บอร์ดอสมทถกวันนี้กรณีพนักงาน์ฮือไล่ –ปรับผังรายการ เผยเบื้องหลังที่แท้จริงจากวงหารือระหว่าง “ธีระภัทร” กับนักจัดรายการรุ่นใหญ่ที่มาของข่าวปล่อยก่อกระแสต้านปรับผัง ชี้จุดเริ่มจากคปค.ออกนโยบายให้ “รองพล- ชิตณรงค์” เปิดเกมรุกสู้ระบอบทักษิณ พบชิดณรงค์ตัวปัญหาหลังอกหักไปไม่ถึงดวงดาวไม่พูดความจริงต่อพนักงานจนก่อกระแสสับสน “พงษ์ศักดิ์” ออกคำแถลงการณ์ร่ายยาวเป้าหมายยกระดับอสมท ด้านพนักงานยังคาใจไม่หายออกแถลงการณ์โต้อีก “อรวรรณ”เพิ่งรู้พฤติกรรมกลุ่มเสื้อดำก้าวร้าวโห่ฮาป่าวันเผชิญหน้าผู้บริหาร ขณะที่บอกปัดไม่รับหมายเชิญของสนธิ อ้างต่างคนต่างทำหน้าที่
กรณีกลุ่มพนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)เรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการบริษัท ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมทั้งคณะกรรมการลาออกจากตำแหน่งเพราะไม่พอใจนโยบายของผู้บริหารชุดใหม่ รวมทั้งคัดค้านการปรับผังรายการใหม่
นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท (MCOT) กล่าวว่า วันนี้ (10 พ.ย.) บอร์ดจะหารือข้อเรียกร้องของพนักงาน อสมท และ การปรับผังรายการ อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการปรับผังรายการ เพื่อให้คนจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาทำรายการตามที่เป็นข่าว
“เราจะคุยกันในประเด็นว่า ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รักษาการหรือเปล่า ถ้าใครรักษาการแล้วมันจะดีขึ้นหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่า กรรมการแต่ละคน ต้องการทำให้ อสมท ดีขึ้น และต้องการทำประโยชน์เพื่อ อสมท ผู้ถือหุ้น และประชาชน” นายบุญปลูก กล่าว
** แฉชิตณรงค์เบี่ยงประเด็นจนก่อกระแสป่วน
ก่อนหน้านี้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพนักงานกับบอร์ดอสมท. จนต้องทำหนังสือถึง ให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โจมตีบอร์ดชุดใหม่ที่ปรับเปลี่ยนนโยบาย อสมท.จากสังคมอุดมปัญญา มาเป็นสัมมาปัญญา โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ผู้บริหารระดับสูงของอสมท.เข้าพบนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลอสมท. ก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อบอร์ดบริหารชุดใหม่ โดยมีนายค. ตัวแทนจากนสพ.ผู้จัดการ นายอ.และฝ่ายขายของเครือเนชั่น นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ ขอเวลา Prime Timeของโมเดิร์นนายทีวีเพื่อจัดรายการด้วย
แหล่งข่าวจากที่ประชุมระหว่างรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ร่วมกับอดีตกลุ่มผู้จัดการรายการในช่อง 9 ระบุว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการแบ่งเค้กกับผู้จัดรายการเดิมนั้น ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะเดิมทีเป็นความต้องการของคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่แกนนำบางส่วนหารือในช่วงการรัฐประหารใหม่ ๆ หลังถูกโจมตีหนักว่า ไม่รู้จักใช้สื่อชี้แจงความจำเป็นที่ต้องเข้ามาเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดข้อมูลด้านเดียวตลอด 5 ปี โดยในช่วงแรกแกนนำคมช. เห็นน่า แนวทางการทำความเข้าใจกับประชาชนนั้น น่าจะลักษณะการออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แต่ก็ถูกคัดค้านเพราะเห็นว่า ไม่ควรทำขนาดนั้น
แหล่งข่าว กล่าวว่า ช่วงนั้น พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คปค. ขณะนั้นมอบหมายให้นายรองพล เจริญพันธุ์ รักษาการปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดูว่า มีช่วงเวลาใดบ้างที่สามารถจัดสรรให้เวลาใหม่ กับรายการเก่าๆ ที่มีสาระซึ่งถูกถอดออกจากช่อง 9 ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณกลับคืนมาได้บ้าง ซึ่งนายรองพลได้ติดต่อให้ผู้จัดการายเก่าๆ ในช่อง 9 เช่น นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสุทธิชัย หยุ่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นต้น มาหารือกัน โดยที่ขณะนั้นยังไม่มีการฟอร์มคณะรัฐมนตรีขึ้นมา แต่เนื่องจากบางรายติดขัด ไม่สามารถเดินทางมาได้ ทำให้ต้องเลื่อนมาประชุมวันที่ 1 ตุลาคมแทน หลังจากนั้นนายธีรภัทร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีดูแล อสมท.
