คำว่า “เสียหมา” เป็นคำที่เป็นความจริงเกิดขึ้นในบ้านเมือง เพราะหมาที่เป็นหมาจริงๆ มาตลอดเวลาสิบกว่าปี มาถึงวันนี้หมาจำนวนหนึ่งได้ “เสียหมา” ไปเรียบร้อยแล้วและแก้คืนไม่ได้ นอกจากพากันเสียหมาต่อไปชั่วกัลปาวสาน
ไม่ใช่เรื่องเอามาพูดกันเล่นๆ แต่เป็นการเอาความจริงมาพูด
หมาที่ว่านั้นคือหมาที่หมู่บ้านสนามบินสุวรรณภูมิอันยิ่งใหญ่ของเราที่เราลงทุนกันถึง 140,000 ล้านบาท เพื่อการคอร์รัปชันเป็นจุดประสงค์หลักที่ว่ากันว่าเอาค่านายหน้าถึง 38 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อการทำลายหมาจำนวนหนึ่งให้เสียหมาโดยไม่มีทางแก้ไขใดๆ ได้
ดูเหมือนจะเป็นรายการจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ที่มีชื่อว่า “หลุมดำ” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ได้มีการทำข่าวความเป็นอยู่ของประชาชนที่สนามบินสุวรรณภูมิหลังจากสนามบินแห่งนั้นได้เปิดใช้ และนำความหายนะมาสู่คนและหมาที่นั้นอย่างทารุณที่สุดในประวัติศาสตร์ที่นั่น พร้อมกับการตายของชายแก่อายุ 95 ปีคนหนึ่งเพราะเสียง!
ชาวบ้านที่มีชีวิตความเป็นอยู่ในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย เมื่อผู้มีบุญมีอำนาจต้องการสร้างสนามบินใหม่ขึ้นเพิ่มจากดอนเมืองที่ยังใช้ได้เป็นปกติ หลังจากใช้มาแล้ว 60 กว่าปี โดยมีจุดประสงค์ว่าจะกว้านซื้อที่ดินที่นั่นเอาไว้ขายทำกำไร และกินเงินค่านายหน้าจากผู้ประมูลการก่อสร้างทั้งหมดเพิ่มความร่ำรวยให้แก่ตัวเองที่ว่านั้น เท่าที่ทราบคนพวกนี้ทุกคนมีความสุขมาก
ตามปกติตั้งแต่ไหนแต่ไรมา บรรดาหมาที่อยู่กับคนในหมู่บ้านสุวรรณภูมินั้น เป็นหมาที่สุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ มีความเป็นมิตรกับคน และเป็นกันเองกับคนทุกคนในหมู่บ้านไม่ว่ากับใคร ไม่เห่าและไม่มีกัด หมาทุกตัวที่นั่นคบได้ วางใจได้ อาศัยได้มากกว่านักการเมืองในพรรคการเมืองที่ตัดสินใจทำสนามบินสุวรรณภูมิที่ใช้ชีวิตคนชีวิตหมาที่สุวรรณภูมิเป็นที่ทำมาหากินสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเอง ซึ่งหมาทุกตัวที่นั่นจะไม่ทำกัน
เหตุผลที่ทำให้หมาเป็นสัตว์ที่ไม่มีความก้าวร้าว เปลี่ยนนิสัยจากความเป็นมิตรกับมนุษย์ที่เลี้ยงมันมาเพราะปัญหาที่เกิดจากเสียงเครื่องบินขึ้นลงที่นั่น ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งวันทั้งคืน แม้ว่าแต่ละคืนจะต้องกินยานอนหลับตามหมอสั่งวันละหนึ่งเม็ด แต่กินไปสามเม็ดต่อคืนก็ยังนอนไม่หลับจนแล้วจนรอด เวลาเครื่องบินบินผ่านหมู่บ้านไม่ว่าจะขึ้นหรือลง เสียงเครื่องบินเป็นเสียงที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์ที่จะฟังได้ คือมีเสียงดังกว่า 96 เดซิเบล คนที่ต้องการวิกลจริต หรือต้องการหูหนวก หรือต้องการเป็นบ้าเท่านั้นที่จะยอมฟังได้
และเจ้าหน้าที่สนามบินหรือรัฐบาลซึ่งชาวบ้านบางคนเรียกว่า อ้ายหอกหัก พวกนั้น “มันฟังมันรู้แล้วมันก็เฉย ไม่ว่าคนจะต้องตายหรือหมาจะเป็นบ้า มันได้เงินค่านายหน้าไปแล้ว มันก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
ทั้งหมดนี้ เป็นความรู้ใหม่ของผม!
