xs
xsm
sm
md
lg

“หวยบนดิน” ต้องเดินสายกลาง

เผยแพร่:   โดย: เกียรติก้อง ทองเรือง (แทน)

โดย เกียรติก้อง ทองเรือง (แทน)

ทำท่ากลายเป็นเรื่อง (ใหญ่)กันอีกแล้วครับ

ก็จะอะไรเสียอีกละถ้าไม่ใช่เรื่องร้อนๆอย่าง “หวยบนดิน” ที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังของ “หม่อมอุ๋ย” ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล กำลังจะทำเรื่องผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย โดยเตรียมการผลักดันร่างแก้ไข พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 เข้าสู่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

เพื่อให้ทันการขายงวดวันที่ 30 ธันวาคม งวดส่งท้ายปีพอดี

แม้ว่าเวลานี้บรรดาคอหวยทั้งหลายจะต้องหงุดหงิดใจกันบ้าง และอาจต้องหันไปใช้บริการของเจ้ามือหวยใต้ดินไปพลางๆ ก่อนจำนวน 2 งวดคือในงวดวันที่ 1 ธันวาคมกับงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2549

สรุปกันให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือการเสนอแก้กฎหมายคราวนี้เพื่อเปิดทางให้มีการขาย “หวยบนดิน” ให้ถูกต้องต่อไป หลังจากกฤษฎีกาชี้ชัดออกมาแล้วว่า การขายเลขสองตัว สามตัวของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ผ่านมามันผิดกฎหมาย

นั่นก็หมายความว่าคนที่สั่งให้ขายหวยดังกล่าวมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีด้วย ไล่เรียงกันเป็นลูกระนาดไปเลยครับ ตั้งแต่อดีตนายกฯ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กรรมการบอร์ดกองสลาก จนไปถึงผู้อำนวยการกองสลากฯ ฯลฯ เลยครับ

มีสิทธิ์โดนทั้งทางแพ่งและอาญา!!

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องรายได้ที่เหลืออยู่อีกกว่า 1.5 หมื่นล้านบาทต้องนำคืนคลังหลวงอีกด้วย เพราะถ้าฟังจากท่านจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรมพูดแจกแจงข้อกฎหมายให้ฟังแล้วก็ให้รู้สึก “หนาว” แทน เนื่องจาก “คุณทักษิณและพวก” จะมีความผิดนับได้คร่าวๆ ถึง 80 กระทงเลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับว่ารัฐบาลชุดนี้ โดย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จะเอาอย่างไร จะเดินหน้าสมานฉันท์ ไม่อยากสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นปล่อยให้ผ่านเลยไปหรือไม่

แต่ก็ยากอยู่ตรงที่ว่ามันเป็นความผิดตามกฎหมายและความผิดได้สำเร็จไปแล้วจะเพิกเฉยได้อย่างไร

ไม่เช่นนั้นก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เข้าไปอีก

คิดแค่นี้ก็ชวนปวดหัวแล้วละครับ

เอาล่ะ พักเรื่องนี้เอาไว้ชั่วคราวก็ได้ แล้วมาว่ากันเฉพาะเรื่องร้อนๆ เฉพาะหน้าก่อนว่า แล้วรัฐบาลจะเอาอย่างไร ถ้าเดินหน้าขายต่อนั่นหมายความว่ากำลังทำเรื่องผิดกฎหมายให้ถูกกฎหมาย

ที่สำคัญก็คือ หวย ไม่ว่าจะเป็น “บนดิน” หรือ “ใต้ดิน” ถือเป็น “อบายมุข” เป็นการพนันอีกอย่างหนึ่ง อยู่ในหนทางประเภทเดียวกันกับอบายมุขอื่น เช่น “บ่อน-ซ่อง” ที่ไม่สมควรเข้าไปข้องแวะ

เมื่อเป็นอบายมุขแล้วแต่กลับมาสนับสนุน ทำสิ่งผิดให้กลายเป็นถูก ก็จะยิ่งไปกันใหญ่ !!

