xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธการช่างตีเหล็ก"สุรยุทธ์" เหล็กแข็งแต่แพ้ถ่านไม้ไผ่ที่ไฟแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การกล่าวคำขอโทษของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีต่อผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยความน่าสงสัย และได้เป็นคำถามว่า การขอโทษที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์รุนแรงนั้น จะเป็นผลในการดับไฟใต้ได้หรือไม่? เพราะมีหลายสิ่งที่เป็นสัญญาณย้อนกลับว่า ความรุนแรงนั้นยังคงมีอยู่และดูในบางมุม จะเห็นว่า มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในอีกลักษณะหนึ่งเสียด้วยซ้ำ

มองสถานการณ์ในวันนี้ และอนาคตในทางลึก พอจะแยกประเด็น และวิเคราะห์ความเป็นไปได้ 7 หัวข้อด้วยกันคือ

1. ขบวนการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเงื่อนไขและปัจจัยของการเข้าสู่เป้าหมายด้วยทิศทางที่ต้องอาศัยประชาชน โดยที่การปฏิบัติการในช่วงนี้ เป็นการดึงประชาชนเข้ามาเป็นแนวร่วมในหลายลักษณะ ภายใต้ยุทธศาสตร์รวมที่ว่า เมื่อจะแสดงความเป็นผู้มีอำนาจครอบงำประชาชนได้ ก็ต้องแสดงความเป็นผู้มีอำนาจเหนือพื้นที่ แม้ว่าจะไม่เป็นการยึดครองพื้นที่ เพราะต้องใช้กำลังมาก สงครามจรยุทธ์ต้องเข้าครอบงำเหนือจิตใจประชาชนก่อน โดยมีการแยกพื้นที่ออกเป็นหลายลักษณะและหลายวิธีการ ซึ่งหมายรวมไปถึงการสร้างความหวาดหวั่นน่ากลัว ให้มีการยอมรับในอำนาจด้วยการก่อเหตุร้ายเป็นรายวัน และไม่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนในภาพรวมให้มากนัก แม้ว่าจะผิดหลักของจรยุทธ์ที่ต้องอาศัยประชาชน แต่ผลในที่สุดแล้ว ประชาชนจะชอบหรือไม่ชอบ จะรักหรือชัง ก็ต้องเข้ามาอยู่ภายใต้การควบคุม

หลักเช่นนี้ เหมือนกับที่พรรคคอมมิวนิสต์มลายา ได้ปฏิบัติมาก่อนในมาเลเซียด้วยการฆ่าและทำลายไม่เลือก สร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน เดือดร้อน บั่นทอนความน่าเชื่อถือของอำนาจรัฐที่ปกป้องคุ้มครองภัยไม่ได้ เมื่อประชาชนขาดที่พึ่ง ก็จะทำตัวเองให้เป็นที่พึ่ง เป็นการสร้างอำนาจซ้อนอำนาจ ซึ่งขบวนการได้ทำกันมาในระยะเวลาหลายๆ ปีที่ผ่านมา มีผู้สังเวยชีวิตไปแล้วประมาณ 1,600 คน

2. โดยพื้นฐานของยุทธศาสตร์/ยุทธการ/การปฏิบัติการดังกล่าว เป็นการเริ่มต้นทางสงครามจิตวิทยาไปพร้อมๆ กับการเพาะแก่น สร้างแกน แสวงหาแนวร่วมทั้งมุมตรงและมุมกลับ

การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวคำขอโทษ พร้อมกับการรุกเข้าสู่กล่องดวงใจสำคัญ เช่น การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดี "ตากใบ" พร้อมกับมีการชดเชยความเสียหาย การลบล้างบัญชีดำ ซึ่งทำกันไว้สมัยรัฐบาลทักษิณ รวมทั้งการยกเลิก "ค่าหัว" สินบนนำจับบรรดาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลอันมีพฤติการณ์เป็นระดับหัวหน้า หรือแกนนำนั้น คือการใช้ระเบิดพลังมหาศาล เข้าสู่ที่หมายของขบวนการแบ่งแยกดินแดน เป็นการทำลายสิ่งที่ขบวนการทั้งหลายได้สะสม หรือทำไว้เสียทุกสิ่ง และพลังอำนาจทางประชาชนนั้น จะเป็นผู้เข้าทำลายพลังอำนาจของขบวนการแบ่งแยกดินแดนเอง ทั้งการกล่าวขอโทษ การนิรโทษกรรมในลักษณะแรงและลึก โดยไม่ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่เป็นการนิรโทษกรรมโดยนโยบายการบริหาร ถือว่าอย่างน้อยก็เป็นการดับไฟทางจิตใจและความรู้สึกของผู้คนได้แล้ว

ผู้ที่ได้รับนิรโทษกรรมในลักษณะนี้ จะพ้นจากการผูกมัดทางกฎหมาย โดยการผูกมัดเช่นนั้นเป็นการมัดหรือล่ามรอไว้ให้ขบวนการแบ่งแยกดินแดน คือเป็นการเพิ่มกำลังให้กับฝ่ายตรงข้าม เพราะจะหันเข้ามาสู่ทางบ้านเมืองหรือความถูกต้องไม่ได้ ก็จะต้องหันเข้ามาสิ่งที่รู้ว่า เป็นความไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความจำใจในตอนแรกแล้วกลายเป็นความสมัครใจในภายหลัง เท่ากับว่าเป็นการทดกำลังคนไปเสริมให้ขบวนการ ดังนั้น การดึงออกมาเสีย เมื่อยังมีโอกาสและเวลาที่ทำได้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำ เพราะการเดินหน้าต่อไปนั้น

เป็นการเดินเข้าสู่หลุมลึกที่ขบวนการทำไว้ และนี่แหละคือ จรยุทธ์ของการรบพิเศษที่จะต้องมีวิธีการและมาตรการที่พิเศษออกไป ไม่ว่าจะเป็นในกรอบของยุทธศาสตร์ทางทหาร หรือกรอบของการทำสงครามในแบบ เพราะนี่เป็นสงครามนอกแบบ ที่จะทำให้เกิดความสับสน และอ่อนล้าในขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่จะไม่ได้คนมาเพิ่มเติม และจะต้องเสียคนจากที่มีอยู่แล้ว การศึกใดๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งในรูปของสงครามในแบบหรือนอกแบบ หากว่าขาดเสียซึ่งกำลังเพิ่มเติม นั่นคือ การเดินเข้าไปสู่จุดจบและความปราชัยในที่สุด

3. ทั้งหมดนี้, คือการนิรโทษกรรม ซึ่งแม้ว่าจะขัดต่อนิติศาสตร์ แต่ก็เป็นความสมบูรณ์ยิ่งทางรัฐศาสตร์ โดยรัฐบาลที่กุมอำนาจอยู่นี้สามารถทำได้ ด้วยการตัดสินใจซึ่งไม่มีอำนาจใดมาโต้แย้งได้

การนิรโทษกรรมเชิงนโยบายเช่นนี้ มีโอกาสทำได้แต่เพียงช่วงเวลานี้เท่านั้น แต่ก็ไม่ควรจะทำด้วยความเร่งรีบ และที่สำคัญคือ การขาดความเข้าใจกับประชาชนในภาคอื่นๆ ที่อาจจะมองว่า วิธีการเช่นนี้เป็นการอ่อนข้อ หรือเป็นการแสวงหาสันติสุขกับชีวิตและเลือดเนื้อของทหาร ตำรวจ ครู และประชาชนที่เสียไปแล้ว

ความเข้าใจที่จะกลายเป็นความแตกแยก มองดูเป็น 2 มาตรฐาน นั้นย่อมถือเป็นอันตราย

แต่การที่จะให้คำอธิบายอย่างแจ่มแจ้งเสียทั้งหมด ก็จะกลายเป็นการเปิดเผยความลับ และหมากกลทางยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ของสงครามนอกแบบ/จรยุทธ์, แต่ก็ยังเป็นความโชคดีที่ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อถือศรัทธาต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี จนวางใจว่า สิ่งที่พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นผู้คิดและกระทำลงไปนั้น ย่อมจะได้ประโยชน์และเป็นหนทางสัมฤทธิผล เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 อันนำไปสู่การยุติบทบาทการปฏิบัติการของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ให้เข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย

แต่เวลานี้, ในปัจจุบันสถานการณ์ยังมีความรุนแรง แม้ว่าจะลดช่วงความถี่ลงไปได้บ้าง ก็เป็นสิ่งที่ยังมีการตั้งข้อสงสัยว่า เป็นหนทางของการดับไฟใต้อย่างแท้จริงหรือ?

4. ด้วยประเด็นในข้อ 1, 2 และ 3 นั้น ได้ทำให้เห็นว่า ทางรัฐบาลได้วางหมากตัวสุดท้ายลงไปแล้ว หากว่าวิธีการดังกล่าวไม่ได้ผล ก็จะไม่มีตัวเล่นอีก โดยสิ่งเหล่านี้ ย่อมเป็นความกังวลของประชาชน แต่เชื่อว่าความกังวลนั้น จะมีอยู่กับทางรัฐบาลน้อยกว่า เพราะกว่าจะวางหมากตัวสุดท้ายลงในทางเดินทางสุดท้าย ก็เชื่อว่าจะต้องมีการพิจารณายุทธศาสตร์กันอย่างถ่องแท้ รอบคอบ รัดกุม จะต้องมี "การข่าว" หรือสัญญาณบ่งชี้ว่า จะต้องทำการ "หักยุทธการ" ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนในลักษณะนี้เท่านั้น เป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า และเป็นการจัดให้ยุทธศาสตร์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนมาถึงจุดอับ และต้องวางหมากป้องกันแบบมีตัวสุดท้าย และตาเดินช่องสุดท้ายเช่นเดียวกัน

คือกำหนดตัวและตาเดินสุดท้ายแบบเผชิญหน้าและ "แลกกัน" แต่ก็ต้องคิดกันในจุดหนึ่งว่า การกำหนดตาเดินและหมากให้มาแลกกันนั้น ทางฝ่ายรัฐบาลเป็นผู้เริ่มก่อน ซึ่งคงจะไม่กล้าเข้าแลก ถ้าหากว่าอยู่ในฐานะที่เป็นรอง

เป็นการสร้างยุทธศาสตร์มุมกลับที่ปรับเปลี่ยน โดยทางรัฐบาลเป็นผู้กำหนดตาเดินนั้น

5. ยุทธศาสตร์รื้อฟื้น ศอ.บต. และ พตท. 43 ขึ้นมาใหม่ เป็นการสำแดงถึงความเป็นไปอย่างแท้จริงของสถานการณ์ที่ได้ประเมินแล้วว่า ยังสามารถแก้ไขได้ทั้งในปัจจุบัน ระยะสั้น ระยะยาวและสันติภาพอย่างยั่งยืนในพื้นที่ โดย ศอ.บต. และพตท. 43 จะเข้ามาสอดรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยการทำงานแบบคู่ขนาน และถ่ายโอนภารกิจในระยะต่อไป เมื่ออยู่ในระดับที่ ศอ.บต. และพตท. 43 จะรับมือได้ในอดีต คือสถานการณ์ยังมีการดำรงอยู่ คือความคิดในการแบ่งแยกดินแดนก็ย่อมจะมีอยู่ต่อไป แต่จะอยู่ในลักษณะของการควบคุม สร้างกรอบจำกัดได้ ถ้าหากว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยภายนอกประเทศ

การแยกกลุ่มแยกคนออกเป็น 2 ระดับ คือฝ่ายที่เป็นกองกำลังถืออาวุธ ก็เป็นหน้าที่การติดตามกวาดล้างปราบปรามโดย พตท. 43 และระดับที่เป็นแนวร่วม ก็จะจำกัดการขยายตัว หรือตรึงการเคลื่อนไหวไว้โดยกลไกการบริหารของ ศอ.บต. คือสถานการณ์ย้อนกลับไปสู่ระดับเดิม คือเหมือนกับในช่วงก่อน พ.ศ. 2543-2544 ก็นับว่า ประสบความสำเร็จที่น่าพอใจแล้ว แต่ถ้าหากว่าสามารถทำได้เกินไปกว่านั้น ก็ถือว่าเป็นโชคดี และเป็นการกำไรจากการทุ่มเทลงไปอย่างเกลี้ยงกระเป๋าในครั้งนี้