และเพิ่งรู้ว่าหมาที่นั่นซึ่งตั้งแต่มันลืมตาเกิดมันก็รู้จักคนที่นั่น กินอยู่จากน้ำพักน้ำแรงของคนที่นั่น และมันให้ความเป็นมิตร เป็นกันเองและด้วยความเคารพคารวะ แต่บัดนี้ไม่มีแล้ว นอกจากกัดและเห่าไม่รู้เหนือรู้ใต้
ในรายการ “หลุมดำ” นั้นมีการถ่ายภาพของชายอายุประมาณ 40 ปีคนหนึ่งแขนขวาของเขาตั้งแต่ข้อมือขึ้นไปจนถึงข้อศอกถูกพันด้วยผ้าพันแผล จนกระทั่งที่ข้อเท้าข้างหนึ่งก็พันด้วยปลาสเตอร์เพราะหมามันขย้ำเอา เพราะคนที่ถูกหมาขย้ำไม่เคยรู้ว่าหมาตัวนั้นมันเสียหมาไปแล้วเพราะเสียงเครื่องบินที่บินผ่านทุก 5 นาที 10 นาที
และจากนั้นทุกคนก็อาจจะรอเป็นเหยื่อหมา เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ก็ทำไม คนบางคนต้องถามตัวเองว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นถึงกับต้องเป็นเช่นนี้?
คำตอบที่ถูกต้องคงหายากหรือหาไม่พบ นอกจากคนโบราณที่มีความเชื่อต่างกับคนปัจจุบันนี้ที่เชื่อว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะชะตาบ้านเมือง
มีความคิดความเห็น คำพังเพย นิทานหรือความเชื่อเก่าๆ ที่บอกเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนที่คนโบราณของไทยจะยึดถือ และเชื่อมั่นว่ามันจะต้องเกิดขึ้นในบ้านเมืองเสมอทุกยุคทุกสมัย ตราบเท่าที่มนุษย์ยังเป็นสั
ตวโลกที่อยู่ด้วยความโลภ โกรธ หลง
ในคำทำนายของพระพุทธเจ้าที่รู้จักกันในนาม “ทำนายปัตถเวน” ที่เคยทำนายตอบพระเจ้าปเสนทิโกศล มาทูลถามความหมายของความฝันของพระองค์ 16 ข้อนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้อรรถาธิบายอย่างชัดเจนว่า อะไรจะเกิดแก่บ้านเมืองและหมู่ชนในโลก นานกว่า 2,500 ปีมาแล้ว โลกและมนุษย์ยังคงปั่นป่วนอยู่กับความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง หรืออาจจะพูดได้ว่ามีคนอยู่ที่ไหนก็มีความบ้า และเสนียดจัญไรอยู่ที่นั่น
ในความฝันข้อที่ 4 ของพระเจ้าพิมพิสาร มีว่า ;
“หนึ่งฝันว่าโคใหญ่เคยไถนา ไม่นำพาปล่อยทิ้งจากสถาน
เอาลูกโคเทียมไถเข้าใช้การ ไม่เคยงานเสียรอยย่อยยับไป
เดินแตกแยกข้ามคันนาหนี ไม่รู้ท่วงที่ทำนองไถ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำนายว่า
“มีพุทธบรรหารว่านานไปนเรศร์ไท้ท้าวพระยาทุกธานี
จะคบพาลพาลาปัญญาหยาบ บ้าบาปยกให้หนุ่มคะนองเข้าครองที่
นับถือว่าซื่อสัตย์สุจริตดี พอได้ที่พวกอุทามก็ลามลวน
ถึงได้เป็นเสนาปรึกษาความ ทำวู่วามตามศักดิ์ดูหักหวน