ขณะที่นายรองพลเตรียมเสนอรายชื่อบอร์ดใหม่ ซึ่งนายธีรภัทร์ยังไม่ทราบเรื่อง โดยมีการวางตัวนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท. ให้มาเป็น ผอ.อสมท. แต่นายธีรภัทร์ได้ยับยั้งไว้ก่อน หลังจากนั้นนายรองพล หมดหน้าที่ เพราะได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการครม. จึงไม่ได้นัดหมายให้ผู้จัดการรายการเก่ามาหารือ นายธีรภัทร์ จึงรับช่วงต่อ โดยได้เชิญผู้จัดการรายการช่อง 9 เดิม มาพูดคุย โดยผู้ที่เข้าร่วม อาทิ นายเจิมศักดิ์ ส่วนนายสุทธิชัย ส่งนายนายอดิศักดิ์ นายสนธิส่งนายคำนูณ สิทธิสมาน
การหารือครั้งนั้น นายชิตณรงค์ ย้ำนโยบายของคมช.ที่ต้องการให้รายการเก่าที่มีสาระกลับมา ขณะที่นายธีรภัทร์ บอกว่า รัฐบาลไม่มีเจตนาจะให้มาเชียร์ แต่ให้ทำหน้าที่สื่อโดยอิสระ พร้อมกับถามนายชิตณรงค์ ถ้าจะให้รายการเดิมกลับมา เช่น ของนายสุทธิชัย นายสมเกียรติ นายเจิมศักดิ์ นายสนธิ จะมีปัญหาหรือไม่อย่างไร นายชิตณรงค์ แสดงความเห็นว่า ถ้าพูดถึงยุทธจักรนี้ ก็มีเพียงคนเหล่านี้เท่านั้น หากรวมกันได้ขนาดนี้ก็ว่า สุดยอด
อย่างไรก็ตาม นายชิตณรงค์ แสดงความห่วงเฉพาะนายสนธิ เนื่องจากมีปัญหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และก็อยู่ในฐานะเป็นปฏิปักษ์กับอสมท. เพราะมีคดีฟ้องร้องกันอยู่ ซึ่งในวงหารือดังกล่าว ไม่มีใครพูดอะไร
** ชิดณรงค์อกหัก-ปริศนาใครปล่อยข่าว
แหล่งข่าวแจ้งว่า ช่วงนั้นนายชิดณรงค์ ได้เสนอแนะว่า รายการ “ถึงลูกถึงคน” ช่วง 5 ทุ่ม เริ่มเรทติ้ง ตก ถ้าจะเอารายการนี้ก็ไม่มีปัญหา นายธีรภัทร์ จึงเห็นว่า ถ้าจะเริ่มได้ก็อยากจะให้เริ่มหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จ แต่ตัวแทนผู้จัดรายการเก่า แย้งว่า หากทำรายการสดช่วงดึกอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพได้ จึงเสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นช่วงหัวค่ำกว่านั้น นายชิตณรงค์ ระบุว่า ลำบาก เพราะรายการคุยคุ้ยข่าว กำลังทำเงิน ก่อนที่วงหารือจะสรุปว่า เพื่อหลีกรายการนี้ ก็ให้ไปดูช่วงใดก็ได้ อาจจะเป็นก่อน หรือ หลัง โดยที่ไม่มีใครพูดถึงรายการกบนอกกะลา หรือ รายการอื่น แต่กลับมีการปล่อยข่าวเกิดขึ้น
หลังจากนั้นมีการประชุมบอร์ด มีการพิจารณาใบลาของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ใบลาออกมีผลสมบรูณ์ จนมีการลงมติแต่งตั้ง นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เป็นรักษาการผอ.อสมท. ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ทำให้นายชิดณรงค์ที่ถูกวางตัวไว้ไม่ได้รับเลือก
ทั้งนี้ ความไม่พอใจของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ ทั้งกรณีนายมิ่งขวัญที่ทำกำไร สร้างผลงานให้กับโมเดินไนน์ แต่กลับต้องพ้นจากเก้าอี้ ขณะที่บอร์ดอสมท.ชุดใหม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่เน้นกำไร แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพ จึงกระทบต่อหุ้นของอสมท
**พงษ์ศักดิ์ออกหนังสือย้ำยกระดับอสมท
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ออกหนังสือชี้แจงเป็นฉบับแรก โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับนโยบายในการดำเนินงานของ บมจ.อสมท โดยคณะกรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
กรณีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารงานขององค์กรไปสู่องค์กรที่ไม่มุ่งหวังกำไร เปลี่ยนรูปแบบรายการ รวมถึงการปลดรายการคุยคุ้ยข่าว ถึงลูกถึงคน กบนอกกะลา และจะนำผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาผลิต-รายการแทนรายการเดิม การปรับรูปแบบของสถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 107 เมกะเฮิรตซ์ นั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จึงขอชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวดังนี้
