พ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊ปลุกม็อบประท้วง กทม.รื้อทางเท้าแผงค้า ลั่นไม่ยอมไปค้าขายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ตามที่สำนักงานเขตจัดให้เนื่องจากค่าเช่าแพง ด้านกทม.ยันเดินหน้าจัดระเบียบแผงค้าต่อ แต่ให้ชะลอไว้ก่อนเมื่อได้ข้อสรุปจากเขตเมื่อไหร่ดำเนินการทันที
วานนี้(13 พ.ย.) ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊ประมาณ 100คน สวมเสื้อเหลืองนั่งเฝ้าทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม ไปจนถึงสี่แยกกษัตริย์ศึก ถนนกรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อขัดขวางการรื้อถอนแผงค้า หลังจากมีข่าวว่า สำนักงานเขตป้อมปราบฯ จะทำการขุดและปรับปรุงทิวทัศน์ และสั่งห้ามไม่ให้มีการค้าขายบริเวณดังกล่าว
นายณรงค์ชัย ณัฎฐาพรรณ ประธานชมรมโบ๊เบ๊ร่วมใจ เปิดเผยว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊จะเดินทางขอเข้าพบนายอภิรักษ์ เกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อยื่นหนังสื่อให้ทบทวนคำสั่ง และยืนยันว่าจะปักหลักต่อสู้ และไม่ยอมไปค้าขายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ตามที่สำนักงานเขตจัดให้ เนื่องจากค่าเช่าแพง
จากนั้นในเวลา 07.30 น. สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น เมื่อมีรถแบ็กโฮจำนวน 2 คันมาจอดเตรียมขุดเจาะบริเวณทางเท้าสะพาน 6 หรือสะพานมหานาค ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้ค้าในตลาดโบ๊เบ๊วางแผงค้าขายมานานหลายปี และมีเจ้าหน้าที่เทศกิจของสำนักงานเขตป้อมปราบฯ ประมาณ 4 นาย เดินทางมาเจรจากับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่รวมตัวกันประท้วง
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้ ผอ.เขตป้อมปราบฯ มาเจรจากัน แต่ฝ่าย ผอ.เขตได้ส่งตัวแทนมาเจรจาแทน ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงได้สอบถามคนขับรถแบ็กโฮทั้ง 2 คันทราบว่ามีผู้รับเหมาจ้างให้นำรถแบ็กโฮมาจอดบริเวณดังกล่าวเพื่อเตรียมขุดเจาะรื้อถอนพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาในเวลา 13.30 น.เกิดเหตุชุลมุนขึ้นอีกเมื่อรถแบ็กโฮที่มาจอดเพื่อเตรียมขุดเจาะ ถอยหลังจนเกือบทับแม่ค้าที่นอนพักในระหว่างชุมนุมคัดค้าน ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จับกุมคนขับรถ ในที่สุดกลุ่มผู้ค้าตกลงที่จะแจ้งความเอาผิดกับคนขับรถแบ็กโฮคันดังกล่าว
นางจันทร์เพ็ญ คำรักษ์ แม่ค้าขายส่งเสื้อผ้าตลาดโบ๊เบ๊ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ใน กทม.เห็นใจแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊ เพราะที่นี่มีการค้าขายมายาวนาน ที่สำคัญแม่ค้ามีภาระต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่จะสั่งให้ย้ายไปขายที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะที่ตลาดโบ๊เบ๊ที่เป็นแหล่งค้าส่งที่สำคัญของ กทม.หากให้ย้ายออกไปจะให้ไปขายที่ไหน และผู้ค้าที่รับเสื้อผ้ามาขายได้ลงทุนซื้อเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเพื่อไว้ขายในหน้าหนาว หากให้ย้ายตอนนี้แม่ค้าก็ต้องขาดทุน
ที่สำคัญคือการที่ กทม.ให้ไปขายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นพื้นที่ของเอกชน เหตุใดไม่จัดสถานที่ของรัฐให้แม่ค้า ซึ่งสถานที่ดังกล่าวคับแคบ อาคารไม่แข็งแรง และต้องจ่ายค่าเช่าราคาแพงกว่าเดิม
ด้านนายชัยศักดิ์ กลิ่นซ้อน ผู้ค้าส่งเสื้อผ้า กล่าวว่า ผู้ค้าทุกคนจะยังปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และ กทม. การให้ผู้ค้าย้ายออกจากสถานที่ขายของเดิมเป็นเรื่องยาก เพราะทุกคนขายมาหลาย 10 ปี กทม.จะใช้เวลา 2 เดือนขับไล่ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ควรจัดหาสถานที่รองรับให้ผู้ค้าทุกคน ไม่ใช่พยายายามบีบให้ผู้ค้าไปขายในโรงหนัง