ชอบแต่ผิดมิได้คิดที่คู่ควร เอาแต่ส่วนสินบนคนเข็ญใจ”
คำถามข้อต่อไปมีความว่า
“หนึ่งฝันว่าม้ามีสองปาก เห็นหญ้าอยากปากอ้าน้ำตาไหล
บุรุษสองปองป้อนจนอ่อนใจ หยิบหญ้ายื่นให้ไม่เว้นวาย”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแก้ฝันต่อไปว่า
“มีพุทธฎากาพยากรณ์ ผู้ตัดรอนความราษฎร์สิ้นทั้งหลาย
จะรวบรวมกินกันทั้งสองฝ่าย แนะนำให้ท้ายโจทย์และจำเลย
กินพลางทางก็ข่มด้วยลมลวง เหนี่ยวหน่วงถามทิ้งแล้วนิ่งเฉย
บางอาศัยใช้การจนนานเลย ความก็เกยแห้งแล้งอยู่ค้างปี”
ข้อต่อไป ทูลถามว่า
“หนึ่งฝันว่าประชาชนนั้นขนน้ำ ช่วยกันปล้ำเทสุ่มลงตุ่มใหญ่
แต่ตุ่มน้อยร้อยพันเรียงกันไป หามีใครเทใส่แต่สักคน”
พุทธพยากรณ์
“พระวรญาณโปรดประทานประกาศิต แนะนิมิตทายเข็ญให้เป็นผล
ว่าภายหน้าเสนาเป็นนายพล ก็จะปล้นทรัพย์ใส่ในตุ่มโต
ยิ่งมีก็ยิ่งได้ออกไหลล้น ยิ่งยากจนยิ่งหนักลงอักโข
จะงดงามตระการหน้าแต่พาโล ที่ซื้อก็จะโซดังตุ่มน้อย”
ข้อต่อไป
หนึ่งฝันว่าเป็นสระปทุมา มีหูกุ้งกุมภามัจฉาหอย
วารีรอบขอบใสมิใช่น้อย กลางกลับถ่อยขึนขุ่นสนุ่นมี
พุทธพยากรณ์
พระวรญาณบรรหารให้เห็นเหตุ ว่าประเทศทีมีสุขเกษมศรี
กษัตริย์ทรงสืบวงศ์ประเพณี เป็นที่ประชุมประชากร
จะแรมร้างว่างเปล่าเป็นป่าแขม ทั้งคาแฝกแซกแซมขึ้นสลอน
ทางชลจะวิกลกลายเป็นทางดอน ราษฎร์จะแรมรอนสุขทุกเดือนปี
เพราะกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นเป็นถ้วนถี่
น้ำกลางขุ่นข้นคือมนตรี จะย่ำยีบีฑาประชาชน
จะรุกรานแก่ไพร่ใช้ระดม คิดขู่ข่มเอาทรัพย์อยู่สับสน
ทั้งในเดือนอกเดือนในใช้เปื้อนปน สุดจะทนสุดจะทานด้วยการรุม
งานหลวงแล้วให้ทำงานนาย พวกไพร่ราษฎรพลัดพรายเข้าซ่องสุม
จะหลบลี้หนีหายเข้าป่าชุม ประคองคุมคนเข็ญค่อยเย็นใจ
คนโบราณไทยมีความเชื่อและเคารพต่อพุทธทำนายมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนรู้จักและสนใจน้อยที่สุดหรือไม่สนใจเลย แต่ทุกคำทำนายนั้นก็เป็นความจริง และมีความหมายมาก ความชั่วความเลวจากการกดขี่เอารัดเอาเปรียบ และการทำลายคนที่ไม่มีทางสู้ เช่นเดียวกับพรรคการเมืองและนักการเมืองที่รวมตัวขึ้นมาเพื่อทำมาหากินต่างๆ นั้น เมื่อมันเกิดความผิดพลาดหรือหมดเงินหมดทุนไปแล้วก็เท่ากับหมาจำนวนหนึ่งต้องเสียหมาไปอย่างหมาสุวรรณภูมิเสียมาแล้ว การที่จะไปมุ่งหวังความเจริญงอกงามหรือวัฒนาถาวรนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าการเมืองมันเป็นเรื่องของคนที่ประกอบด้วยความโลภ โกรธ หลงที่จำเป็นจะต้องดำรงอยู่หรือเลวด้วยความโลภ โกรธ หลง และทุกอย่างจะดำเนินไปตามพุทธทำนายนั้น