1.คณะกรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีนโยบายในการเสริมสร้าง บมจ.อสมท ให้มีความแข็งแกร่ง และเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง และสามารถดำรงอยู่ในฐานะองค์กรด้านการสื่อสารมวลชนระดับชาติ โดยมุ่งมั่นที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติ และผู้ถือหุ้นเป็นหลัก 2.บมจ.อสมท จะคงความเป็นสังคมอุดมปัญญา ที่ถูกต้อง ชอบธรรม และเสริมสร้างสังคมให้เป็นสุข 3.บมจ.อสมท ต้องสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่โดยผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ไม่ยึดติดกับตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้กับสังคม และการสร้างกำไรตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น 4.บมจ.อสมท ต้องพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัท 5.การดำเนินงานของบริษัทยังคงดำเนินไปตามแนวทางที่วางไว้เดิม โดยเฉพาะผังรายการโทรทัศน์ ซึ่งจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ เพราะกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาปรับผังรายการโทรทัศน์ประจำปี ซึ่งปัจจัยสำคัญในการปรับผัง คือ คุณภาพของรายการ และความนิยมที่ประชาชนมีต่อรายการนั้น
“นอกจากนี้ ผู้บริหารและคณะกรรมการผังรายการที่เกี่ยวข้องของ บมจ.อสมท ไม่ได้มีการตัดสินใจที่จะถอดถอนรายการ กบนอกกะลา ถึงลูกถึงคน และคุยคุ้ยข่าว ออกจากผังตามที่ปรากฏในรายงานข่าวแต่อย่างใด”
6.ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการตกลงร่วมกับผู้ผลิตรายการในการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบและคุณภาพของรายการ ตลอดจนการนำเสนอรายการรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิดสังคมอุดมปัญญา สำหรับผังรายการใหม่ในปีหน้า
“7.ขอยืนยันว่า ไม่มีการให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาประโยชน์อย่างแน่นอน ทุกอย่างจะดำเนินไปโดย บมจ.อสมท เอง”
8.จะเน้นด้านข่าวมากขึ้น ทั้งข่าวในประเทศและต่างประเทศ โดยให้สำนักข่าวไทยเป็นตัวหลักในการผลิตและพัฒนาให้มีความหลากหลายและมีความเข้มมากขึ้น มีตัวแทนในต่างประเทศขยายงานของสำนักข่าวไทย ให้เป็น Profit Center เป้าหมายเป็นสำนักข่าวระดับทวีปและระดับโลก เผยแพร่ข่าวสาร สารคดี บทวิเคราะห์ รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ ฯลฯ ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ยังต้องมีหน่วยงานที่จะต้องทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาในการปรับปรุงคุณภาพของข่าว และรายการทุกประเภทของ บมจ.อสมท
9.ขอยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเป็นผู้บริหารของ บมจ.มติชน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกับ บมจ.อสมท ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเป็นสื่อคนละประเภท อีกทั้งการเข้ารับหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จนกว่าจะสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้รับเลือกจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแสดงว่า ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
10.สำหรับกรอบระยะเวลาในการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นอยู่กับ บมจ.อสมท ต้องเสนอความต้องการและคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยจะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา และจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายใน 3 เดือน
11.บมจ.อสมท จะใช้สื่อช่วยสร้างความสมานฉันท์ชายแดนภาคใต้ โดยรายการของโมเดิร์นไนน์ทีวี ที่ออกอากาศใน 3 จังหวัดภาคใต้ จะมีคำแปลภาษาท้องถิ่น (ภาษายาวี) วิ่งอยู่ด้านล่าง และจะมีบางรายการที่นำเสนอเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนสถานีวิทยุภูมิภาคโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเพิ่มให้มีรายการที่ใช้ภาษาท้องถิ่นเพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นและวิถีชีวิตของพี่น้องในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ คำชี้แจงดังกล่าว ทางฝ่ายสื่อสารองค์กร อสมท ได้ปิดประกาศไว้หน้าลิฟต์ อาคารปฏิบัติการ และประตูทางออกห้องส่ง 5 ด้วย