ครับ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน ดูแล้วก็น่าหนักใจแทนรัฐบาลทั้งนั้น เพราะถ้ายึดมั่นในศีลธรรมจรรยาสุดกู่ ยึดตาม “ศีลห้า” ตามที่ท่านนายกฯ สุรยุทธ์ ประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็ต้องยกเลิกหวยบนดิน

เพราะอบายมุข เป็นหนทางแห่งความฉิบหาย!!(ตามพจนานุกรม)

ในขณะเดียวกัน ถ้าเลิกนอกจากจะทำให้หวยใต้ดินเบิกบานขึ้นมาอีก และยังถูกพวกเอเย่นต์ ยี่ปั๊ว ที่เคยมีรายได้ต่องวดจำนวนอีกไม่น้อยก็จะด่าเปิง แล้วรัฐบาลก็จะขาดรายได้มหาศาล

แม้ยอมรับว่า เงินหวยเป็น “เงินบาป” แต่รัฐบาลคุณทักษิณก็นำมาจับจ่ายใช้สอยหาเสียงกันสนุกมือ เดินทางไปทัวร์จังหวัดไหนก็ต้องหอบเอาผู้อำนวยการกองสลากฯ ในอดีตที่เป็นเพื่อนรักร่วมรุ่นไปด้วยทุกแห่งคอยรับคำบัญชาโปรยเงินตามหลังตลอดเวลา จนต้องตรวจสอบขุดคุ้ยกันอยู่ไม่ใช่หรือ

เมื่อมาถึงตรงนี้พอมองออกแล้วว่าเดินหน้าให้ขายต่อไป ก็มีปัญหาทับซ้อนด้านศีลธรรม ถูกด่าสารพัด แต่ถ้ายกเลิกหวยบนดินปัญหาก็จะตามมาไม่น้อยกว่ากันเท่าไร

ดังนั้นผมเห็นว่า “การเดินสายกลาง” และ “ยอมรับความจริง” น่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด ทำทุกอย่างให้พอดีพอประมาณ และโปร่งใสสามารถตรวจสอบกันได้ทุกขั้นตอน อย่าส่งเสริมหรือกระพือข่าวอันเป็นการยั่วยุเป็นอันขาด

อย่างไรก็ตามมติ ครม.(ใหม่)ล่าสุดที่ได้รับทราบในตอนบ่ายขณะที่ผมกำลังปั่นต้นฉบับจวนเสร็จอยู่แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามคาดหมายคือรัฐบาลสั่งให้เดินหน้าขายหวยบนดินต่อไป โดยจะมีการแก้กฎหมายให้สามารถเดินหน้าไปตามปกติอีกครั้งในงวดวันที่ 30 ธันวาคม งวดส่งท้ายปี

แม้ว่าจะพยายามกระมิดกระเมี้ยนแก้เขินกันไปว่าจะไม่ให้มีการโฆษณายั่วยุ ประเภทที่เวลาหวยออกก็มีการถ่ายทอดสดทางทีวี วิทยุ ต่อไปจะไม่อนุญาตให้ทำอีก แถมยังจะรณรงค์ให้มีการลดละเลิกอีกด้วย

นอกจากนี้ยังพูดถึงรายได้จากการขายหวย 2 ตัว 3 ตัวอีกว่า หลังหักเงินค่ารางวัลเงินที่เหลือจะต้องส่งเป็นรายได้ของแผ่นดินไม่กองไว้ที่กองสลากฯ เพื่อให้ใช้ตามอำเภอใจอย่างที่ผ่านมาอีกด้วย

ถ้าจะเอากันให้ถึงขั้นจริงๆ ผมขอเสนอเพิ่มเติมอีกว่า ถ้าเป็นไปได้บนสลากน่าจะพิมพ์ข้อความให้เห็นชัดเจนลงไปด้วยว่า “หวยเป็นการพนันอบายมุข เป็นหนทางนำไปสู่ความฉิบหาย” เพื่อเตือนสติเอาไว้ด้วย ก็น่าจะดีนะครับ

ส่วนจะนำเงินรายได้อันมีมากมายมหาศาลเข้าสู่กระบวนการงบประมาณ หรือนำไปใช้พัฒนาโครงการต่างๆ ได้อีกมากมายตามแต่จะคิดกันต่อไป

ขออย่างเดียวถ้าเป็นไปได้ขออย่าได้นำไปเป็นเงินกองทุนให้เด็กนักเรียนกู้ยืมเพื่อใช้ในการศึกษาโดยตรง หรืออย่านำไปบริจาคช่วยเหลือวัดวา หรือซื้อรถยนต์เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพระเณรเลยครับ

เพราะเดี๋ยวทั้งเด็กๆ และพระสงฆ์จะสับสนว่าต้องมาเป็นหนี้บุญคุณ “เงินบาป” กันไปเปล่าๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น