เพราะฉะนั้น เกิดมาเป็นคน เฉพาะอย่างยิ่งเป็นนักการเมือง เป็นนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนมากหรือเป็นผู้มีอำนาจวาสนาด้วยประการหนึ่งประการใดนั้น สิ่งที่จะต้องระวังให้มากในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ควรจะได้ระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองให้มาก ถ้าหากเห็นว่ามันไม่มีกำไรอะไรให้แก่ชีวิตก็พยายามลดความหลงตัวเองลงให้มากสักหน่อย จะสามารถอยู่ไปได้อย่างดี
ในฐานะที่เป็นคนโบราณ และได้ศึกษาเรื่องราวของบ้านเมืองและโหราศาสตร์มาบ้าง ผมรู้สึกว่าการที่คนไทยเราจะประสบความรื่นรมย์สมหวังในการมีชีวิตอยู่นั้นค่อนข้างจะยาก น่าจะมีเรื่องราวร้ายๆ ที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต เพราะท้องฟ้าและดวงดาวต่างๆ ถึงกำหนดเวลาที่จะระส่ำระสายตรวจทานความชั่วช้าหรือความผิดพลาดของคนเราที่ได้กระทำกันในหลายปีที่ผ่านมา
เรื่องที่จะเกิดขึ้นแก่คนที่ทำชั่วไม่มีความสุจริตใจ และพยายามทำตัวให้มันว่างหรือหลงตัวเองนั้น สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นนั้นก็คือบางส่วนบางตอนในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาที่เขียนบอกไว้ในสมัยพระนารายณ์มหาราชหลายร้อยปีมาแล้ว ดูเหมือนมีข้อความดังนี้
“พระคงคาจะแดงเป็นเลือดนกอกแผ่นดินจะบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองก็จะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัว ตัวหนี พระกาฬกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกให้ อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อพินิจพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลฝน ฝนก็จะอุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด จะเกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระพุทธศาสนา จะรักษาแต่คนอกุศล
สัปปุรุษจะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรักฯลฯ”
ยังมีข้อความที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง แต่เมื่อวันนั้นมาถึง หมาไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิคงได้ไปผุดไปเกิดแล้ว แต่คนไทยที่จะต้องเป็นหมาที่เสียหมาตัวต่อไปจะทำอย่างไรกับชีวิต?
เราจะอยู่กันอย่างหมาหรืออยู่อย่างคนที่เสียหมาเหมือนทุกวันนี้หรือไม่?