***กลุ่มพนักงานเสื้อดำคาใจไม่เลิก
สำหรับความเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท ที่รวมตัวกันในนาม “กลุ่มพลัง อสมท” ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่อง “เมื่อความจริงปรากฏ”
เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุถึงการประชุมร่วมกันระหว่าง พนักงาน อสมท กับ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานบอร์ด และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ที่ห้องออดิโทเรียม สำนักงานใหญ่ อสมท เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยชี้ว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เพื่อนพนักงานได้ออกมาร่วมกันแสดงจุดยืนเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของชาว อสมท ด้วยการรวมตัวเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากนายพงษ์ศักดิ์
แถลงการณ์อ้างว่า จากการซักถามของพนักงาน อสมท ในที่ประชุมดังกล่าว ทำให้ความจริงประเด็นสำคัญต่างๆ ปรากฏ โดย นายพงษ์ศักดิ์ ยอมรับว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายข่าวไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จริง ซึ่งแถลงการณ์บอกว่า นายพงษ์ศักดิ์ พยายามเลี่ยงว่าไม่ได้สั่ง แต่ให้เป็นวิจารณญาณ หากฝ่ายข่าวเห็นว่าไม่มีความไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
แถลงการณ์บอกอีกว่า ในการชี้แจงกับพนักงาน อสมท เมื่อวันที่ 8พ.ย. ยังมีการยอมรับว่า มีความพยายามในการวางผังรายการโมเดิร์นไนน์ ด้วยช่องทางที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม หรือที่ภาษาสื่อเขียนว่าแบ่งเค้กจริง โดย นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ชี้แจงว่า ได้เข้าไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้ประกอบการสื่อ 3-4 รายอยู่ด้วย ซึ่งปรากฏชื่อตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า การแบ่งเค้กที่ว่านั้นคืออะไร
แถลงการณ์ของกลุ่มพลัง อสมท ยังกล่าวหาว่า นายพงษ์ศักดิ์ ไม่สามารถทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้ ในการชี้แจงกับพนักงาน อสมท
เมื่อเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน นางอรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล) ตัวแทนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพนักงานอสมท ได้แถลงข่าวถึงความวุ่นวายของอสมทในขณะนี้ว่า กลุ่มพนักงานอสมท จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆรวมทั้งจะยังไม่มีการประท้วงในวันศุกร์ที่ 10 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันประชุมของคณะกรรมการบริหาร บมจ.อสมท (บอร์ด) แต่จะขอรอดูถึงผลการประชุมบอร์ดก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“กลุ่มพนักงานอยากจะขอให้ประชาชนเข้าใจถึงสิ่งที่ดำเนินการอยู่นี้ และจะขอให้พลังประชาชนมาร่วมต่อสู้กันด้วยเพื่ออุดมการณ์ของการเป็นสื่อสารมวลชนของประชาชนที่แท้จริง อยากให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่า เราไม่ได้เคลื่อนไหวหรือแสดงออกเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์หรือกลัวเรื่องหุ้นของพนักงานตกแต่อย่างใด เพราะเราไม่ได้หลงไหลกับอำนาจทุนนิยมหรือระบอบใดๆตามที่ถูกกล่าวอ้าง ”
นางอรวรรณกล่าวถึงการพบปะพูดคุยระหว่างนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท และพนักงานของอสมท เมื่อวันพุธที่ 8พ.ย.ที่ผ่านมาด้วยว่า การประชุมในวันนั้นถือเป็นการประชุมภายในขององค์กร ซึ่งเราก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการถ่ายทอดสดสู่ข้างนอกโดยมีสถานีเอเอสทีวีและเนชั่นทีวีมาถ่ายทอดสด และเปิดให้สื่อมวลชนเข้ามารับฟังด้วย
อย่างไรก็ตามทางกลุ่มจะดำเนินการผลิตเป็นดีวีดี ซีดี เพื่อแจกให้กับประชาชนที่สนใจและสื่อมวลชนที่สนใจนำไปเปิดฟังได้ และขอยืนยันว่า ต่อไปนี้การดำเนินการและการเคลื่อนไหวของทางกลุ่มจะไม่ก้าวร้าวและจะทำตัวให้สุภาพ
นางอรวรรณกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้บริหารของกลุ่มผู้จัดการ ท้าให้ไปออกรายการทีวีด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในองค์กรของอสมท ตัวเองคงไม่ไปออกรายการด้วย และขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่า แต่ขอเสนอว่าให้นายสนธิไปตอบเรื่องที่นายสนธิเข้าพบกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ จะดีกว่า
กรณีกลุ่มพนักงาน บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน)เรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการบริษัท ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ พร้อมทั้งคณะกรรมการลาออกจากตำแหน่งเพราะไม่พอใจนโยบายของผู้บริหารชุดใหม่ รวมทั้งคัดค้านการปรับผังรายการใหม่
นายบุญปลูก ชายเกตุ ประธานกรรมการ บมจ.อสมท (MCOT) กล่าวว่า วันนี้ (10 พ.ย.) บอร์ดจะหารือข้อเรียกร้องของพนักงาน อสมท และ การปรับผังรายการ อย่างไรก็ตาม จะยังไม่มีการปรับผังรายการ เพื่อให้คนจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาทำรายการตามที่เป็นข่าว
“เราจะคุยกันในประเด็นว่า ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่รักษาการหรือเปล่า ถ้าใครรักษาการแล้วมันจะดีขึ้นหรือเปล่า แต่ผมเชื่อว่า กรรมการแต่ละคน ต้องการทำให้ อสมท ดีขึ้น และต้องการทำประโยชน์เพื่อ อสมท ผู้ถือหุ้น และประชาชน” นายบุญปลูก กล่าว
** แฉชิตณรงค์เบี่ยงประเด็นจนก่อกระแสป่วน
ก่อนหน้านี้ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างพนักงานกับบอร์ดอสมท. จนต้องทำหนังสือถึง ให้พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี โจมตีบอร์ดชุดใหม่ที่ปรับเปลี่ยนนโยบาย อสมท.จากสังคมอุดมปัญญา มาเป็นสัมมาปัญญา โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ผู้บริหารระดับสูงของอสมท.เข้าพบนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลอสมท. ก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อบอร์ดบริหารชุดใหม่ โดยมีนายค. ตัวแทนจากนสพ.ผู้จัดการ นายอ.และฝ่ายขายของเครือเนชั่น นายจ.นักวิชาการ นักจัดรายการ ขอเวลา Prime Timeของโมเดิร์นนายทีวีเพื่อจัดรายการด้วย
แหล่งข่าวจากที่ประชุมระหว่างรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ร่วมกับอดีตกลุ่มผู้จัดการรายการในช่อง 9 ระบุว่า ข้อกล่าวหาเรื่องการแบ่งเค้กกับผู้จัดรายการเดิมนั้น ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะเดิมทีเป็นความต้องการของคณะปฏิรูปการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่แกนนำบางส่วนหารือในช่วงการรัฐประหารใหม่ ๆ หลังถูกโจมตีหนักว่า ไม่รู้จักใช้สื่อชี้แจงความจำเป็นที่ต้องเข้ามาเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดข้อมูลด้านเดียวตลอด 5 ปี โดยในช่วงแรกแกนนำคมช. เห็นน่า แนวทางการทำความเข้าใจกับประชาชนนั้น น่าจะลักษณะการออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ แต่ก็ถูกคัดค้านเพราะเห็นว่า ไม่ควรทำขนาดนั้น
แหล่งข่าว กล่าวว่า ช่วงนั้น พล.อ.วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการ คปค. ขณะนั้นมอบหมายให้นายรองพล เจริญพันธุ์ รักษาการปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ไปดูว่า มีช่วงเวลาใดบ้างที่สามารถจัดสรรให้เวลาใหม่ กับรายการเก่าๆ ที่มีสาระซึ่งถูกถอดออกจากช่อง 9 ในยุคพ.ต.ท.ทักษิณกลับคืนมาได้บ้าง ซึ่งนายรองพลได้ติดต่อให้ผู้จัดการายเก่าๆ ในช่อง 9 เช่น นายสมเกียรติ อ่อนวิมล นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นายสุทธิชัย หยุ่น นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นต้น มาหารือกัน โดยที่ขณะนั้นยังไม่มีการฟอร์มคณะรัฐมนตรีขึ้นมา แต่เนื่องจากบางรายติดขัด ไม่สามารถเดินทางมาได้ ทำให้ต้องเลื่อนมาประชุมวันที่ 1 ตุลาคมแทน หลังจากนั้นนายธีรภัทร์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีดูแล อสมท.
