“บอนกาแฟ” เดินเครื่องรุกตลาดต่างประเทศ หวังดันยอดโตเพิ่ม 20% พร้อมตั้งหน้าตั้งตาเจาะช่องทางค้าปลีกเพิ่ม เน้นตลาดองค์กร ล่าสุดเปิดตัว “พรีเมี่ยม เบลนด์” ลุยโค้งท้ายปีส่งยอดขายรวมโต 20% ตามเป้า
นางมาลีรัตน์ ธนาประชุม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง แผนการดำเนินการในปีหน้าบริษัทฯจะรุกทำตลาดในต่างประเทศเพิ่มเติมโดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา จากปัจจุบันที่กาแฟของบริษัทฯได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดตะวันออกกลางและอาหรับ รวมทั้งในยุโรป คือ ประเทศเยอรมัน
โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออกอีก 20% จากมูลค่าการส่งออกในปี 2549 ที่คาดว่าจะมีประมาณ 130 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ารายได้รวมสิ้นปีนี้ของบริษัทฯจะมีประมาณ 500 ล้านบาทเป็นรายได้จากการทำตลาดในประเทศประมาณ 370 ล้านบาทและตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายจากทุกส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 20%
นอกจากนี้ ในปี 2550 บริษัทฯมีแผนรุกตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกมากขึ้นทั้งการขายผ่านโมเดิร์นเทรดและการใช้ช่องทางใหม่เจาะกลุ่มองค์กรและบริษัทฯ ด้วยระบบการขายแบบ OCS หรือ Office Coffee System โดยตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้ช่องทางค้าปลีกให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% จากปัจจุบันที่มีรายได้ผ่านช่องทางดังกล่าว 10%
ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ประมาณ 90% มาจากการขายตรงผ่านธุรกิจโรงแรมและร้านขายกาแฟรวมทั้งมีแผนการทำตลาดเครื่องชงกาแฟราคาถูกสำหรับขายให้ผู้ดื่มกาแฟเพื่อเป็นการกระตุ้นการบริโภคกาแฟของคนไทยให้มากขึ้น
นางมาลีรัตน์กล่าวต่อว่า “บริษัทฯจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการทำงานมากขึ้นด้วยการแบ่งแผนกการทำงานที่ชัดเจน เพื่อดูแลการขายในแต่ละช่องทางโดยเฉพาะทั้งการขายผ่านโมเดิร์นเทรด การขายผ่านกลุ่มโรงแรมและร้านกาแฟและผ่านช่องทางใหม่ ด้วยระบบการขายแบบ OCS”
พร้อมกันนี้บริษัทฯได้วางงบการทำตลาดสำหรับปีหน้าไว้ 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพื่อใช้ผลักดันตลาดค้าปลีก โดยจัดวางกลยุทธ์แบบบีโลว์เดอะไลน์ ผ่านอีเว้นต์มาร์เก็ตติ้งและโปรโมชั่นหน้าร้าน และ อะโบฟเดอะไลน์ ผ่านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รวมถึงการโปรโมชั่นต่างๆ
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัว “บอนกาแฟพรีเมี่ยม เบล็น” 3 รสชาติใหม่ ได้แก่ คาเฟ่ ราม่า , คาเฟ่ ครีม่าและคาเฟ่คลาสสิคก้าสำหรับเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟคั่วบดในระดับพรีเมี่ยมคุณภาพสูงแต่ราคาไม่แพงและเป็นการกระตุ้นตลาด
สำหรับภาพรวมของตลาดกาแฟในปีนี้มีอัตราการเติบโตค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากไม่มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำตลาดประกอบกับไลฟ์สไตล์ในการบริโภคของผู้บริโภคไม่มีเทรนด์ใหม่ๆเข้ามาช่วยกระตุ้นการบริโภคซึ่งในปีหน้าคาดว่า ภาพรวมตลาดน่ายังคงชะลอตัวเหมือนกับปีนี้
