่ ถ้าแสดงวิสัยทัศน์คาดว่า น่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันในการประชุมเพื่อคัดเลือกเหลือ 200 คน
นอกจากนี้หลังจากที่มีการคัดเลือกกันเองให้เหลือ 200 คนและคมช.เลือก ให้เหลือ 100 คนเพื่อเข้าไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้ว ผู้ที่เป็นสมัชชาฯ 1,900 คน กดส.จะไม่ทอดทิ้ง และกำลังหาสูตรว่าจะให้มีบทบาทอะไร อาจเป็น อนุกรรมการติดตามผลและสังเกตการณ์การร่างรัฐธรรมนูญ และเป็นพี่เลี้ยงเชื่อมข้อมูลของ สภาร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชน ซึ่งวันที่ 23 พ.ย.อนุฯประชาสัมพันธ์จะหารือว่าทั้ง 1,900 คนที่เหลือจะมีบทบาทอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวหาก กดส.ได้รายชื่อ 6 บัญชีจากกดส.จังหวัดไม่ครบ 1,770 คน มีการสั่งการให้กดส.จังหวัดเตรียมรายชื่อเพื่อเติมให้ครบจำนวนดังกล่าว ไว้แล้วนั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว และไม่เชื่อว่าจะใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ดีรายชื่อที่เข้ามาส่วนกลางที่ดูเหมือนจะหาได้ไม่ครบนั้น ต้องยอมรับว่า กดส.จังหวัดได้ชื่อมาล่าช้าทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติและส่งมาส่วนกลางช้าไปด้วย
สำหรับระเบียบการเลือกกันเองจาก 2,000 คนให้เหลือ 200 คน มีกระแสข่าวว่าจะเปิดให้เลือกอิสระคือเลือกข้ามกลุ่มได้นั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า โมเดลที่น่าจะเป็นไปได้สูงสุดคือ การแบ่งสมาชิกเป็น 4 ภาค คือ ภาครัฐ เอกชน วิชาการ และสังคม มีสัดส่วนใกล้เคียงกันและห้ามเลือกข้ามกลุ่ม ก็จะทำให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ และป้องกันบล็อกโหวต อย่างไรก็ดีต้องให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญติแห่งชาติ ซึ่งเป็นประธานสมัชชาแห่งชาติโดยตำแหน่งตัดสินใจว่าจะกำหนดวิธีการเลือกอย่างไร ส่วนกดส.จะหารือเรื่องนี้กับนายมีชัย หรือไม่ กดส.ชุดใหญ่น่าจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ
ที่รัฐสภา วานนี้ (21 พ.ย.) นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ให้การรับรอง นายราล์ฟ แอล บอยส์ จูเนียร์ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้ทีอำนาจเต็ม แห่งสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เนื่องในโอกาสที่นายมีชัยเข้ารับตำแหน่งและเพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทั่วไประหว่างสหรัฐฯกับประเทศไทย โดยได้ใช้เวลาในการหารือประมาณ 30 นาที
นายมีชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ขอบคุณนายราล์ฟ บอยส์ ที่ช่วยเหลือประเทศไทย โดยไม่ตัดความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งนายราล์ฟ บอยส์ ได้บอกว่า การที่พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้พบกับประธานาธิบดีจอร์ช บุช ทำให้การทำงานสะดวกขึ้น เพราะทำให้ประธานาธิบดีเข้าใจประเทศไทยดี
อย่างไรก็ตาม นายราล์ฟบอยส์ ได้แสดงความกังวลถึงระยะเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนได้บอกว่ากำหนดระยะเวลาและขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญมีความชัดเจนคือประมาณ 1 ปี อย่างไรก็ตามนายราล์ฟ บอยส์ ไม่ได้สอบถามถึงเรื่อง การยกเลิกกฎอัยการศึก เนื่องจากท่านอยู่ประเทศไทยมานานจึงเข้าใจได้ดี
นายมีชัย ยังถึงขั้นตอนภายหลังที่ได้รายชื่อสมาชิกสมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,000 คน ว่า เมื่อได้รับรายชื่อแล้วจะมีการประกาศหลักเกณฑ์ กำหนดวันประชุม ซึ่งคาดว่าหลังวันที่ 10 ธ.ค. เพราะระหว่างนี้จะต้องมีการนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง จากนั้นจะส่งรายชื่อทั้งหมดให้สมาชิกแต่ละคนได้ศึกษา เพื่อไม่ให้เสียเวลาในขั้นตอนการเลือก ส่วนสถานที่ทางสำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ได้เตรียมสถานที่การประชุมไว้ที่อิมแพคอารีนา เมืองทองธานี