ขณะที่นายรองพลเตรียมเสนอรายชื่อบอร์ดใหม่ ซึ่งนายธีรภัทร์ยังไม่ทราบเรื่อง โดยมีการวางตัวนายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท. ให้มาเป็น ผอ.อสมท. แต่นายธีรภัทร์ได้ยับยั้งไว้ก่อน หลังจากนั้นนายรองพล หมดหน้าที่ เพราะได้รับแต่งตั้งเป็นเลขาธิการครม. จึงไม่ได้นัดหมายให้ผู้จัดการรายการเก่ามาหารือ นายธีรภัทร์ จึงรับช่วงต่อ โดยได้เชิญผู้จัดการรายการช่อง 9 เดิม มาพูดคุย โดยผู้ที่เข้าร่วม อาทิ นายเจิมศักดิ์ ส่วนนายสุทธิชัย ส่งนายนายอดิศักดิ์ นายสนธิส่งนายคำนูณ สิทธิสมาน
การหารือครั้งนั้น นายชิตณรงค์ ย้ำนโยบายของคมช.ที่ต้องการให้รายการเก่าที่มีสาระกลับมา ขณะที่นายธีรภัทร์ บอกว่า รัฐบาลไม่มีเจตนาจะให้มาเชียร์ แต่ให้ทำหน้าที่สื่อโดยอิสระ พร้อมกับถามนายชิตณรงค์ ถ้าจะให้รายการเดิมกลับมา เช่น ของนายสุทธิชัย นายสมเกียรติ นายเจิมศักดิ์ นายสนธิ จะมีปัญหาหรือไม่อย่างไร นายชิตณรงค์ แสดงความเห็นว่า ถ้าพูดถึงยุทธจักรนี้ ก็มีเพียงคนเหล่านี้เท่านั้น หากรวมกันได้ขนาดนี้ก็ว่า สุดยอด
อย่างไรก็ตาม นายชิตณรงค์ แสดงความห่วงเฉพาะนายสนธิ เนื่องจากมีปัญหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และก็อยู่ในฐานะเป็นปฏิปักษ์กับอสมท. เพราะมีคดีฟ้องร้องกันอยู่ ซึ่งในวงหารือดังกล่าว ไม่มีใครพูดอะไร
** ชิดณรงค์อกหัก-ปริศนาใครปล่อยข่าว
แหล่งข่าวแจ้งว่า ช่วงนั้นนายชิดณรงค์ ได้เสนอแนะว่า รายการ “ถึงลูกถึงคน” ช่วง 5 ทุ่ม เริ่มเรทติ้ง ตก ถ้าจะเอารายการนี้ก็ไม่มีปัญหา นายธีรภัทร์ จึงเห็นว่า ถ้าจะเริ่มได้ก็อยากจะให้เริ่มหลังจากแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จ แต่ตัวแทนผู้จัดรายการเก่า แย้งว่า หากทำรายการสดช่วงดึกอาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพได้ จึงเสนอว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นช่วงหัวค่ำกว่านั้น นายชิตณรงค์ ระบุว่า ลำบาก เพราะรายการคุยคุ้ยข่าว กำลังทำเงิน ก่อนที่วงหารือจะสรุปว่า เพื่อหลีกรายการนี้ ก็ให้ไปดูช่วงใดก็ได้ อาจจะเป็นก่อน หรือ หลัง โดยที่ไม่มีใครพูดถึงรายการกบนอกกะลา หรือ รายการอื่น แต่กลับมีการปล่อยข่าวเกิดขึ้น
หลังจากนั้นมีการประชุมบอร์ด มีการพิจารณาใบลาของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ซึ่งที่ประชุมเห็นว่า ใบลาออกมีผลสมบรูณ์ จนมีการลงมติแต่งตั้ง นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร เป็นรักษาการผอ.อสมท. ด้วยคะแนนเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง ทำให้นายชิดณรงค์ที่ถูกวางตัวไว้ไม่ได้รับเลือก
ทั้งนี้ ความไม่พอใจของพนักงานมาจากหลายสาเหตุ ทั้งกรณีนายมิ่งขวัญที่ทำกำไร สร้างผลงานให้กับโมเดินไนน์ แต่กลับต้องพ้นจากเก้าอี้ ขณะที่บอร์ดอสมท.ชุดใหม่ได้ให้สัมภาษณ์ว่า จะไม่เน้นกำไร แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพ จึงกระทบต่อหุ้นของอสมท
**พงษ์ศักดิ์ออกหนังสือย้ำยกระดับอสมท
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ออกหนังสือชี้แจงเป็นฉบับแรก โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในหนังสือพิมพ์รายวันหลายฉบับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับนโยบายในการดำเนินงานของ บมจ.อสมท โดยคณะกรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
กรณีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริหารงานขององค์กรไปสู่องค์กรที่ไม่มุ่งหวังกำไร เปลี่ยนรูปแบบรายการ รวมถึงการปลดรายการคุยคุ้ยข่าว ถึงลูกถึงคน กบนอกกะลา และจะนำผู้ผลิตรายใหม่เข้ามาผลิต-รายการแทนรายการเดิม การปรับรูปแบบของสถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 107 เมกะเฮิรตซ์ นั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จึงขอชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวดังนี้
