เชียงราย - 9 เดือนปี 49 ยอดการค้าชายแดนเชียงรายกับเพื่อนบ้านเฉียด 8 พันล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.97% ยันไทยได้ดุลสูงถึงกว่า 5 พันล้าน คาดไตรมาสสุดท้ายปีนี้ เพิ่มไม่น้อยกว่า 20-30%เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เชื่อส่งผลยอดการค้าตลอดทั้งปีขยายตัวมากกว่า 10-15%แน่ แนะผู้ประกอบการไทยวางแผนรับมือระบบขนส่งสินค้าย่านอินโดจีนใหม่ หลังโครงข่ายคมนาคมทยอยเสร็จสมบูรณ์ภายใน 2-3 ปีต่อจากนี้
นางวิภาดา ตรีสัตย์ พาณิชย์จังหวัดเชียงราย เปิดเผยถึงภาพรวมการค้าระหว่างจังหวัดเชียงราย กับเพื่อนบ้าน คือ สหภาพพม่า-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว-สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า ในช่วง 9 เดือน ตั้งแต่มกราคม-กันยายน 2549 มีมูลค่าการค้ารวม 7,925.59 ล้านบาท แยกเป็นมูลค่าการส่งออก 6,485.08 ล้านบาท และนำเข้า 1,440.51 ล้านบาท โดยเชียงราย ได้ดุลการค้า 5,044.58 ล้านบาท
เทียบกันช่วงเดียวกันของปี 2548 มูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น 6.97% หรือเพิ่มขึ้น 516.54 ล้านบาท มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น 5.42% หรือเพิ่มขึ้น 332.22 ล้านบาท มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 14.58% หรือเพิ่มขึ้น 183.32 ล้านบาท และดุลการค้าเพิ่มขึ้น 3.06% หรือเกินดุลเพิ่มขึ้น 149.91 ล้านบาท ถือว่าเติบโตทุกด้าน
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย คือ สินค้าเกษตร สินค้าอุปโภคบริโภค ลำไยอบแห้ง น้ำมันเชื้อเพลิง ยางรถยนต์ วัสดุก่อสร้าง รถยนต์ อาหารและเครื่องดื่ม ยารักษาโรค ตามลำดับ
สินค้านำเข้าที่สำคัญได้แก่ สินค้าเกษตร ผัก ผลไม้ ไม้แปรรูป เครื่องอุปโภคบริโภค ผ้าห่ม ยานพาหนะและอุปกรณ์เครื่องจักร ถ่านหินลิกไนต์ ผักสด แอปเปิล สาลี่ เห็ดหอมแห้ง ตามลำดับ
พาณิชย์จังหวัดเชียงราย คาดการณ์ว่า การค้าระหว่างเชียงราย กับเพื่อนบ้าน ในช่วงสิ้นปีนี้ หรือ ไตรมาสที่ 4 จะขยายตัวจากไตรมาสก่อน ประมาณ 20-30% อันเป็นผลจากการค้ากับประเทศจีน ซึ่งมีผลผลิตการเกษตรของสองประเทศออกสู่ตลาด เช่น ผัก ผลไม้ ซึ่งจะส่งผลให้การค้าตลอดปี 2549 ขยายตัวจากปีก่อนราว 10-15%
ในวันที่ 16-17 พฤศจิกายน นี้ จะมีการสัมมนาเกี่ยวกับการค้าชายแดน ระหว่างพาณิชย์จังหวัด และนักธุรกิจในจังหวัดล้านนา 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน พร้อมดูงานการค้าชายแดน ด้าน แม่สาย เชียงแสน เชียงของ และดูงานระบบวันสต็อปเซอร์วิส(ONE STOP SERVICE:OSS) ซึ่งมีเสียงเรียกร้องจากนักธุรกิจว่า อยากทราบข้อมูลข่าวสารด้านการค้า ที่รัฐบาลได้ไปทำข้อตกลงกับต่างประเทศ และแนวโน้มทางการค้าให้มากขึ้น ซึ่งที่จริงมีศูนย์ข้อมูลในจังหวัดที่ ศาลากลางจังหวัด-พาณิชย์จังหวัดทุกแห่ง แต่อาจจะไม่ทั่วถึง