ต่อมาในเวลา 17.00 น.ประธานชมรมโบ๊เบ๊ร่วมใจ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม.โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ว่า กทม อนุญาตให้ผู้ค้าขายสินค้าได้เหมือนเดิม แต่แนะนำให้ผู้ค้าหารือร่วมกับสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อจัดระเบียบแผงค้าใหม่ ให้ดูสวยงาม ส่วนจะมีการจัดรูปแบบไหนนั้น ทางชมรมฯ จะพูดคุยกับผู้ค้าอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนการนัดหารือร่วมกับสำนักงานเขตฯ ทางชมรมฯ จะรีบเจรจาให้เร็วที่สุด และตั้งแต่วันนี้ทางผู้ค้าสามารถตั้งแผงขายของได้ต่อไป
ทั้งนี้ ผลการเจรจาสร้างความพอใจให้กับกลุ่มผู้ค้าอย่างมาก และสลายการชุมนุมไปในที่สุด
ด้านนายรัฐพลกล่าวว่า จากที่คณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย กรุงเทพมหานคร ต้องการปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่ย่านตลาดโบ๊เบ๊และริมคลองมหานาคให้มีความสะอาด เรียบร้อย สวยงาม จึงมีมติให้ผู้ค้าย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว และให้ผู้ค้าทั้งหมดย้ายสถานที่จำหน่ายสินค้าไปอยู่ที่ตลาดโรงภาพยนตร์แอมบาสเดอร์เก่าที่ปรับปรุงใหม่ย่านสะพานขาวแทน และมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 พ.ย.นี้เป็นต้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ค้า และได้รวมตัวกันประท้วงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เทศกิจจากเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายที่พยายามจะเข้ารื้อถอนแผงค้าออกตามมติของคณะกรรมการฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ กทม.ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยที่ย่านดังกล่าวแน่นอน เพื่อความเป็นระเบียบ และเพื่อแก้ปัญหาการเรียกเก็บผลประโยชน์ รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองผดุงกรุงเกษม แต่ระหว่างนี้ได้ให้ผู้ค้ากลับไปหารือกับผู้อำนวยการเขตป้อมปราบฯ เพื่อหาข้อยุติอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ผู้ค้าบางรายไม่มีเงินจ่ายค่าแผงในโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่านั้น ทาง กทม.จะหารือกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อขอให้ผู้ค้าที่มีปัญหาเรื่องเงินสามารถแบ่งชำระได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ค้าไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควรแต่ก็มีท่าทีที่ดีขึ้น
วานนี้(13 พ.ย.) ตั้งแต่เวลาประมาณ 05.00 น.บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊ประมาณ 100คน สวมเสื้อเหลืองนั่งเฝ้าทางเท้าริมคลองผดุงกรุงเกษม ไปจนถึงสี่แยกกษัตริย์ศึก ถนนกรุงเกษม แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อขัดขวางการรื้อถอนแผงค้า หลังจากมีข่าวว่า สำนักงานเขตป้อมปราบฯ จะทำการขุดและปรับปรุงทิวทัศน์ และสั่งห้ามไม่ให้มีการค้าขายบริเวณดังกล่าว
นายณรงค์ชัย ณัฎฐาพรรณ ประธานชมรมโบ๊เบ๊ร่วมใจ เปิดเผยว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊จะเดินทางขอเข้าพบนายอภิรักษ์ เกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อยื่นหนังสื่อให้ทบทวนคำสั่ง และยืนยันว่าจะปักหลักต่อสู้ และไม่ยอมไปค้าขายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ตามที่สำนักงานเขตจัดให้ เนื่องจากค่าเช่าแพง
จากนั้นในเวลา 07.30 น. สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น เมื่อมีรถแบ็กโฮจำนวน 2 คันมาจอดเตรียมขุดเจาะบริเวณทางเท้าสะพาน 6 หรือสะพานมหานาค ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้ค้าในตลาดโบ๊เบ๊วางแผงค้าขายมานานหลายปี และมีเจ้าหน้าที่เทศกิจของสำนักงานเขตป้อมปราบฯ ประมาณ 4 นาย เดินทางมาเจรจากับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่รวมตัวกันประท้วง
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประท้วงได้เรียกร้องให้ ผอ.เขตป้อมปราบฯ มาเจรจากัน แต่ฝ่าย ผอ.เขตได้ส่งตัวแทนมาเจรจาแทน ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงได้สอบถามคนขับรถแบ็กโฮทั้ง 2 คันทราบว่ามีผู้รับเหมาจ้างให้นำรถแบ็กโฮมาจอดบริเวณดังกล่าวเพื่อเตรียมขุดเจาะรื้อถอนพื้นที่ดังกล่าว
