xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 37 ความถูกต้องกับความถูกใจ (2จบ)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เพราะเป็นโรงเรียนกวดวิชาเพื่อจะเข้าสอบแข่งขัน ดังนั้นในแทบทุกสัปดาห์ก็จะมีการนำข้อสอบแข่งขันเก่าๆ มาให้นักเรียนทดลองทำ และเมื่อทำนานวันเข้าบรรดาข้อสอบเก่าๆ ที่เคยใช้สอบแข่งขันก็เป็นอันผ่านหูผ่านตาและทำให้พอรู้ทิศรู้ทางและแนวทางในการออกข้อสอบแข่งขัน

ที่สำคัญที่สุดคือได้รู้แนวทางการตอบและวิธีการตอบข้อสอบที่มีการนำมาเฉลย ทำให้ผมได้รู้ว่าแนวทางการออกข้อสอบและการออกข้อสอบในการแข่งขันนั้นเป็นประการใด จะตอบสั้น ตอบยาว ตอบมาก ตอบน้อย และข้อสอบใดเป็นอัตนัยหรือปรนัยก็ได้เรียนรู้ไปโดยลำดับ

ถ้าหากว่าไม่ได้เรียนกวดวิชาก็จะไม่มีทางได้รับรู้และเตรียมความคิดจิตใจหรือเตรียมตัวให้มีความพร้อมได้เลย อาจจะกล่าวได้ว่าถ้าจะเปรียบเป็นการรบทัพจับศึกแล้ว การเรียนกวดวิชาในครั้งนั้นทำให้ผมรู้สภาพภูมิประเทศในการรบ และวิธีการรบค่อนข้างกระจ่างแจ้ง นับเป็นคุณูปการอย่างใหญ่หลวง

วันสอบซ้อมกลางปีที่โรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์ได้มาถึงตามปกติที่ควรจะเป็นไป และทั้งๆ ที่มีกติกาว่าห้ามพูดคุยกันในขณะสอบ แต่ปรากฏว่าในขณะที่กำลังทำข้อสอบนั้นเพื่อนนักเรียนก็ยังคุยกัน มีเสียงดังเหมือนในชั้นเรียนปกติ

วันนั้นท่านอาจารย์ใหญ่ ครูบุญยังเดินตรวจการสอบตามห้องเรียนต่างๆ ได้ยินเสียงพูดคุยของนักเรียนก็พูดขึ้นด้วยเสียงอันดังว่าให้เงียบเสียง ไม่หนวกหูรบกวนการสอบบ้างหรือไร

ครูใหญ่พูดสิ้นเสียงลง เสียงพูดคุยก็เงียบลงครู่หนึ่ง แต่พอครูใหญ่เดินไปไม่ทันคล้อยหลังเสียงพูดจากันก็ดังขึ้นเหมือนเดิม

ขณะนั้นครูบุญยังเดินมาถึงผมพอดีแล้วถามว่าหนวกหูหรือไม่ ผมมีความคุ้นเคยกับเสียงแบบนี้ในชั้นเรียนอยู่แล้วจึงไม่รู้สึกเดือดร้อนรำคาญ จึงตอบอาจารย์ใหญ่ว่าไม่หนวกหูครับครู

ผมตอบท่านอาจารย์ใหญ่ด้วยความจริงใจและด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ว่าเสียงซึ่งเพื่อนนักเรียนพูดคุยกันในขณะสอบไม่หนวกหู ไม่ได้คิดที่จะท้าทายท่านอาจารย์ใหญ่แต่ประการใดเลย แต่กลับเป็นคำตอบที่ผิดหูและขัดใจอย่างยิ่ง ถึงขนาดครูใหญ่โกรธหูแดงทีเดียว

เหตุที่โกรธนั้นผมคิดเอาเองว่าท่านอาจารย์ใหญ่เห็นว่าการที่นักเรียนพูดคุยกันในขณะกำลังสอบไม่เพียงแต่เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและไม่ถูกต้องเท่านั้น ยังเป็นการรบกวนสมาธิการทำข้อสอบของคนอื่น ซึ่งท่านคงหวังว่าใครก็ตามเมื่อได้ยินคำถามของท่านแล้วคงจะต้องตอบเป็นทางเดียวกันว่าหนวกหูหรือรำคาญ

ครั้นผมตอบเช่นนั้นท่านอาจารย์ใหญ่ก็หยุดกึกอยู่กับที่ และถามย้ำกับผมอีกครั้งหนึ่งว่าไม่หนวกหูแน่หรือ ผมยังคงตอบไปโดยซื่อว่าไม่หนวกหูครับครู

เท่านั้นแหละก็เกิดเรื่อง! ครูบุญยังเดินกลับไปที่ห้องครูใหญ่ เรียกครูดนตรีเข้าไปพบ ครู่หนึ่งก็เห็นครูดนตรีเดินออกจากห้องครูใหญ่ไปเอากลองดรัมแล้วเข้าไปที่ห้องครูใหญ่อีกครั้งหนึ่ง และเห็นอาจารย์บุญยังสะพายกลองดรัมนั้นเดินมาที่ข้างโต๊ะผม แล้วตีกลองเป็นทำนองให้นักเรียนเดินพาเหรด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว

นักเรียนที่กำลังสอบอยู่ทุกคนต่างหันมาจ้องมองเป็นสายตาเดียวกันด้วยความแปลกใจว่าเกิดเรื่องราวใดขึ้น ครูสุมนาซึ่งเป็นครูประจำชั้นของผมซึ่งรู้ความคิดและอารมณ์ของครูใหญ่เป็นอย่างดี เห็นเหตุการณ์ผิดปกติจึงเดินมาที่โต๊ะผมอีกคนหนึ่ง แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ผมก็เล่าให้ฟังอย่างสั้นๆ พอทราบความครูสุมนาก็เอามือหยิกที่หน้าท้องของผม แล้วถามว่าหนวกหูหรือไม่ ผมยังคงพาซื่อตอบว่าไม่หนวกหูครับครู

ครูสุมนาหยิกหน้าท้องผมอีกครั้งหนึ่งและดึงให้ลุกขึ้น แล้วจ้องมองหน้าผม พลางชายตาไปที่ครูใหญ่ผมจึงได้เฉลียวใจและเข้าใจความนัย จากนั้นครูสุมนาได้ถามผมอีกว่าหนวกหูหรือไม่

ครานี้ผมรู้ทีนัยยะและความหมายเป็นอย่างดีแล้ว จึงคำนับครูใหญ่และตอบด้วยเสียงดังฟังชัดว่าหนวกหูครับครู

ครูใหญ่ได้ยินดังนั้นก็หยุดตีกลอง แล้วถามผมว่ารู้จักหนวกหูด้วยหรือ ผมจึงตอบว่าหนวกหูครับครู

ท่านอาจารย์ใหญ่ดูเหมือนจะหายโกรธและกล่าวให้ได้ยินทั่วกันว่า การสอบครั้งนี้แม้เป็นการสอบซ้อมก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะได้ทดสอบความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา จะมาทำเป็นเล่นแล้วคุยกันสนุกสนานนั้นไม่ถูกต้อง การพูดคุยในขณะสอบเป็นการไม่เคารพครูบาอาจารย์ที่กำลังทดสอบความรู้ และยังเป็นพฤติกรรมที่สร้างความรำคาญให้แก่เพื่อนนักเรียนคนอื่น

ครูใหญ่ได้ถือโอกาสสั่งสอนอบรมนักเรียนที่กำลังสอบอยู่ไปในตัว ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าท่านมีความเป็นครูอยู่ทุกกระเบียดนิ้ว ทุกยามทุกโอกาสที่สามารถสั่งสอนศิษย์ได้ก็ไม่เคยละเว้นที่จะไม่สั่งสอนศิษย์ ท่านไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหรือรำคาญกับการอบรมสั่งสอนศิษย์ที่ขี้เล่นโดยไม่รู้จักกาลและโอกาสของนักเรียนรุ่นผมเลย

ถึงวันนี้เมื่อนึกถึงเรื่องนี้คราวใดก็รำลึกถึงพระคุณครูใหญ่อยู่เสมอ และหวนรำลึกว่าตัวเรานี้ดีแต่พาซื่อ ถือความรู้สึกนึกคิดของตนโดยขาดการเฉลียวและคำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นในขณะนั้นๆ ว่าเป็นประการใด

ทำให้ได้คิดว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นคติสอนใจกำกับตัวว่าความรู้สึกและความจริงที่เข้าใจในหลายเรื่องหลายราวนั้น จะยึดมั่นถือมั่นเป็นจริงเป็นจังไปเลยโดยที่ไม่ฟังและคำนึงถึงความรู้สึกนึกคิดของคนอื่นนั้นไม่ได้ ความถูกต้องกับความถูกใจจะต้องไปด้วยกัน จึงจะสามารถครองตนอยู่ในสังคมได้ด้วยดี

การถือเอาแต่ความถูกต้องเป็นหลัก ถ้าหากไม่ถูกใจคน ถึงดึงดันยืนยันไปก็จะไม่มีวันสำเร็จ รังแต่จะก่อศัตรูหรือสร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่นร่ำไป ในทางตรงกันข้าม การถือเอาแต่เรื่องถูกใจคนโดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง แม้อาจผ่านพ้นเหตุการณ์ชั่วคราวไปได้ แต่ผลบั้นปลายย่อมมีร้ายมากกว่าดีเป็นแน่นอนเหมือนกัน

แม้กระนั้น การจะทำการใดๆ ให้บริบูรณ์พร้อมทั้งความถูกต้องและความถูกใจคนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องศาสตร์และศิลป์ที่ควรต้องให้ความสำคัญและใส่ใจฝึกฝนปฏิบัติให้ถึงพร้อมจึงจะเป็นผลดี.

โปรดติดตามตอนที่ 38 “ผงอิทธะเจ...เมตตามหานิยม ตอน 1” ในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น