นางมาลีรัตน์ ธนาประชุม กรรมการผู้จัดการ บริษัท บอนกาแฟ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึง แผนการดำเนินการในปีหน้าบริษัทฯจะรุกทำตลาดในต่างประเทศเพิ่มเติมโดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา จากปัจจุบันที่กาแฟของบริษัทฯได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดตะวันออกกลางและอาหรับ รวมทั้งในยุโรป คือ ประเทศเยอรมัน
โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออกอีก 20% จากมูลค่าการส่งออกในปี 2549 ที่คาดว่าจะมีประมาณ 130 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ารายได้รวมสิ้นปีนี้ของบริษัทฯจะมีประมาณ 500 ล้านบาทเป็นรายได้จากการทำตลาดในประเทศประมาณ 370 ล้านบาทและตั้งเป้าอัตราการเติบโตของยอดขายจากทุกส่วนเพิ่มขึ้นประมาณ 20%
นอกจากนี้ ในปี 2550 บริษัทฯมีแผนรุกตลาดผ่านช่องทางค้าปลีกมากขึ้นทั้งการขายผ่านโมเดิร์นเทรดและการใช้ช่องทางใหม่เจาะกลุ่มองค์กรและบริษัทฯ ด้วยระบบการขายแบบ OCS หรือ Office Coffee System โดยตั้งเป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนรายได้ช่องทางค้าปลีกให้เพิ่มขึ้นเป็น 15% จากปัจจุบันที่มีรายได้ผ่านช่องทางดังกล่าว 10%
ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ประมาณ 90% มาจากการขายตรงผ่านธุรกิจโรงแรมและร้านขายกาแฟรวมทั้งมีแผนการทำตลาดเครื่องชงกาแฟราคาถูกสำหรับขายให้ผู้ดื่มกาแฟเพื่อเป็นการกระตุ้นการบริโภคกาแฟของคนไทยให้มากขึ้น
นางมาลีรัตน์กล่าวต่อว่า “บริษัทฯจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่เพื่อให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการทำงานมากขึ้นด้วยการแบ่งแผนกการทำงานที่ชัดเจน เพื่อดูแลการขายในแต่ละช่องทางโดยเฉพาะทั้งการขายผ่านโมเดิร์นเทรด การขายผ่านกลุ่มโรงแรมและร้านกาแฟและผ่านช่องทางใหม่ ด้วยระบบการขายแบบ OCS”
พร้อมกันนี้บริษัทฯได้วางงบการทำตลาดสำหรับปีหน้าไว้ 10 ล้านบาท ส่วนหนึ่งเพื่อใช้ผลักดันตลาดค้าปลีก โดยจัดวางกลยุทธ์แบบบีโลว์เดอะไลน์ ผ่านอีเว้นต์มาร์เก็ตติ้งและโปรโมชั่นหน้าร้าน และ อะโบฟเดอะไลน์ ผ่านการโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รวมถึงการโปรโมชั่นต่างๆ
ล่าสุด บริษัทฯได้เปิดตัว “บอนกาแฟพรีเมี่ยม เบล็น” 3 รสชาติใหม่ ได้แก่ คาเฟ่ ราม่า , คาเฟ่ ครีม่าและคาเฟ่คลาสสิคก้าสำหรับเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าที่ชื่นชอบกาแฟคั่วบดในระดับพรีเมี่ยมคุณภาพสูงแต่ราคาไม่แพงและเป็นการกระตุ้นตลาด
สำหรับภาพรวมของตลาดกาแฟในปีนี้มีอัตราการเติบโตค่อนข้างชะลอตัว เนื่องจากไม่มีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาทำตลาดประกอบกับไลฟ์สไตล์ในการบริโภคของผู้บริโภคไม่มีเทรนด์ใหม่ๆเข้ามาช่วยกระตุ้นการบริโภคซึ่งในปีหน้าคาดว่า ภาพรวมตลาดน่ายังคงชะลอตัวเหมือนกับปีนี้