ที่รัฐสภา วันเดียวกัน นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ ประธานอนุกรรมการให้คำแนะนำและวินิจฉัยการดำเนินการขององค์กรหรือคณะบุคคล กล่าวภายหลังการประชุมว่า ทางอนุกรรมาธิการฯ มีการทำหนังสือคู่มือถามตอบเพื่อให้คำแนะนะ คำวินิจฉัย การดำเนินการเกี่ยวกับการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ โดยได้ส่งให้คณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ เพื่อเป็นคู่มือในการตรวจสอบการสรรหาฯ และคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อ ที่มาจากตัวแทนภาคและกลุ่ม ซึ่งเชื่อว่าเมื่อคัดสรรได้ 2,000 คนปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายด้วยดี เพราะมาจากหลากหลายอาชีพ
คมช.กลัวข้อครหาไม่เลือกสมัชชาฯทั้งหมด
พล.ต. ปัญญา รอดเชื้อ ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกและอนุกรรมการฯกล่าวว่าในบัญชีที่ 8 ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จะคัดเลือก115 คนนั้น ขณะนี้ พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน ประธาน คมช.ได้ออกประกาศ คมช.ในเรื่องของหลักเกณฑ์ และวิธีการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติในส่วนของ คมช.ว่าจะมีการแบ่งให้ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ร่วมสรรหา โดยจะมีภาคบุคคลสรรหา 45 คน ได้แก่ประธานสภานิติบัญญัติ 5 คน ประธานศาลฏีกา 5 คน ประธานศาลปกครองสูงสุด 5 คน อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ(นาย อานันท์ ปันยารชุน )3 คน ประธาน ป.ป.ช. 3 คน ประธาน กกต. 3 คน ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 3 คน ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน 3 คน ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา 3 คน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ3 คน ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) 3 คน ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร 3 คน เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า 3 คน
นอกจากนี้ยังมีภาคองค์กรสรรหา 50 คน ได้แก่ คณะกรรมการกฤษฏีกา เลือกกันเอง 10 คน ที่ประชุมสภาอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย เลือกกันเอง 5 คน สมาคมสภาองค์การพัฒนาเด็กและเยาวชนในพระบรมราชชูปถัมภ์ ในสมเด็จพระเทพฯ เลือกกันเอง 5 คน ยุวชนประชาธิปไตยของรัฐสภา เลือกกันเอง 5 คน กรรมการสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เลือกกันเอง 5 คน คณะกรรมการกำกับดูแลการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ 15 คน
“ในส่วน คมช.จะพิจารณาเสนอบุคคลเพียง 20 เท่านั้น เพราะกลัวข้อครหาที่ว่า คมช.เลือกคนที่จะเข้าไปนั่งเป็นสภาร่างรัฐธรรมนูญไว้แล้ว ทั้งๆ ที่ คมช.สามารถ เสนอได้115คนก็ได้แต่เสนอไปเพียง 20 คนและเชื่อว่าในสัดส่วน 20 คน คงไม่สามารถล็อบบี้ให้เข้าไปนั่งในสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ เรื่องนี้ขอให้ดูในอนาคต ซึ่งอยากให้จับตากลุ่มอื่นมากกว่า”
ด้านพ.ท.พญ. กมลพรรณ ชีวพันธุ์ศรี อนุกรรมการฯ กล่าวว่า การที่ คมช.ตัดสินใจที่จะคัดสรรคนเข้าไปนั่งในสมัชชาแค่ 20 คนจะทำให้เกิดความโปร่งใสมากขึ้น เพราะจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้นและขอเรียกร้องให้ ครม.ทบทวนและดำเนินตามสิ่งที่ คมช.ทำ ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่า คมช.เลือกคนเข้าไปนั่งในสภาร่าง แล้วนั้น ขอให้จับตาดูในอนาคต แต่ตนคิดว่าสังคมควรจับตาในบัญชีหนึ่งมากกว่า เพราะสามารถบล็อกโหวตกันได้
อย่างไรก็ตามขอให้ กดส.จังหวัดเร่งรีบ่ส่งรายชื่อสมัชชาในแต่ละจังหวัดเข้ามาโดยเร็ว มิเช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์ และโควตาจะตกไปอยู่ที่บัญชี 9ซึ่งรัฐบาลและ คมช.จะเป็นคนเลือกเข้ามาแทน
ประกาศ 2 พันชื่อสมัชชาฯ ได้ในสัปดาห์นี้
นายสุพจน์ ไข่มุกต์ ประธานอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ ในคณะกรรมการกำกับดูแลการสรรหาสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (กดส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาสมัชชาแห่งชาติจำนวน 2,000คน ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่กดส.จังหวัดจะส่งรายชื่อมายังส่วนกลางว่า ขณะนี้มีการทยอยส่งรายชื่อมาเรื่อยๆ แล้ว คาดว่าจะได้รายชื่อครบทั้งหมดภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามหากได้รายชื่อมาไม่ครบ กดส.ยังไม่ได้คุยกันว่า จะทำอย่างไร แต่ในระเบียบการสรรหาระบุถึงบัญชี 9 ที่ให้อำนาจคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ในการสรรหาให้ครบ