6. ก่อนจะเริ่มการจรยุทธ์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน ก็ย่อมจะมีการศึกษาอบรม มีแผนการปฏิบัติทั้งแผนหลัก และแผนรอง มีการจัดกรอบความเร่งด่วน และไม่เร่งด่วน การสร้างปัญหาทางยุทธศาสตร์ และการแก้ปัญหาทางยุทธการ โดยที่ทั้งข้อ 1-ข้อ 5 ที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ย่อมเป็นที่รู้กันอยู่ว่า ทางรัฐบาลกำลังเปิดยุทธศาสตร์ด้านใด? การที่มีคำ "ขอโทษ" ออกมาเป็นลำดับแรกนั้น ได้ถูกนำไปใช้ทางจิตวิทยาของพลพรรคทั้งหลาย รวมทั้งด้านแนวร่วมคือประชาชนทั้งหลายว่า การปฏิบัติที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นความสำเร็จ จนทำให้นายกรัฐมนตรีต้องออกมาขอโทษ มีการตีความการขอโทษว่าเป็นการอ่อนข้อหรือจำนนในระดับหนึ่ง สิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยใช้คำว่าขอโทษเป็นเงื่อนไขและขยายผลนั้น ทางทหารก็รู้ดีว่าจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้น จึงมีการสำทับลงไปให้ยิ่งกว่าคำขอโทษ คือการนิรโทษกรรมทางการบริหารหรือการขยายนโยบายด้วยการเผาบัญชีดำและเลิกค่าหัวนำจับเป็น "คำขาด" เป็นการประกาศไปในตัวว่า ทางรัฐบาลได้เสนอสิ่งเหล่านี้ให้แล้ว โดยขอโทษกับประชาชน และยกโทษให้กับผู้หลงผิด โดยแยก ผู้หลงผิด ออกมาให้เหลือแต่ส่วนผู้ที่ "ทำผิด" เท่านั้น และจะได้ดำเนินการในมาตรการที่เฉียบขาดกับผู้ทำผิดต่อไป

7. ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ได้เสริมกำลังใจและกดดัน ผู้ที่ผละออกมาด้วยการทำเหมือนกับว่าเป็นผู้อยู่ในฐานะเป็นต่อ ด้วยการปรับเปลี่ยนการสร้างความเดือดร้อนในลักษณะการสร้างความหวาดกลัวและรังแกประชาชน ด้วยการมุ่งเข้าสู่การใช้กำลังและอาวุธเข้าปฏิบัติการทางทหารต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งมองดูเหมือนกับว่าเป็นการฮึกเหิม ขยับขีดความรุนแรงขึ้น โดยการเพิ่มหรือการปรับเปลี่ยนในลักษณะเช่นนี้ คือการหลงเดินเข้าสู่เส้นทางที่กำหนด เข้าสู่พื้นที่สังหาร การปฏิบัติการเช่นนี้ จะต้องมีการสร้างฐานกำลังและพื้นที่มั่นอย่างเป็นกลุ่มก้อน จะมีการเปิดเผยตัวและกลุ่มมากขึ้น ผู้ที่อยู่ใต้ดินจะโผล่ขึ้นมาบนดิน และการปฏิบัติการแบบใช้ความอ่อนสยบความแข็งนี้

มีนายทหารผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้คำอธิบายว่า-เหมือนกับช่างตีเหล็ก ที่เผาเหล็กด้วยถ่านที่เผาจากไม้ไผ่ เป็นถ่านที่ให้ความร้อนที่สุด ทั้งๆ ที่ไม้ไผ่เป็นไม้ที่อ่อนที่สุด
กำลังโหลดความคิดเห็น