ป.ป.ช.มีมติฟัน “มานิตย์ สุธาพร” สมัยเป็นรองอธิบดีกรมบังคับคดี ทำผิดวินัยร้างแรง ไม่เรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมขายทอดตลาดที่ดินของศาลจังหวัดธัญบุรี แถมรับเงินใต้โต๊ะ พร้อมมีมติให้กรรมกาารบริหารองค์การสุรา พ้นจากตำแหน่ง พร้อมเว้นวรรคการเมือง 5 ปี ฐานจงใจไม่ยื่นบัชีทรัพย์สิน
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงหลังการประชุม วานนี้ (16 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิด อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี ที่ถูกกล่าวหาปฏิบติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในการส่งคืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดิน 897 ล้านบาท โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดธัญบุรีตามกฎหมาย
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่าศาลจังหวัดธัญบุรี ได้ขายทอดตลาดที่ดิน 2 แปลงที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้กับผู้ซื้อรายหนึ่ง ในราคา 897 ล้านบาท โดยผู้ซื้อได้วางเงินเป็นค่าซื้อทรัพย์ 70 ล้านบาทต่อศาล ต่อมาผู้ซื้อทรัพย์ไม่ชำระเงินที่ค้างภายในกำหนดเวลา โจทย์และจำเลยได้ร้องขอถอดการยึด ซึ่งศาลจังหวัดธัญบุรีได้คิดค่าธรรมเนียมถอนการยึด ร้อยละ 3.5 ของราคาประเมินขณะยึดและได้ส่งเงิน 70 ล้านบาทมายังกรมบังคับคดีโดยระบุด้วยว่าเงินจำนวน 70 ล้านบาทนี้ยังไม่ได้มีการหักค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งผู้อำนวยการกองบังคับคดีแพ่งมีความเห็นว่าก่อนจ่ายเงินที่ได้ จากการขายทอดตลาดดังกล่าวให้คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่ขายได้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อเรื่องดังกล่าวเสนอมายังผู้ถูกกล่าวหาซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมบังคับคดีกลับมีการเรียกประชุมนิติกร 8 เพื่อหารือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 5 และต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้มีคำสั่งให้คืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาด โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ตามกฎหมาย ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่ากรมบังคับคดีมีหน้าที่ต้องหักค่าธรรมเนียมการบังคับคดีตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 318,319 จากเงินดังกล่าวก่อนจ่ายเงินที่เหลือให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงิน นอกจากนี้เงินค่าธรรมเนียม จากการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ยังเป็นคนละกรณีกับการคิดค่าธรรมเนียมถอนการยึดจึงไม่เป็นการคิดซ้ำซ้อนกัน การที่ผู้ถูกกล่าวหาสั่งคืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโดยไม่หักค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ตามกฎหมายจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้ยังพบว่า ก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะสั่งคืนเงิน 70 ล้านบาทดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหายังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นหุ้นของบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง 10,000 หุ้นจากประธานกรรมการบริษัท ฯ และได้ขายหุ้นจำนวนดังกล่าวไปได้เงินจำนวน 865,650 บาทและยังพบเพิ่มเติมว่าเงินจำนวน 70 ล้านบาทนั้นในที่สุดได้มีการโอนเข้าบัญชีบริษัทมหาชนแห่งนี้จำนวน 56.5 ล้านบาท และเข้าบัญชีของประธานกรรมการบริษัทฯผู้มอบหุ้นให้แก่ข้อกล่าวหาจำนวน 13.5 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่าบริษัทมหาชนดังกล่าวเป็นผู้ซื้อที่ดินต่อจากผู้ซื้อที่ดิน พิพาทอีกทอดหนึ่ง การที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับหุ้นดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบและฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ,154 ,157 ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาล
สำหรับอดีตอธิบดีกรมบังคับคดีดังกล่าวคือ นายมานิตย์ สุธาพร นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกกล่าวหาอีกหลายรายคือนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต รมว.ยุติธรรม นายสมชาย วงสวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม นายประมาณ ติยะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี
นายกล้านรงค์ แถลงอีกว่าที่ประชุมยังมีมติให้ เจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่ง กรรมการบริหารกิจการองค์การสุรา ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงมีความผิดฐานไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนและคู่สมรสและบุตร ตามเวลาที่กำหนด แต่ เนื่องจากบุคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติ ให้ต้องพ้นจากตำแหน่งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณากรณีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีหน้าที่ยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินฯ แตไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งครอบ 1 ปี จึงพิจารณาว่า เป็นการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ และเนืองจากบุคลดังกล่าวเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงมีมติส่งเรื่องให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป
นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงหลังการประชุม วานนี้ (16 ต.ค.) ว่า ที่ประชุมมีมติชี้มูลความผิด อดีตรองอธิบดีกรมบังคับคดี ที่ถูกกล่าวหาปฏิบติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ในการส่งคืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดิน 897 ล้านบาท โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีของศาลจังหวัดธัญบุรีตามกฎหมาย
นายกล้านรงค์ กล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่าศาลจังหวัดธัญบุรี ได้ขายทอดตลาดที่ดิน 2 แปลงที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ให้กับผู้ซื้อรายหนึ่ง ในราคา 897 ล้านบาท โดยผู้ซื้อได้วางเงินเป็นค่าซื้อทรัพย์ 70 ล้านบาทต่อศาล ต่อมาผู้ซื้อทรัพย์ไม่ชำระเงินที่ค้างภายในกำหนดเวลา โจทย์และจำเลยได้ร้องขอถอดการยึด ซึ่งศาลจังหวัดธัญบุรีได้คิดค่าธรรมเนียมถอนการยึด ร้อยละ 3.5 ของราคาประเมินขณะยึดและได้ส่งเงิน 70 ล้านบาทมายังกรมบังคับคดีโดยระบุด้วยว่าเงินจำนวน 70 ล้านบาทนี้ยังไม่ได้มีการหักค่าธรรมเนียมใดๆ ซึ่งผู้อำนวยการกองบังคับคดีแพ่งมีความเห็นว่าก่อนจ่ายเงินที่ได้ จากการขายทอดตลาดดังกล่าวให้คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 5 ของจำนวนเงินที่ขายได้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่อเรื่องดังกล่าวเสนอมายังผู้ถูกกล่าวหาซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมบังคับคดีกลับมีการเรียกประชุมนิติกร 8 เพื่อหารือการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมร้อยละ 5 และต่อมาผู้ถูกกล่าวหาได้มีคำสั่งให้คืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาด โดยไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ตามกฎหมาย ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่ากรมบังคับคดีมีหน้าที่ต้องหักค่าธรรมเนียมการบังคับคดีตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 318,319 จากเงินดังกล่าวก่อนจ่ายเงินที่เหลือให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงิน นอกจากนี้เงินค่าธรรมเนียม จากการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ยังเป็นคนละกรณีกับการคิดค่าธรรมเนียมถอนการยึดจึงไม่เป็นการคิดซ้ำซ้อนกัน การที่ผู้ถูกกล่าวหาสั่งคืนเงิน 70 ล้านบาทที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโดยไม่หักค่าธรรมเนียมการขายทอดตลาดร้อยละ 5 ตามกฎหมายจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
นอกจากนี้ยังพบว่า ก่อนที่ผู้ถูกกล่าวหาจะสั่งคืนเงิน 70 ล้านบาทดังกล่าว ผู้ถูกกล่าวหายังได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นหุ้นของบริษัทมหาชนแห่งหนึ่ง 10,000 หุ้นจากประธานกรรมการบริษัท ฯ และได้ขายหุ้นจำนวนดังกล่าวไปได้เงินจำนวน 865,650 บาทและยังพบเพิ่มเติมว่าเงินจำนวน 70 ล้านบาทนั้นในที่สุดได้มีการโอนเข้าบัญชีบริษัทมหาชนแห่งนี้จำนวน 56.5 ล้านบาท และเข้าบัญชีของประธานกรรมการบริษัทฯผู้มอบหุ้นให้แก่ข้อกล่าวหาจำนวน 13.5 ล้านบาท ซึ่งปรากฏว่าบริษัทมหาชนดังกล่าวเป็นผู้ซื้อที่ดินต่อจากผู้ซื้อที่ดิน พิพาทอีกทอดหนึ่ง การที่ผู้ถูกกล่าวหาได้รับหุ้นดังกล่าวเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหามีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ ฐานจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบและฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ,154 ,157 ให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาล
สำหรับอดีตอธิบดีกรมบังคับคดีดังกล่าวคือ นายมานิตย์ สุธาพร นอกจากนี้ยังมีผู้ถูกกล่าวหาอีกหลายรายคือนายสุทัศน์ เงินหมื่น อดีต รมว.ยุติธรรม นายสมชาย วงสวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม นายประมาณ ติยะไพบูลย์สิน อดีตอธิบดีกรมบังคับคดี
นายกล้านรงค์ แถลงอีกว่าที่ประชุมยังมีมติให้ เจ้าหน้าที่รัฐตำแหน่ง กรรมการบริหารกิจการองค์การสุรา ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงมีความผิดฐานไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตนและคู่สมรสและบุตร ตามเวลาที่กำหนด แต่ เนื่องจากบุคลดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติ ให้ต้องพ้นจากตำแหน่งและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี
นอกจากนี้ยังมีการพิจารณากรณีสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีหน้าที่ยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินฯ แตไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯกรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่งครอบ 1 ปี จึงพิจารณาว่า เป็นการจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินฯ และเนืองจากบุคลดังกล่าวเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจึงมีมติส่งเรื่องให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดต่อไป