สำหรับข้อตกลงการค้าเสรีไทย-จีน หรือ FTA ก็ยังเดินหน้าต่อไป อย่างไรก็ตามการส่งเสริมนักธุรกิจไทยให้ก้าวออกไปแข่งขันทางการค้ากับเพื่อนบ้าน ก็ยังมีอุปสรรคหลายด้าน โดยเฉพาะ กฎหมายของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน เช่นประเทศจีนมีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีไทย-จีน ทำให้สินค้าเกษตรบางชนิดลดภาษีศุลกากรเป็นศูนย์ แต่ภาษีการค้า เช่น ภาษีท้องถิ่น ยังมีการเก็บอยู่
นอกจากนี้ การไปลงทุนในต่างประเทศกฎหมายของประเทศจีน อาจยังไม่เปิดกว้างเต็มที่ให้กับนักลงทุนต่างชาติ แต่อาจจะเน้นให้ลงทุนในลักษณะเป็นหุ้นส่วนกับนักธุรกิจจีน เป็นต้น และยังต้องใช้เงินลงทุนสูงในบางเรื่อง เช่น การเดินเรือ การขนส่งทางบก ที่เรือสินค้าส่วนมากที่แล่นในแม่น้ำโขงจะเป็นของชาวจีน ส่วนเส้นทางรถยนต์ เช่น จากจีนผ่าน สปป.ลาว (R3a) อ.เชียงของ จ.เชียงราย ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จราวปี พ.ศ.2551 หรือถนนจากจีนผ่านพม่าสู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่ใกล้สมบูรณ์ การใช้รถยนต์ขนส่งสินค้าส่วนมากอาจยังต้องใช้รถยนต์ของชาตินั้นๆ ทำให้นักธุรกิจต้องศึกษาข้อกฎหมายให้ดี
สำหรับการส่งสินค้าเกษตร เช่น ข้าวสาร จาก จ.เชียงราย ไปจีนตอนใต้ เนื่องจากจีน ได้กำหนดโควตานำเข้าข้าวจากต่างประเทศชัดเจน ที่ผ่านมาไม่เคยมีการเพิ่มโควตานำเข้าข้าวในบริเวณจีนตอนใต้ เพราะมีการปลูกข้าวอยู่มาก ทำให้นักธุรกิจไทยส่งข้าวตรงเข้าไปลำบาก แต่นักธุรกิจในสหภาพพม่าและสปป.ลาว ซึ่งเป็นพื้นที่ติดต่อประเทศจีน จะได้สิทธิพิเศษทางภาษีมากกว่า จึงมีการส่งข้าวเข้าจีนง่ายกว่ามาก ทำให้การส่งออกข้าวจากเชียงรายไปจีนแทบไม่มี
ด้านแหล่งข่าว ในหอการค้า จ.เชียงราย ระบุว่า การค้าของเชียงรายในปีนี้ ถึงแม้จะเติบโตขึ้น แต่ที่จริงเป้าหมายนั้น นักธุรกิจหวังไว้ว่าจะต้องมีมูลค่าการค้ารวม แตะระดับ 10,000 ล้านบาทในปี 2549 แต่เมื่อประสบปัญหาหลายประการ ทั้งเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงราคาแพง ปัญหาไข้หวัดนก การเมือง ฯลฯ ทำให้การเติบโตอาจจะไม่สูงเท่าเป้าหมายที่วางไว้ และยอมรับว่าช่วงนี้เศรษฐกิจอาจจะไม่คึกคักนัก เพราะประชาชนรัดกุมในการใช้จ่าย สังเกตจากการท่องเที่ยวที่มีปริมาณนักท่องเที่ยวบางตาลง การใช้เงินลดลง ส่วนหนึ่งอาจจะรอดูทิศทางทางการเมืองด้วย