ไม่ใช่เรื่องเอามาพูดกันเล่นๆ แต่เป็นการเอาความจริงมาพูด
หมาที่ว่านั้นคือหมาที่หมู่บ้านสนามบินสุวรรณภูมิอันยิ่งใหญ่ของเราที่เราลงทุนกันถึง 140,000 ล้านบาท เพื่อการคอร์รัปชันเป็นจุดประสงค์หลักที่ว่ากันว่าเอาค่านายหน้าถึง 38 เปอร์เซ็นต์ และเพื่อการทำลายหมาจำนวนหนึ่งให้เสียหมาโดยไม่มีทางแก้ไขใดๆ ได้
ดูเหมือนจะเป็นรายการจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ที่มีชื่อว่า “หลุมดำ” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ได้มีการทำข่าวความเป็นอยู่ของประชาชนที่สนามบินสุวรรณภูมิหลังจากสนามบินแห่งนั้นได้เปิดใช้ และนำความหายนะมาสู่คนและหมาที่นั้นอย่างทารุณที่สุดในประวัติศาสตร์ที่นั่น พร้อมกับการตายของชายแก่อายุ 95 ปีคนหนึ่งเพราะเสียง!
ชาวบ้านที่มีชีวิตความเป็นอยู่ในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย เมื่อผู้มีบุญมีอำนาจต้องการสร้างสนามบินใหม่ขึ้นเพิ่มจากดอนเมืองที่ยังใช้ได้เป็นปกติ หลังจากใช้มาแล้ว 60 กว่าปี โดยมีจุดประสงค์ว่าจะกว้านซื้อที่ดินที่นั่นเอาไว้ขายทำกำไร และกินเงินค่านายหน้าจากผู้ประมูลการก่อสร้างทั้งหมดเพิ่มความร่ำรวยให้แก่ตัวเองที่ว่านั้น เท่าที่ทราบคนพวกนี้ทุกคนมีความสุขมาก
ตามปกติตั้งแต่ไหนแต่ไรมา บรรดาหมาที่อยู่กับคนในหมู่บ้านสุวรรณภูมินั้น เป็นหมาที่สุภาพเรียบร้อย มีสัมมาคารวะ มีความเป็นมิตรกับคน และเป็นกันเองกับคนทุกคนในหมู่บ้านไม่ว่ากับใคร ไม่เห่าและไม่มีกัด หมาทุกตัวที่นั่นคบได้ วางใจได้ อาศัยได้มากกว่านักการเมืองในพรรคการเมืองที่ตัดสินใจทำสนามบินสุวรรณภูมิที่ใช้ชีวิตคนชีวิตหมาที่สุวรรณภูมิเป็นที่ทำมาหากินสร้างความร่ำรวยให้แก่ตัวเอง ซึ่งหมาทุกตัวที่นั่นจะไม่ทำกัน
เหตุผลที่ทำให้หมาเป็นสัตว์ที่ไม่มีความก้าวร้าว เปลี่ยนนิสัยจากความเป็นมิตรกับมนุษย์ที่เลี้ยงมันมาเพราะปัญหาที่เกิดจากเสียงเครื่องบินขึ้นลงที่นั่น ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งวันทั้งคืน แม้ว่าแต่ละคืนจะต้องกินยานอนหลับตามหมอสั่งวันละหนึ่งเม็ด แต่กินไปสามเม็ดต่อคืนก็ยังนอนไม่หลับจนแล้วจนรอด เวลาเครื่องบินบินผ่านหมู่บ้านไม่ว่าจะขึ้นหรือลง เสียงเครื่องบินเป็นเสียงที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์ที่จะฟังได้ คือมีเสียงดังกว่า 96 เดซิเบล คนที่ต้องการวิกลจริต หรือต้องการหูหนวก หรือต้องการเป็นบ้าเท่านั้นที่จะยอมฟังได้
และเจ้าหน้าที่สนามบินหรือรัฐบาลซึ่งชาวบ้านบางคนเรียกว่า อ้ายหอกหัก พวกนั้น “มันฟังมันรู้แล้วมันก็เฉย ไม่ว่าคนจะต้องตายหรือหมาจะเป็นบ้า มันได้เงินค่านายหน้าไปแล้ว มันก็ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
ทั้งหมดนี้ เป็นความรู้ใหม่ของผม!
