xs
xsm
sm
md
lg

ศิษย์สมเด็จตอนที่ 37 ความถูกต้องกับความถูกใจ (1)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

ตัวผมเองแม้เป็นคนที่ไม่ค่อยถือสาหาความเอากับใคร ไม่ค่อยผูกเจ็บผูกร้อนอาฆาตพยาบาทผู้ใด แต่ในเรื่องที่ถูกเขาดูถูกหยามหยันนั้นกลับเป็นเรื่องที่ไม่หมดสิ้นไปจากหัวใจ ยังคงเป็นตะกอนนอนนิ่งและคุกรุ่นอยู่เป็นบางเวลา

ผมยังเก็บความชอกช้ำใจที่ถูกเขาดูถูกว่าเป็นเด็กบ้านนอก เป็นคนโง่เขลาเบาปัญญา จนไม่กล้าที่จะฝากเข้าเรียนในโรงเรียนสวนกุหลาบตั้งแต่ตอนเข้ามากรุงเทพฯ ใหม่ๆ ได้ไม่ลืมเลือน

วันหนึ่งจึงได้ปรารภกับมนูญผล ศิริศักดิ์ และไสยวิทย์ซึ่งเป็นเพื่อนที่สนิทสนมที่สุดว่าการศึกษาเล่าเรียนในชั้น ม.ศ. 4 และ ม.ศ. 5 ซึ่งเป็นหลักสูตรใหม่นั้นมีโรงเรียนไหนบ้างที่พอจะทัดเทียมกับโรงเรียนสวนกุหลาบได้

เพื่อนสนิททั้งสามคนได้สอบถามต้นสายปลายเหตุว่าที่ถามเช่นนี้มีวัตถุประสงค์สิ่งใด ผมก็ได้แจ้งให้ทราบถึงความอดสูใจในครั้งนั้นให้ฟัง พอเพื่อนทั้งสามได้ทราบความก็พากันเป็นเดือดเป็นแค้นแทนผมไปด้วย

ศิริศักดิ์เป็นคนเสนอว่าถ้าจะไม่ให้น้อยหน้ากันก็ต้องไปเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากและมีเกียรติภูมิไม่ได้ด้อยไปกว่าโรงเรียนสวนกุหลาบ

เพื่อนคนอื่นก็พากันเห็นด้วย นับแต่วันนั้นมาผมก็ปักใจว่าเมื่อสอบไล่ชั้น ม.ศ. 3 เสร็จแล้วก็จะไปสมัครเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ซึ่งเพื่อนทั้งสามคนได้แนะนำว่าถ้าคิดจะสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ตามที่ตั้งใจไว้นั้น อย่าได้คิดว่าเป็นของง่ายเพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนมีชื่อเสียง ใครๆ ก็อยากเข้าเรียนที่นี่กันทั้งนั้น ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต่างก็ต้องการให้ลูกหลานได้เรียนที่โรงเรียนนี้ ดังนั้นจึงต้องแข่งขันกับนักเรียนที่เรียนเก่งและต้องแข่งขันกับลูกหลานผู้มีอำนาจวาสนาเป็นจำนวนมาก จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม มิฉะนั้นก็จะผิดหวังได้โดยง่าย

ผมทราบดังนั้นแล้วก็ได้แต่ขอบคุณเพื่อนๆ แต่ในใจนั้นมีความมุ่งมั่นเหลือประมาณนักว่าตัวเรานี้จักต้องทุ่มเทความเพียรสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ให้จงได้

ผมได้บอกเพื่อนทั้งสามคนว่าบางทีความรู้สึกที่หดหู่อดสูใจอันเกิดจากการถูกดูหมิ่นเหยียดหยามนั้นก็อาจกลายเป็นพลังที่สร้างสรรค์ได้ หากไม่จำนนท้อถอยปล่อยตัวไปตามยถากรรม ผมได้ยืนยันกับเพื่อนทั้งสามคนตั้งแต่ขณะนั้นว่าไม่ว่าจะเป็นประการใดก็จะมานะบากบั่นเพื่อสอบเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ให้จงได้ หาไม่แล้วความขุ่นแค้นในใจก็ไม่อาจลืมเลือนไปได้เลย

ผมรู้จักแปรความคับแค้นเป็นพลังสร้างสรรค์โดยที่ไม่รู้สึกตัวมาตั้งแต่ครั้งนั้น เพื่อนสนิททั้งสามคนเห็นผมมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวก็พากันเอาใจช่วย ต่างคนต่างพยายามซื้อหาหนังสือที่เห็นว่าจำเป็นต่อการเตรียมตัวมาให้ผมอยู่เสมอ และได้เตือนว่าลำพังแค่การเรียนในโรงเรียนเห็นจะสู้เขาไม่ได้ เพราะใครๆ ที่คิดจะสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ล้วนต้องกวดวิชาและทุ่มเทกันสุดตัวทั้งนั้น จึงแนะนำให้ผมเรียนกวดวิชาในเวลาตอนเย็น ซึ่งผมก็เห็นด้วย