นายสุพจน์ กล่าวว่า จากนี้กดส.จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ โดยเฉพาะการไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองหรือดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 2 ปี คาดว่าสัปดาห์นี้จะดำเนินการเสร็จสิ้นและประกาศรายชื่อทั้ง 2,000 คนได้ และจะมีการทูลเกล้าฯ ส่วนการประชุมเพื่อเลือกกันเองให้เหลือ 200 คน คาดว่าจะประชุมได้หลังจากประกาศรายชื่อ 1 เดือน
ส่วนสถานที่ที่จะมีการคัดเลือกให้เหลือ 200 คนนั้นคาดว่าน่าจะเป็นที่อิมแพค เมืองทองธานี หรือศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ซึ่งจะมีการหารือกันอีกครั้ง ทั้งนี้กระบวนการสรรหาที่ผ่านมาอาจมีอุปสรรคบ้างเพราะมีเวลา งบประมาณการดำเนินการ บุคลากรน้อย และการประชาสัมพันธ์ข่าว กดส.โดนข่าวอื่นกลบหมดทำให้ประชาชนไม่ทราบข้อมูลเท่าที่ควร
สำหรับกรณีที่มีองค์กรภาคประชาชนหลายองค์กรไม่พอใจการสรรหาเนื่องจาก ไม่ได้รับการติดต่อโดยเฉพาะในส่วนตัวแทนสื่อวิทยุที่ออกมาเรียกร้องก่อนหน้านี้ เรื่องนี้คาดการยาก ต้องถามว่าบล็อกโหวตคืออะไร การล็อบบี้เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าล็อบบี้ให้เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว กดส.ยังไม่ได้ยินข่าวนี้ ทั้งนี้การสรรหา สมัชชาฯแบบนี้เป็นครั้งแรกคงมีอุปสรรคบ้าง แต่เชื่อว่าจะเป็นที่ยอมรับ
ส่วนแนวคิดการจัด 2,000 คนเป็น 2 บัญชี คือบัญชีคนที่เป็น สมาชิกพรรคการเมือง และบัญชีปลอดการเมือง ก็จะยังมีอยู่เพื่อให้สมาชิก ได้ทราบข้อมูลของแต่ละคนและป้องกันการเข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเข้าข้างตัวเอง โดยเบื้องต้นคนที่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองจะไม่มีสิทธิ ได้รับการคัดเลือกเป็น 200 คน แต่มีสิทธิที่จะเลือกผู้อื่นได้ และยังคิดด้วยว่าจะให้สมัชชาฯแสดงวิสัยทัศน์ด้วยหรือไม่ ถ้าแสดงวิสัยทัศน์คาดว่า น่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 วันในการประชุมเพื่อคัดเลือกเหลือ 200 คน
นอกจากนี้หลังจากที่มีการคัดเลือกกันเองให้เหลือ 200 คนและคมช.เลือก ให้เหลือ 100 คนเพื่อเข้าไปเป็นสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้ว ผู้ที่เป็นสมัชชาฯ 1,900 คน กดส.จะไม่ทอดทิ้ง และกำลังหาสูตรว่าจะให้มีบทบาทอะไร อาจเป็น อนุกรรมการติดตามผลและสังเกตการณ์การร่างรัฐธรรมนูญ และเป็นพี่เลี้ยงเชื่อมข้อมูลของ สภาร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชน ซึ่งวันที่ 23 พ.ย.อนุฯประชาสัมพันธ์จะหารือว่าทั้ง 1,900 คนที่เหลือจะมีบทบาทอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวหาก กดส.ได้รายชื่อ 6 บัญชีจากกดส.จังหวัดไม่ครบ 1,770 คน มีการสั่งการให้กดส.จังหวัดเตรียมรายชื่อเพื่อเติมให้ครบจำนวนดังกล่าว ไว้แล้วนั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าว และไม่เชื่อว่าจะใช้วิธีนี้ อย่างไรก็ดีรายชื่อที่เข้ามาส่วนกลางที่ดูเหมือนจะหาได้ไม่ครบนั้น ต้องยอมรับว่า กดส.จังหวัดได้ชื่อมาล่าช้าทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติและส่งมาส่วนกลางช้าไปด้วย
สำหรับระเบียบการเลือกกันเองจาก 2,000 คนให้เหลือ 200 คน มีกระแสข่าวว่าจะเปิดให้เลือกอิสระคือเลือกข้ามกลุ่มได้นั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า โมเดลที่น่าจะเป็นไปได้สูงสุดคือ การแบ่งสมาชิกเป็น 4 ภาค คือ ภาครัฐ เอกชน วิชาการ และสังคม มีสัดส่วนใกล้เคียงกันและห้ามเลือกข้ามกลุ่ม ก็จะทำให้ได้สัดส่วนพอเหมาะ และป้องกันบล็อกโหวต อย่างไรก็ดีต้องให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญติแห่งชาติ ซึ่งเป็นประธานสมัชชาแห่งชาติโดยตำแหน่งตัดสินใจว่าจะกำหนดวิธีการเลือกอย่างไร ส่วนกดส.จะหารือเรื่องนี้กับนายมีชัย หรือไม่ กดส.ชุดใหญ่น่าจะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญ