ช่อง 5 ปรับผังรายการใหม่ ไม่เลือกที่รักมักที่ชังกับผู้จัดรายการ ค่ายอาร์เอสหดลงจาก 3-4 รายการ จาก 7-8 รายการ เมืองไทยวาไรตี้หลุดโผในปีนี้ ย้ำยังเน้นข่าว 30% สาระความรู้ 40% และบันเทิง 40% ชูความหลากหลาย ดูง่าย พร้อมให้ความสำคัญกับรายการข่าวมากขึ้น เตรียมตั้งแผนรับดึงเรตติ้งบันเทิง ดึง ทีวีพูล ไลฟ์ ร่วมโหนกระแสคนบันเทิง ล่าสุดร่วมผลิตรายการเรียลิตี้โชว์ “เดอะ คอนเทนเดอร์ มวยไทย” ลงคืนวันจันทร์และอังคาร คาดได้รับการตอบรับสูง
พลโทวุฒิชัย พรพิบูลย์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยว่า ทางสถานีฯได้มีการประกาศผังรายการใหม่ปี 2550 อย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งผังรายการใหม่นี้จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งจะเห็นได้ว่ารายการในผังใหม่นี้ จะมีความหลากหลาย ที่เป็นไปตามนโยบายของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องการให้เน้นการคัดสรรผู้จัดรายการ โดยจะมีการจัดเรียงผังรายการจะเป็นแนวนอน เพื่อให้ผู้ชมจดจำและติดตามชมได้สะดวกขึ้น โดยยังคงสัดส่วนไว้เช่นเดิม คือ ข่าว 30% สาระความรู้ 40% และบันเทิง 40%
“การปรับผังรายการใหม่ครั้งนี้ ยังคงเน้นสัดส่วนไว้เช่นเดิม แต่จะให้ความสำคัญกับการบริหารเวลาให้แก่ผู้จัดรายการมากขึ้น โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกราย ไม่เน้นว่าจะต้องเป็นรายใดเป็นพิเศษ อย่างในปีที่ผ่านมา บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้เวลาไปสูงมากประมาณ 7-8 รายการ ปีนี้ลดลงเหลือประมาณ 3-4 รายการ โดยช่วงเวลาของรายการหนึ่งที่หายไป คือ เมืองไทยวาไรตี้ ขณะที่บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด มหาชน และ กลุ่มบริษัท เวิร์ค พ้อยท์ ยังคงได้รับเวลาใกล้เคียงจากปีที่ผ่านมา แต่อาจจะมีการเพิ่มเวลาให้แต่ละรายการบ้างเล็กน้อย ส่วนกลุ่มบริษัท เจเอสแอล ปีนี้ได้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 1 รายการ รวมเป็น 3 รายการ จากเดิม 2 รายการในปีที่ผ่านมา”
สำหรับช่วงเวลา 21.20 น.- 22.00น. ที่เคยเป็นเวลาของรายการ เมืองไทยวาไรตี้นั้น มองว่า ช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานีได้ ดังนั้นผังรายการใหม่ในครั้งนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงปรับให้มีรายการที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเมืองไทยวาไรตี้ ตลอด 5 วัน มาเป็น รายการ เรื่องของเรื่อง ในวันจันทร์, รายการนาทีฉุกเฉิน ในวันอังคารและพุธ, รายการทีเด็ด…จัง ในวันพฤหัสบดี และรายการ คริส เดลิเวอรี่ ในวันศุกร์แทน
ส่วนผู้จัดรายการระดับกลางและระดับย่อยนั้น ทางสถานีก็ได้ให้โอกาสเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถและความน่าสนใจของรายการที่นำเสนอด้วย นอกจากนี้ทางสถานีฯยังได้กันเวลาย่อยไว้ประมาณสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง สำหรับใช้ในการโปรโมทของแต่ละรายการที่นำเสนอทางสถานีฯอีกด้วย
สำหรับช่วงเวลาไพรม์ไทม์ (18.00 น. - 23.00 น.) นั้น ทางสถานีฯได้ปรับผังรายการใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เช่น ช่วงเวลา 19.00 น. จะเป็นรายการข่าวภาคค่ำ ต่อด้วยเวลา 20.10น. จะเป็นรายการตามรอยพระยุคลบาท จากนั้นเวลา 20.15 น.จะเป็นรายการ ทีวีพูล ไลฟ์ และตามด้วยละครภาคค่ำในเวลา 20.25 น.
