ผู้จัดการรายวัน - สถาปนิกรวมกลุ่มเพื่อนและทุนที่แข็งแกร่ง ลุยโครงการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรขนาดใหญ่โซนสุวรรณภูมิ ทั้งที่อยู่อาศัย ,โรงแรม ,โรงเรียน ,ชอปปิ้งมอลล์ ภายใต้ชื่อ "นิว แอร์พอร์ต ซิตี้" แค่เฟสแรกผุดคอนโดฯ 6 ชั้น 37 อาคาร 3,700 ยูนิต ราคา 8.9 แสน - 1.1 ล้านบาท รองรับพนักงานในสนามบินสุวรรณภูมิกว่า 70,000 คน ปัจจุบันมียอดจองแล้ว 8 อาคาร ด้านสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซื้อยกตึกไว้รับแขก ฟุ้งใช้ระบบพรีแฟบสร้างเสร็จภายในมกราคม 50
นาย สุวิน นาคปรีชา ประธานกรรมการ บริษัท นิว ซิตี้ แอร์พอร์ท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงที่มาของการเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดภายใต้ชื่อ "นิว แอร์พอร์ต ซิตี้" ว่า ก่อนหน้านี้ ทำงานอยู่ในแวดวงสถาปนิกมาประมาณ 20 ปี ในนามบริษัท ซีเอ. คาซ่า เบลล่า จำกัด มีผลงานการออกแบบร้านค้าต่างๆในห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย,ออกแบบสวนสนุก รวมไปถึงคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรรอีกหลายโครงการ
ภายหลังจากที่สะสมประสบการณ์มาช้านาน จึงคิดที่จะพัฒนาโครงการของตนเองขึ้นมา ประกอบกับในขณะนั้นภาครัฐบาลมีนโยบายที่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิอย่างแน่นอน จึงต้องการที่จะสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงมากนัก เพื่อรองรับพนักงานที่ย้ายเข้ามาทำงานในสนามบินที่มีกว่า 70,000 คนซึ่งบางรายมีบ้านแล้ว แต่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงานในราคาถูกเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง
ดังนั้น จึงได้ทาบทามพันธมิตรจากหลากหลายวงการเข้ามาร่วมทุนด้วย โดยมี 4 กลุ่มหลักถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 25% คือ กลุ่มของตน,กลุ่มนาย ถิรวัฒน์ จารุประทัย ซึ่งเคยทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในนามบริษัท เคมอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด แต่ปัจจุบันได้ปิดตัวไปแล้ว และยังมีธุรกิจโรงงานไม้อัดที่เมืองเวียงจันทน์และเมืองปากเซ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ,กลุ่มนาย เกตุ นำเบญจพล ซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.นำเบญจพลพาณิชย์ และกลุ่มผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีศักยภาพสูงมากในเมืองไทยแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ดำเนินการจดทะเบียนตั้งบริษัท นิว ซิตี้ แอร์พอร์ท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 200 ล้านบาท
สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าว อยู่ห่างจากสนามบิน 2 กิโลเมตร ใช้เวลารวบรวมให้เป็นผืนเดียวกันเนื้อที่ 300 ไร่ 5 ปี และได้รับการรับรองจากบริษัทวิทยุการบิน แห่งประเทศไทย จำกัด ระบุชัดเจนที่ตั้งของโครงการดังกล่าว ไม่ได้รับผลกระทบจากเสียง ทั้งนี้ บริษัทได้แบ่งการพัฒนาเป็นเฟสๆ แรกพัฒนาบนพื้นที่ 108 ไร่ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม สูง 6 ชั้น จำนวน 37 อาคาร ๆละ 105 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 3,700 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 31-41 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 8.9 แสนบาท-1.1 ล้านบาท รวมถึงอาคารพาณิชย์ จำนวน 200 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายทีละ 1 อาคาร ปัจจุบันขายถึงอาคารที่ 8 แล้ว โดยตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 พ.ย.49 ผู้ที่ตัดสินใจซื้อจะได้รับส่วนลดทันที 1 แสนบาทและหลังจากนั้นจะปรับราคาขายขึ้นมา อยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อยูนิต ขณะนี้มียอดขายแล้ว 75% ส่วนอาคารพาณิชย์มียอดจองแล้ว 30-40%
ส่วนเงินลงทุน บริษัทได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงิน 50% ส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนส่วนตัวของตนและกลุ่มผู้ถือหุ้น คาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ประมาณเดือนม.ค.-ก.พ. นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาในอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 4.5% หลังจากนั้น MLR บวก1
สถานทูตอาหรับเอมิเรตส์ซื้อยกตึก