และเพิ่งรู้ว่าหมาที่นั่นซึ่งตั้งแต่มันลืมตาเกิดมันก็รู้จักคนที่นั่น กินอยู่จากน้ำพักน้ำแรงของคนที่นั่น และมันให้ความเป็นมิตร เป็นกันเองและด้วยความเคารพคารวะ แต่บัดนี้ไม่มีแล้ว นอกจากกัดและเห่าไม่รู้เหนือรู้ใต้
ในรายการ “หลุมดำ” นั้นมีการถ่ายภาพของชายอายุประมาณ 40 ปีคนหนึ่งแขนขวาของเขาตั้งแต่ข้อมือขึ้นไปจนถึงข้อศอกถูกพันด้วยผ้าพันแผล จนกระทั่งที่ข้อเท้าข้างหนึ่งก็พันด้วยปลาสเตอร์เพราะหมามันขย้ำเอา เพราะคนที่ถูกหมาขย้ำไม่เคยรู้ว่าหมาตัวนั้นมันเสียหมาไปแล้วเพราะเสียงเครื่องบินที่บินผ่านทุก 5 นาที 10 นาที
และจากนั้นทุกคนก็อาจจะรอเป็นเหยื่อหมา เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
ก็ทำไม คนบางคนต้องถามตัวเองว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นถึงกับต้องเป็นเช่นนี้?
คำตอบที่ถูกต้องคงหายากหรือหาไม่พบ นอกจากคนโบราณที่มีความเชื่อต่างกับคนปัจจุบันนี้ที่เชื่อว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะชะตาบ้านเมือง
มีความคิดความเห็น คำพังเพย นิทานหรือความเชื่อเก่าๆ ที่บอกเล่าสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคนที่คนโบราณของไทยจะยึดถือ และเชื่อมั่นว่ามันจะต้องเกิดขึ้นในบ้านเมืองเสมอทุกยุคทุกสมัย ตราบเท่าที่มนุษย์ยังเป็นสั
ตวโลกที่อยู่ด้วยความโลภ โกรธ หลง
ในคำทำนายของพระพุทธเจ้าที่รู้จักกันในนาม “ทำนายปัตถเวน” ที่เคยทำนายตอบพระเจ้าปเสนทิโกศล มาทูลถามความหมายของความฝันของพระองค์ 16 ข้อนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้อรรถาธิบายอย่างชัดเจนว่า อะไรจะเกิดแก่บ้านเมืองและหมู่ชนในโลก นานกว่า 2,500 ปีมาแล้ว โลกและมนุษย์ยังคงปั่นป่วนอยู่กับความจริงที่ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง หรืออาจจะพูดได้ว่ามีคนอยู่ที่ไหนก็มีความบ้า และเสนียดจัญไรอยู่ที่นั่น
ในความฝันข้อที่ 4 ของพระเจ้าพิมพิสาร มีว่า ;
“หนึ่งฝันว่าโคใหญ่เคยไถนา ไม่นำพาปล่อยทิ้งจากสถาน
เอาลูกโคเทียมไถเข้าใช้การ ไม่เคยงานเสียรอยย่อยยับไป
เดินแตกแยกข้ามคันนาหนี ไม่รู้ท่วงที่ทำนองไถ”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทำนายว่า
“มีพุทธบรรหารว่านานไปนเรศร์ไท้ท้าวพระยาทุกธานี
จะคบพาลพาลาปัญญาหยาบ บ้าบาปยกให้หนุ่มคะนองเข้าครองที่
นับถือว่าซื่อสัตย์สุจริตดี พอได้ที่พวกอุทามก็ลามลวน