ต่อมาในเวลา 13.30 น.เกิดเหตุชุลมุนขึ้นอีกเมื่อรถแบ็กโฮที่มาจอดเพื่อเตรียมขุดเจาะ ถอยหลังจนเกือบทับแม่ค้าที่นอนพักในระหว่างชุมนุมคัดค้าน ทำให้ผู้ชุมนุมไม่พอใจ และเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จับกุมคนขับรถ ในที่สุดกลุ่มผู้ค้าตกลงที่จะแจ้งความเอาผิดกับคนขับรถแบ็กโฮคันดังกล่าว
นางจันทร์เพ็ญ คำรักษ์ แม่ค้าขายส่งเสื้อผ้าตลาดโบ๊เบ๊ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ใน กทม.เห็นใจแม่ค้าตลาดโบ๊เบ๊ เพราะที่นี่มีการค้าขายมายาวนาน ที่สำคัญแม่ค้ามีภาระต้องรับผิดชอบดูแลครอบครัว ไม่ใช่มนุษย์เงินเดือนที่จะสั่งให้ย้ายไปขายที่ไหนก็ได้ โดยเฉพาะที่ตลาดโบ๊เบ๊ที่เป็นแหล่งค้าส่งที่สำคัญของ กทม.หากให้ย้ายออกไปจะให้ไปขายที่ไหน และผู้ค้าที่รับเสื้อผ้ามาขายได้ลงทุนซื้อเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเพื่อไว้ขายในหน้าหนาว หากให้ย้ายตอนนี้แม่ค้าก็ต้องขาดทุน
ที่สำคัญคือการที่ กทม.ให้ไปขายที่โรงหนังแอมบาสเดอร์ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นพื้นที่ของเอกชน เหตุใดไม่จัดสถานที่ของรัฐให้แม่ค้า ซึ่งสถานที่ดังกล่าวคับแคบ อาคารไม่แข็งแรง และต้องจ่ายค่าเช่าราคาแพงกว่าเดิม
ด้านนายชัยศักดิ์ กลิ่นซ้อน ผู้ค้าส่งเสื้อผ้า กล่าวว่า ผู้ค้าทุกคนจะยังปักหลักชุมนุมต่อไปจนกว่าจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากทางสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และ กทม. การให้ผู้ค้าย้ายออกจากสถานที่ขายของเดิมเป็นเรื่องยาก เพราะทุกคนขายมาหลาย 10 ปี กทม.จะใช้เวลา 2 เดือนขับไล่ เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ควรจัดหาสถานที่รองรับให้ผู้ค้าทุกคน ไม่ใช่พยายายามบีบให้ผู้ค้าไปขายในโรงหนัง
ต่อมาในเวลา 17.00 น.ประธานชมรมโบ๊เบ๊ร่วมใจ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับนายรัฐพล มีธนาถาวร รองปลัด กทม.โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ว่า กทม อนุญาตให้ผู้ค้าขายสินค้าได้เหมือนเดิม แต่แนะนำให้ผู้ค้าหารือร่วมกับสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง เพื่อจัดระเบียบแผงค้าใหม่ ให้ดูสวยงาม ส่วนจะมีการจัดรูปแบบไหนนั้น ทางชมรมฯ จะพูดคุยกับผู้ค้าอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนการนัดหารือร่วมกับสำนักงานเขตฯ ทางชมรมฯ จะรีบเจรจาให้เร็วที่สุด และตั้งแต่วันนี้ทางผู้ค้าสามารถตั้งแผงขายของได้ต่อไป
ทั้งนี้ ผลการเจรจาสร้างความพอใจให้กับกลุ่มผู้ค้าอย่างมาก และสลายการชุมนุมไปในที่สุด
ด้านนายรัฐพลกล่าวว่า จากที่คณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย กรุงเทพมหานคร ต้องการปรับภูมิทัศน์ในพื้นที่ย่านตลาดโบ๊เบ๊และริมคลองมหานาคให้มีความสะอาด เรียบร้อย สวยงาม จึงมีมติให้ผู้ค้าย้ายออกจากพื้นที่ดังกล่าว และให้ผู้ค้าทั้งหมดย้ายสถานที่จำหน่ายสินค้าไปอยู่ที่ตลาดโรงภาพยนตร์แอมบาสเดอร์เก่าที่ปรับปรุงใหม่ย่านสะพานขาวแทน และมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 13 พ.ย.นี้เป็นต้น ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ค้า และได้รวมตัวกันประท้วงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เทศกิจจากเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายที่พยายามจะเข้ารื้อถอนแผงค้าออกตามมติของคณะกรรมการฯ ดังกล่าว
ทั้งนี้ กทม.ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยที่ย่านดังกล่าวแน่นอน เพื่อความเป็นระเบียบ และเพื่อแก้ปัญหาการเรียกเก็บผลประโยชน์ รวมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ริมคลองผดุงกรุงเกษม แต่ระหว่างนี้ได้ให้ผู้ค้ากลับไปหารือกับผู้อำนวยการเขตป้อมปราบฯ เพื่อหาข้อยุติอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่ผู้ค้าบางรายไม่มีเงินจ่ายค่าแผงในโรงหนังแอมบาสเดอร์เก่านั้น ทาง กทม.จะหารือกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อขอให้ผู้ค้าที่มีปัญหาเรื่องเงินสามารถแบ่งชำระได้ แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มผู้ค้าไม่ค่อยพอใจเท่าที่ควรแต่ก็มีท่าทีที่ดีขึ้น