นาย สุวิน กล่าวว่า ลูกค้าที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานของสายการบินต่างๆ จากทั้งหมด 91 สายการบินที่มาใช้บริการในประเทศไทย นอกจากนี้ ทางสถานทูตของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ได้ซื้อยกอาคาร จำนวน 1 อาคาร เพื่อรองรับแขกของตนเองที่มาเยือนไทย
ด้านการก่อสร้างดำเนินการโดย บริษัท พรอสเพอริตี้ คอนกรีต จำกัด หรือ PCC ในเครือปูนซิเมนต์ไทยฯซึ่งเป็นระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปสมัยใหม่ (พรีแฟบ) โดยการก่อสร้าง 4 อาคารใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 1 เดือนเท่านั้น จึงมั่นใจว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์และเข้าอยู่ได้ภายในเดือนมกราคม 2550
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตสร้างทางเชื่อมระหว่างโครงการมายังสนามบิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นายสุวิน กล่าวต่อว่า ในปี2549บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 2,000 ยูนิต ซึ่งนำระบบการก่อสร้างพรีแฟบมาใช้เช่นกัน โดยการันตีการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 200 ยูนิต อาคารพาณิชย์ ,พลาซ่า ซึ่งจะมีร้านค้าแบรนด์ดังมาเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ,โฮมออฟฟิศ ,สปอร์ตคลับ,โรงแรมจำนวน 200 ห้อง และชอปปิ้งมอลล์
นอกจากนี้ในอนาคตยังมีโรงเรียนนานาชาติ "The American School of Bangkok " เข้ามาเปิดการเรียนการสอนในโครงการ รวมไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ได้เสนอมาแล้วทั้งสิ้น 4 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าทั้งโครงการจะสมบูรณ์ทั้งหมดภายในระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ทางAOT ยังมีแผนให้บริษัทเข้าไปดำเนินการก่อสร้างบ้านพักสวัสดิการให้แก่พนักงาน สนามกีฬา ร้านอาหารและสวนน้ำบนที่ดินของAOTด้วย ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ตั้งโครงการของบริษัท โดยจะดำเนินการคล้ายกับที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวมาว่า ผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ต้องการฮุบโครงการดังกล่าวเป็นของตนเอง โดยได้รับผลประโยชน์ เป็นที่น่าสังเกตว่ามีผู้บริหารจากAOT ถือหุ้นอยู่ในบริษัทดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงได้ตัดสินใจเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ
นาย สุวิน นาคปรีชา ประธานกรรมการ บริษัท นิว ซิตี้ แอร์พอร์ท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงที่มาของการเข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่สุดภายใต้ชื่อ "นิว แอร์พอร์ต ซิตี้" ว่า ก่อนหน้านี้ ทำงานอยู่ในแวดวงสถาปนิกมาประมาณ 20 ปี ในนามบริษัท ซีเอ. คาซ่า เบลล่า จำกัด มีผลงานการออกแบบร้านค้าต่างๆในห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย,ออกแบบสวนสนุก รวมไปถึงคอนโดมิเนียม และบ้านจัดสรรอีกหลายโครงการ
ภายหลังจากที่สะสมประสบการณ์มาช้านาน จึงคิดที่จะพัฒนาโครงการของตนเองขึ้นมา ประกอบกับในขณะนั้นภาครัฐบาลมีนโยบายที่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิอย่างแน่นอน จึงต้องการที่จะสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงมากนัก เพื่อรองรับพนักงานที่ย้ายเข้ามาทำงานในสนามบินที่มีกว่า 70,000 คนซึ่งบางรายมีบ้านแล้ว แต่ต้องการที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงานในราคาถูกเพื่อเป็นบ้านหลังที่สอง
ดังนั้น จึงได้ทาบทามพันธมิตรจากหลากหลายวงการเข้ามาร่วมทุนด้วย โดยมี 4 กลุ่มหลักถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 25% คือ กลุ่มของตน,กลุ่มนาย ถิรวัฒน์ จารุประทัย ซึ่งเคยทำธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในนามบริษัท เคมอเตอร์(ประเทศไทย)จำกัด แต่ปัจจุบันได้ปิดตัวไปแล้ว และยังมีธุรกิจโรงงานไม้อัดที่เมืองเวียงจันทน์และเมืองปากเซ ที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ,กลุ่มนาย เกตุ นำเบญจพล ซึ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด ก.นำเบญจพลพาณิชย์ และกลุ่มผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่มีศักยภาพสูงมากในเมืองไทยแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อได้ ดำเนินการจดทะเบียนตั้งบริษัท นิว ซิตี้ แอร์พอร์ท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 200 ล้านบาท
สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าว อยู่ห่างจากสนามบิน 2 กิโลเมตร ใช้เวลารวบรวมให้เป็นผืนเดียวกันเนื้อที่ 300 ไร่ 5 ปี และได้รับการรับรองจากบริษัทวิทยุการบิน แห่งประเทศไทย จำกัด ระบุชัดเจนที่ตั้งของโครงการดังกล่าว ไม่ได้รับผลกระทบจากเสียง ทั้งนี้ บริษัทได้แบ่งการพัฒนาเป็นเฟสๆ แรกพัฒนาบนพื้นที่ 108 ไร่ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม สูง 6 ชั้น จำนวน 37 อาคาร ๆละ 105 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 3,700 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 31-41 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้นที่ 8.9 แสนบาท-1.1 ล้านบาท รวมถึงอาคารพาณิชย์ จำนวน 200 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายทีละ 1 อาคาร ปัจจุบันขายถึงอาคารที่ 8 แล้ว โดยตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 พ.ย.49 ผู้ที่ตัดสินใจซื้อจะได้รับส่วนลดทันที 1 แสนบาทและหลังจากนั้นจะปรับราคาขายขึ้นมา อยู่ที่ประมาณ 1.3 ล้านบาทต่อยูนิต ขณะนี้มียอดขายแล้ว 75% ส่วนอาคารพาณิชย์มียอดจองแล้ว 30-40%
ส่วนเงินลงทุน บริษัทได้รับการสนับสนุนสินเชื่อจากสถาบันการเงิน 50% ส่วนที่เหลือเป็นเงินทุนส่วนตัวของตนและกลุ่มผู้ถือหุ้น คาดว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าได้ประมาณเดือนม.ค.-ก.พ. นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาในอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 4.5% หลังจากนั้น MLR บวก1
สถานทูตอาหรับเอมิเรตส์ซื้อยกตึก
นาย สุวิน กล่าวว่า ลูกค้าที่เข้ามาซื้อส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานของสายการบินต่างๆ จากทั้งหมด 91 สายการบินที่มาใช้บริการในประเทศไทย นอกจากนี้ ทางสถานทูตของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ได้ซื้อยกอาคาร จำนวน 1 อาคาร เพื่อรองรับแขกของตนเองที่มาเยือนไทย
ด้านการก่อสร้างดำเนินการโดย บริษัท พรอสเพอริตี้ คอนกรีต จำกัด หรือ PCC ในเครือปูนซิเมนต์ไทยฯซึ่งเป็นระบบการก่อสร้างสำเร็จรูปสมัยใหม่ (พรีแฟบ) โดยการก่อสร้าง 4 อาคารใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 1 เดือนเท่านั้น จึงมั่นใจว่าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์และเข้าอยู่ได้ภายในเดือนมกราคม 2550
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตสร้างทางเชื่อมระหว่างโครงการมายังสนามบิน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากบริษัทการท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นายสุวิน กล่าวต่อว่า ในปี2549บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 3-5 ล้านบาท จำนวน 2,000 ยูนิต ซึ่งนำระบบการก่อสร้างพรีแฟบมาใช้เช่นกัน โดยการันตีการก่อสร้างแล้วเสร็จภายในระยะเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีแผนพัฒนาเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 200 ยูนิต อาคารพาณิชย์ ,พลาซ่า ซึ่งจะมีร้านค้าแบรนด์ดังมาเปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ,โฮมออฟฟิศ ,สปอร์ตคลับ,โรงแรมจำนวน 200 ห้อง และชอปปิ้งมอลล์
นอกจากนี้ในอนาคตยังมีโรงเรียนนานาชาติ "The American School of Bangkok " เข้ามาเปิดการเรียนการสอนในโครงการ รวมไปถึงโรงพยาบาล ซึ่งขณะนี้ได้เสนอมาแล้วทั้งสิ้น 4 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ คาดว่าทั้งโครงการจะสมบูรณ์ทั้งหมดภายในระยะเวลา 2 ปี
นอกจากนี้ทางAOT ยังมีแผนให้บริษัทเข้าไปดำเนินการก่อสร้างบ้านพักสวัสดิการให้แก่พนักงาน สนามกีฬา ร้านอาหารและสวนน้ำบนที่ดินของAOTด้วย ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ตั้งโครงการของบริษัท โดยจะดำเนินการคล้ายกับที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนรายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวมาว่า ผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ต้องการฮุบโครงการดังกล่าวเป็นของตนเอง โดยได้รับผลประโยชน์ เป็นที่น่าสังเกตว่ามีผู้บริหารจากAOT ถือหุ้นอยู่ในบริษัทดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงได้ตัดสินใจเปิดตัวโครงการอย่างเป็นทางการ