1.คณะกรรมการบริษัท และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มีนโยบายในการเสริมสร้าง บมจ.อสมท ให้มีความแข็งแกร่ง และเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซง และสามารถดำรงอยู่ในฐานะองค์กรด้านการสื่อสารมวลชนระดับชาติ โดยมุ่งมั่นที่จะรักษาผลประโยชน์ของชาติ และผู้ถือหุ้นเป็นหลัก 2.บมจ.อสมท จะคงความเป็นสังคมอุดมปัญญา ที่ถูกต้อง ชอบธรรม และเสริมสร้างสังคมให้เป็นสุข 3.บมจ.อสมท ต้องสามารถดำเนินงานได้อย่างเต็มที่โดยผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ไม่ยึดติดกับตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง และต้องสร้างความเข้าใจกับผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะสร้างความสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้กับสังคม และการสร้างกำไรตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้น 4.บมจ.อสมท ต้องพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัท 5.การดำเนินงานของบริษัทยังคงดำเนินไปตามแนวทางที่วางไว้เดิม โดยเฉพาะผังรายการโทรทัศน์ ซึ่งจะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะนี้ เพราะกำลังอยู่ในช่วงการพิจารณาปรับผังรายการโทรทัศน์ประจำปี ซึ่งปัจจัยสำคัญในการปรับผัง คือ คุณภาพของรายการ และความนิยมที่ประชาชนมีต่อรายการนั้น
“นอกจากนี้ ผู้บริหารและคณะกรรมการผังรายการที่เกี่ยวข้องของ บมจ.อสมท ไม่ได้มีการตัดสินใจที่จะถอดถอนรายการ กบนอกกะลา ถึงลูกถึงคน และคุยคุ้ยข่าว ออกจากผังตามที่ปรากฏในรายงานข่าวแต่อย่างใด”
6.ในขณะเดียวกัน ก็ได้มีการตกลงร่วมกับผู้ผลิตรายการในการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบและคุณภาพของรายการ ตลอดจนการนำเสนอรายการรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิดสังคมอุดมปัญญา สำหรับผังรายการใหม่ในปีหน้า
“7.ขอยืนยันว่า ไม่มีการให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามาหาประโยชน์อย่างแน่นอน ทุกอย่างจะดำเนินไปโดย บมจ.อสมท เอง”
8.จะเน้นด้านข่าวมากขึ้น ทั้งข่าวในประเทศและต่างประเทศ โดยให้สำนักข่าวไทยเป็นตัวหลักในการผลิตและพัฒนาให้มีความหลากหลายและมีความเข้มมากขึ้น มีตัวแทนในต่างประเทศขยายงานของสำนักข่าวไทย ให้เป็น Profit Center เป้าหมายเป็นสำนักข่าวระดับทวีปและระดับโลก เผยแพร่ข่าวสาร สารคดี บทวิเคราะห์ รายการโทรทัศน์ รายการวิทยุ ฯลฯ ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ ยังต้องมีหน่วยงานที่จะต้องทำหน้าที่ในการวิเคราะห์ และให้คำปรึกษาในการปรับปรุงคุณภาพของข่าว และรายการทุกประเภทของ บมจ.อสมท
9.ขอยืนยันว่า ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในการเป็นผู้บริหารของ บมจ.มติชน ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเดียวกับ บมจ.อสมท ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเป็นสื่อคนละประเภท อีกทั้งการเข้ารับหน้าที่รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ จนกว่าจะสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่นั้น ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้รับเลือกจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ซึ่งแสดงว่า ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว
10.สำหรับกรอบระยะเวลาในการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นอยู่กับ บมจ.อสมท ต้องเสนอความต้องการและคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยจะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา และจะพยายามดำเนินการให้เสร็จภายใน 3 เดือน
11.บมจ.อสมท จะใช้สื่อช่วยสร้างความสมานฉันท์ชายแดนภาคใต้ โดยรายการของโมเดิร์นไนน์ทีวี ที่ออกอากาศใน 3 จังหวัดภาคใต้ จะมีคำแปลภาษาท้องถิ่น (ภาษายาวี) วิ่งอยู่ด้านล่าง และจะมีบางรายการที่นำเสนอเฉพาะจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนสถานีวิทยุภูมิภาคโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเพิ่มให้มีรายการที่ใช้ภาษาท้องถิ่นเพื่อสื่อสารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อท้องถิ่นและวิถีชีวิตของพี่น้องในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ คำชี้แจงดังกล่าว ทางฝ่ายสื่อสารองค์กร อสมท ได้ปิดประกาศไว้หน้าลิฟต์ อาคารปฏิบัติการ และประตูทางออกห้องส่ง 5 ด้วย
***กลุ่มพนักงานเสื้อดำคาใจไม่เลิก
สำหรับความเคลื่อนไหวของพนักงาน อสมท ที่รวมตัวกันในนาม “กลุ่มพลัง อสมท” ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 3 เรื่อง “เมื่อความจริงปรากฏ”
เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุถึงการประชุมร่วมกันระหว่าง พนักงาน อสมท กับ นายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รองประธานบอร์ด และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ที่ห้องออดิโทเรียม สำนักงานใหญ่ อสมท เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยชี้ว่า เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เพื่อนพนักงานได้ออกมาร่วมกันแสดงจุดยืนเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของชาว อสมท ด้วยการรวมตัวเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากนายพงษ์ศักดิ์
แถลงการณ์อ้างว่า จากการซักถามของพนักงาน อสมท ในที่ประชุมดังกล่าว ทำให้ความจริงประเด็นสำคัญต่างๆ ปรากฏ โดย นายพงษ์ศักดิ์ ยอมรับว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายข่าวไปทำข่าวรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล จริง ซึ่งแถลงการณ์บอกว่า นายพงษ์ศักดิ์ พยายามเลี่ยงว่าไม่ได้สั่ง แต่ให้เป็นวิจารณญาณ หากฝ่ายข่าวเห็นว่าไม่มีความไม่เหมาะสมก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม
แถลงการณ์บอกอีกว่า ในการชี้แจงกับพนักงาน อสมท เมื่อวันที่ 8พ.ย. ยังมีการยอมรับว่า มีความพยายามในการวางผังรายการโมเดิร์นไนน์ ด้วยช่องทางที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม หรือที่ภาษาสื่อเขียนว่าแบ่งเค้กจริง โดย นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ชี้แจงว่า ได้เข้าไปหารือร่วมกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้ประกอบการสื่อ 3-4 รายอยู่ด้วย ซึ่งปรากฏชื่อตามที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า การแบ่งเค้กที่ว่านั้นคืออะไร
แถลงการณ์ของกลุ่มพลัง อสมท ยังกล่าวหาว่า นายพงษ์ศักดิ์ ไม่สามารถทำความเข้าใจให้เกิดขึ้นได้ ในการชี้แจงกับพนักงาน อสมท
เมื่อเวลา 15.30 น.วันเดียวกัน นางอรวรรณ ชูดี (กริ่มวิรัตน์กุล) ตัวแทนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพนักงานอสมท ได้แถลงข่าวถึงความวุ่นวายของอสมทในขณะนี้ว่า กลุ่มพนักงานอสมท จะยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆรวมทั้งจะยังไม่มีการประท้วงในวันศุกร์ที่ 10 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันประชุมของคณะกรรมการบริหาร บมจ.อสมท (บอร์ด) แต่จะขอรอดูถึงผลการประชุมบอร์ดก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง
“กลุ่มพนักงานอยากจะขอให้ประชาชนเข้าใจถึงสิ่งที่ดำเนินการอยู่นี้ และจะขอให้พลังประชาชนมาร่วมต่อสู้กันด้วยเพื่ออุดมการณ์ของการเป็นสื่อสารมวลชนของประชาชนที่แท้จริง อยากให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่า เราไม่ได้เคลื่อนไหวหรือแสดงออกเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์หรือกลัวเรื่องหุ้นของพนักงานตกแต่อย่างใด เพราะเราไม่ได้หลงไหลกับอำนาจทุนนิยมหรือระบอบใดๆตามที่ถูกกล่าวอ้าง ”
นางอรวรรณกล่าวถึงการพบปะพูดคุยระหว่างนายพงษ์ศักดิ์ พยัฆวิเชียร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท และพนักงานของอสมท เมื่อวันพุธที่ 8พ.ย.ที่ผ่านมาด้วยว่า การประชุมในวันนั้นถือเป็นการประชุมภายในขององค์กร ซึ่งเราก็ไม่ทราบมาก่อนว่าจะมีการถ่ายทอดสดสู่ข้างนอกโดยมีสถานีเอเอสทีวีและเนชั่นทีวีมาถ่ายทอดสด และเปิดให้สื่อมวลชนเข้ามารับฟังด้วย
อย่างไรก็ตามทางกลุ่มจะดำเนินการผลิตเป็นดีวีดี ซีดี เพื่อแจกให้กับประชาชนที่สนใจและสื่อมวลชนที่สนใจนำไปเปิดฟังได้ และขอยืนยันว่า ต่อไปนี้การดำเนินการและการเคลื่อนไหวของทางกลุ่มจะไม่ก้าวร้าวและจะทำตัวให้สุภาพ
นางอรวรรณกล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้บริหารของกลุ่มผู้จัดการ ท้าให้ไปออกรายการทีวีด้วยว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในองค์กรของอสมท ตัวเองคงไม่ไปออกรายการด้วย และขอให้ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่า แต่ขอเสนอว่าให้นายสนธิไปตอบเรื่องที่นายสนธิเข้าพบกับนายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ จะดีกว่า