ถึงได้เป็นเสนาปรึกษาความ ทำวู่วามตามศักดิ์ดูหักหวน
ชอบแต่ผิดมิได้คิดที่คู่ควร เอาแต่ส่วนสินบนคนเข็ญใจ”
คำถามข้อต่อไปมีความว่า
“หนึ่งฝันว่าม้ามีสองปาก เห็นหญ้าอยากปากอ้าน้ำตาไหล
บุรุษสองปองป้อนจนอ่อนใจ หยิบหญ้ายื่นให้ไม่เว้นวาย”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแก้ฝันต่อไปว่า
“มีพุทธฎากาพยากรณ์ ผู้ตัดรอนความราษฎร์สิ้นทั้งหลาย
จะรวบรวมกินกันทั้งสองฝ่าย แนะนำให้ท้ายโจทย์และจำเลย
กินพลางทางก็ข่มด้วยลมลวง เหนี่ยวหน่วงถามทิ้งแล้วนิ่งเฉย
บางอาศัยใช้การจนนานเลย ความก็เกยแห้งแล้งอยู่ค้างปี”
ข้อต่อไป ทูลถามว่า
“หนึ่งฝันว่าประชาชนนั้นขนน้ำ ช่วยกันปล้ำเทสุ่มลงตุ่มใหญ่
แต่ตุ่มน้อยร้อยพันเรียงกันไป หามีใครเทใส่แต่สักคน”
พุทธพยากรณ์
“พระวรญาณโปรดประทานประกาศิต แนะนิมิตทายเข็ญให้เป็นผล
ว่าภายหน้าเสนาเป็นนายพล ก็จะปล้นทรัพย์ใส่ในตุ่มโต
ยิ่งมีก็ยิ่งได้ออกไหลล้น ยิ่งยากจนยิ่งหนักลงอักโข
จะงดงามตระการหน้าแต่พาโล ที่ซื้อก็จะโซดังตุ่มน้อย”
ข้อต่อไป
หนึ่งฝันว่าเป็นสระปทุมา มีหูกุ้งกุมภามัจฉาหอย
วารีรอบขอบใสมิใช่น้อย กลางกลับถ่อยขึนขุ่นสนุ่นมี
พุทธพยากรณ์
พระวรญาณบรรหารให้เห็นเหตุ ว่าประเทศทีมีสุขเกษมศรี
กษัตริย์ทรงสืบวงศ์ประเพณี เป็นที่ประชุมประชากร
จะแรมร้างว่างเปล่าเป็นป่าแขม ทั้งคาแฝกแซกแซมขึ้นสลอน
ทางชลจะวิกลกลายเป็นทางดอน ราษฎร์จะแรมรอนสุขทุกเดือนปี
เพราะกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นเป็นถ้วนถี่
น้ำกลางขุ่นข้นคือมนตรี จะย่ำยีบีฑาประชาชน
จะรุกรานแก่ไพร่ใช้ระดม คิดขู่ข่มเอาทรัพย์อยู่สับสน
ทั้งในเดือนอกเดือนในใช้เปื้อนปน สุดจะทนสุดจะทานด้วยการรุม
งานหลวงแล้วให้ทำงานนาย พวกไพร่ราษฎรพลัดพรายเข้าซ่องสุม
จะหลบลี้หนีหายเข้าป่าชุม ประคองคุมคนเข็ญค่อยเย็นใจ
คนโบราณไทยมีความเชื่อและเคารพต่อพุทธทำนายมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะมีคนรู้จักและสนใจน้อยที่สุดหรือไม่สนใจเลย แต่ทุกคำทำนายนั้นก็เป็นความจริง และมีความหมายมาก ความชั่วความเลวจากการกดขี่เอารัดเอาเปรียบ และการทำลายคนที่ไม่มีทางสู้ เช่นเดียวกับพรรคการเมืองและนักการเมืองที่รวมตัวขึ้นมาเพื่อทำมาหากินต่างๆ นั้น เมื่อมันเกิดความผิดพลาดหรือหมดเงินหมดทุนไปแล้วก็เท่ากับหมาจำนวนหนึ่งต้องเสียหมาไปอย่างหมาสุวรรณภูมิเสียมาแล้ว การที่จะไปมุ่งหวังความเจริญงอกงามหรือวัฒนาถาวรนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าการเมืองมันเป็นเรื่องของคนที่ประกอบด้วยความโลภ โกรธ หลงที่จำเป็นจะต้องดำรงอยู่หรือเลวด้วยความโลภ โกรธ หลง และทุกอย่างจะดำเนินไปตามพุทธทำนายนั้น