“จะเห็นได้ว่า เป็นการวางรายการอย่างสอดคล้องกันมากขึ้น และมีรายการใหม่ที่น่าสนใจและคาดว่าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่วงไพรม์ไทม์ได้อย่างแน่นอน อาทิ เช่น รายการ ทีวีพูล ไลฟ์ เป็นรายการซอกแซกคนบันเทิง คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างสูง”
ล่าสุดทางสถานีฯ ได้ร่วมผลิตรายการเรียลิตี้โชว์ “เดอะ คอนเทนเดอร์ มวยไทย” กับบริษัทผู้ผลิตรายการชั้นนำในต่างประเทศ โดยจะออกกอากาศทุกคืนวันจันทร์และอังคารในเวลา 23.05 น.-24.00น. คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมาก และมีแนวทางที่จะผลิตรายการเองหรือร่วมผลิตรายการมากขึ้นในปีหน้าด้วย
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางสถานีฯได้เริ่มให้ทางผู้จัดรายการได้เข้ามาเซ็นสัญญารับทราบเกี่ยวกับผังรายการใหม่แล้ว โดยจะมีช่วงระยะของการเซ็นสัญญานี้ไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ทางสถานีฯยังจะมีการเรียกประชุมกับผู้จัดรายการทุกรายอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือกันให้เกิดความแข็งแกร่งกับสถานีฯต่อไป
พลโทวุฒิชัย พรพิบูลย์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 เปิดเผยว่า ทางสถานีฯได้มีการประกาศผังรายการใหม่ปี 2550 อย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ 10 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งผังรายการใหม่นี้จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 มกราคมปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งจะเห็นได้ว่ารายการในผังใหม่นี้ จะมีความหลากหลาย ที่เป็นไปตามนโยบายของ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ที่ต้องการให้เน้นการคัดสรรผู้จัดรายการ โดยจะมีการจัดเรียงผังรายการจะเป็นแนวนอน เพื่อให้ผู้ชมจดจำและติดตามชมได้สะดวกขึ้น โดยยังคงสัดส่วนไว้เช่นเดิม คือ ข่าว 30% สาระความรู้ 40% และบันเทิง 40%
“การปรับผังรายการใหม่ครั้งนี้ ยังคงเน้นสัดส่วนไว้เช่นเดิม แต่จะให้ความสำคัญกับการบริหารเวลาให้แก่ผู้จัดรายการมากขึ้น โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกราย ไม่เน้นว่าจะต้องเป็นรายใดเป็นพิเศษ อย่างในปีที่ผ่านมา บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้เวลาไปสูงมากประมาณ 7-8 รายการ ปีนี้ลดลงเหลือประมาณ 3-4 รายการ โดยช่วงเวลาของรายการหนึ่งที่หายไป คือ เมืองไทยวาไรตี้ ขณะที่บริษัท จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ จำกัด มหาชน และ กลุ่มบริษัท เวิร์ค พ้อยท์ ยังคงได้รับเวลาใกล้เคียงจากปีที่ผ่านมา แต่อาจจะมีการเพิ่มเวลาให้แต่ละรายการบ้างเล็กน้อย ส่วนกลุ่มบริษัท เจเอสแอล ปีนี้ได้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 1 รายการ รวมเป็น 3 รายการ จากเดิม 2 รายการในปีที่ผ่านมา”
สำหรับช่วงเวลา 21.20 น.- 22.00น. ที่เคยเป็นเวลาของรายการ เมืองไทยวาไรตี้นั้น มองว่า ช่วงเวลาดังกล่าวน่าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานีได้ ดังนั้นผังรายการใหม่ในครั้งนี้ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงปรับให้มีรายการที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่เป็นเมืองไทยวาไรตี้ ตลอด 5 วัน มาเป็น รายการ เรื่องของเรื่อง ในวันจันทร์, รายการนาทีฉุกเฉิน ในวันอังคารและพุธ, รายการทีเด็ด…จัง ในวันพฤหัสบดี และรายการ คริส เดลิเวอรี่ ในวันศุกร์แทน
ส่วนผู้จัดรายการระดับกลางและระดับย่อยนั้น ทางสถานีก็ได้ให้โอกาสเช่นเดียวกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถและความน่าสนใจของรายการที่นำเสนอด้วย นอกจากนี้ทางสถานีฯยังได้กันเวลาย่อยไว้ประมาณสัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง สำหรับใช้ในการโปรโมทของแต่ละรายการที่นำเสนอทางสถานีฯอีกด้วย
สำหรับช่วงเวลาไพรม์ไทม์ (18.00 น. - 23.00 น.) นั้น ทางสถานีฯได้ปรับผังรายการใหม่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เช่น ช่วงเวลา 19.00 น. จะเป็นรายการข่าวภาคค่ำ ต่อด้วยเวลา 20.10น. จะเป็นรายการตามรอยพระยุคลบาท จากนั้นเวลา 20.15 น.จะเป็นรายการ ทีวีพูล ไลฟ์ และตามด้วยละครภาคค่ำในเวลา 20.25 น.
“จะเห็นได้ว่า เป็นการวางรายการอย่างสอดคล้องกันมากขึ้น และมีรายการใหม่ที่น่าสนใจและคาดว่าจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับช่วงไพรม์ไทม์ได้อย่างแน่นอน อาทิ เช่น รายการ ทีวีพูล ไลฟ์ เป็นรายการซอกแซกคนบันเทิง คาดว่าจะได้รับความนิยมอย่างสูง”
ล่าสุดทางสถานีฯ ได้ร่วมผลิตรายการเรียลิตี้โชว์ “เดอะ คอนเทนเดอร์ มวยไทย” กับบริษัทผู้ผลิตรายการชั้นนำในต่างประเทศ โดยจะออกกอากาศทุกคืนวันจันทร์และอังคารในเวลา 23.05 น.-24.00น. คาดว่าจะได้รับความสนใจจากผู้ชมเป็นอย่างมาก และมีแนวทางที่จะผลิตรายการเองหรือร่วมผลิตรายการมากขึ้นในปีหน้าด้วย
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางสถานีฯได้เริ่มให้ทางผู้จัดรายการได้เข้ามาเซ็นสัญญารับทราบเกี่ยวกับผังรายการใหม่แล้ว โดยจะมีช่วงระยะของการเซ็นสัญญานี้ไปจนถึงสิ้นปี นอกจากนี้ทางสถานีฯยังจะมีการเรียกประชุมกับผู้จัดรายการทุกรายอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือกันให้เกิดความแข็งแกร่งกับสถานีฯต่อไป