เพราะฉะนั้น เกิดมาเป็นคน เฉพาะอย่างยิ่งเป็นนักการเมือง เป็นนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคนมากหรือเป็นผู้มีอำนาจวาสนาด้วยประการหนึ่งประการใดนั้น สิ่งที่จะต้องระวังให้มากในการมีชีวิตอยู่ต่อไป ควรจะได้ระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองให้มาก ถ้าหากเห็นว่ามันไม่มีกำไรอะไรให้แก่ชีวิตก็พยายามลดความหลงตัวเองลงให้มากสักหน่อย จะสามารถอยู่ไปได้อย่างดี
ในฐานะที่เป็นคนโบราณ และได้ศึกษาเรื่องราวของบ้านเมืองและโหราศาสตร์มาบ้าง ผมรู้สึกว่าการที่คนไทยเราจะประสบความรื่นรมย์สมหวังในการมีชีวิตอยู่นั้นค่อนข้างจะยาก น่าจะมีเรื่องราวร้ายๆ ที่ไม่คาดหมายเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต เพราะท้องฟ้าและดวงดาวต่างๆ ถึงกำหนดเวลาที่จะระส่ำระสายตรวจทานความชั่วช้าหรือความผิดพลาดของคนเราที่ได้กระทำกันในหลายปีที่ผ่านมา
เรื่องที่จะเกิดขึ้นแก่คนที่ทำชั่วไม่มีความสุจริตใจ และพยายามทำตัวให้มันว่างหรือหลงตัวเองนั้น สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นนั้นก็คือบางส่วนบางตอนในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยาที่เขียนบอกไว้ในสมัยพระนารายณ์มหาราชหลายร้อยปีมาแล้ว ดูเหมือนมีข้อความดังนี้
“พระคงคาจะแดงเป็นเลือดนกอกแผ่นดินจะบ้าฟ้าจะเหลือง
ผีป่าก็จะวิ่งเข้าสิงเมือง ผีเมืองก็จะออกไปอยู่ไพร
พระเสื้อเมืองจะเอาตัว ตัวหนี พระกาฬกุลีจะเข้ามาเป็นไส้
พระธรณีจะตีอกให้ อกพระกาฬจะไหม้อยู่เกรียมกรม
ในลักษณะทำนายไว้บ่อห่อนผิด เมื่อพินิจพิศดูก็เห็นสม
มิใช่เทศกาลร้อนก็ร้อนระงม มิใช่เทศกาลฝน ฝนก็จะอุบัติ
ทุกต้นไม้หย่อมหญ้าสารพัด จะเกิดวิบัตินานาทั่วสากล
เทวดาซึ่งรักษาพระพุทธศาสนา จะรักษาแต่คนอกุศล
สัปปุรุษจะแพ้แก่ทรชน มิตรตนจะฆ่าซึ่งความรักฯลฯ”
ยังมีข้อความที่น่าสนใจอีกหลายเรื่อง แต่เมื่อวันนั้นมาถึง หมาไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิคงได้ไปผุดไปเกิดแล้ว แต่คนไทยที่จะต้องเป็นหมาที่เสียหมาตัวต่อไปจะทำอย่างไรกับชีวิต?
เราจะอยู่กันอย่างหมาหรืออยู่อย่างคนที่เสียหมาเหมือนทุกวันนี้หรือไม่?