มนูญผลเป็นคนที่เอาใจใส่ผมมากเป็นพิเศษ ไปหาโรงเรียนกวดวิชาที่เหมาะสมกับผมอยู่หลายแห่ง ในที่สุดมนูญผลก็มาบอกว่าการเรียนกวดวิชาควรถือเอาการกวดวิชาให้ปรีชาสามารถเป็นหลัก อย่าไปสนใจชื่อเสียงของโรงเรียนกวดวิชาจะดีกว่า เพราะโรงเรียนกวดวิชาที่มีชื่อเสียงนั้นจะมีผู้คนเข้าเรียนมาก โอกาสที่จะบ่มเพาะหรือกวดวิชาจริงๆ คงจะได้ผลน้อย

สู้โรงเรียนที่มีครูบาอาจารย์ดีๆ และมีโอกาสกวดวิชาอย่างใกล้ชิด โดยค่ากวดวิชาไม่แพงจะดีกว่า เพราะจะได้ทั้งกวดทั้งขันความรู้ให้มั่นคงแน่นหนา สามารถที่จะต่อสู้กับเขาได้

มนูญผลบอกว่าได้ไปพบโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งย่านสี่แยกบ้านแขก ฝั่งธนบุรี เปิดสอนในเวลาเย็น โดยเช่าโรงเรียนที่สอนปกติในเวลากลางวัน ครูผู้สอนกวดวิชามาจากโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาโดยตรง แต่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าใดนัก สำหรับค่ากวดวิชาก็ไม่แพง และนักเรียนที่มาเรียนกวดวิชาก็น้อยคน มีโอกาสใกล้ชิดกับครูอาจารย์ผู้กวดวิชา เห็นจะได้การเป็นแน่

ผมสอบถามค่าเรียนกวดวิชาแล้วก็บอกมนูญผลว่าเมื่อเพื่อนได้พยายามหาโรงเรียนให้อย่างนี้แล้ว ผมก็เชื่อมั่นว่าจะเรียนกวดวิชาได้ผลแน่ จึงตกลงที่จะเรียนกวดวิชาตามที่มนูญผลแนะนำ แล้วรีบมีจดหมายไปบอกแม่ว่าจำเป็นต้องเรียนกวดวิชาแล้ว เพื่อจะได้สอบแข่งขันเข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา พญาไท ในปีการศึกษาหน้า

มนูญผลถามว่าผมมีเงินค่าเรียนกวดวิชาหรือไม่ ผมก็บอกว่าเงินนั้นไม่มี แต่เรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา เพราะแม่ผมเป็นผู้ใฝ่การศึกษา การขอเงินเพื่อใช้จ่ายอย่างอื่นแม่อาจพิจารณามากหน่อย แต่ถ้าหากขอเงินมาเพื่อกวดวิชาแล้วเห็นจะได้โดยง่าย มนูญผลได้ออกปากว่าเมื่อมั่นใจอย่างนี้ก็จะยืมเงินแม่มาเป็นค่ากวดวิชาให้ก่อน เมื่อได้รับเงินจากทางบ้านแล้วค่อยคืนเงินให้ก็ได้

เมื่อตกลงกันดังนั้น วันต่อมามนูญผลจึงพาผมไปสมัครเรียนกวดวิชา ปรากฏว่าเป็นโรงเรียนที่อยู่ในเส้นทางรถเมล์ที่ผมใช้เป็นเส้นทางจากวัดไปโรงเรียน และกลับอยู่แล้ว ทั้งอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์สี่แยกบ้านแขกเท่าใดนัก เดินไปไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงโรงเรียนกวดวิชาแล้ว

นับว่ามนูญผลเป็นคนช่างคิดและเป็นคนรอบคอบ เพราะการเลือกโรงเรียนที่เหมาะสมเช่นนั้นแล้วยังไม่เสียเวลาในการเดินทางออกไปนอกเส้นทาง ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเดินทางเพิ่มขึ้น และไม่เสียเวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นแต่ประการใด

หลังจากไปเรียนกวดวิชาได้ไม่กี่วัน แม่ก็ส่งเงินค่าเล่าเรียนมาให้ตามที่ต้องการ ผมเบิกเงินจากธนาณัติแล้วรีบนำไปคืนมนูญผล พร้อมกับฝากกราบขอบพระคุณแม่ที่ได้ให้ความเมตตาให้ยืมเงินมาใช้ล่วงหน้า ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอคอยเงินจากทางบ้าน

เมื่อเข้าไปเรียนกวดวิชาแล้ว ก็เป็นจริงดังที่มนูญผลได้ให้ข้อมูลไว้แต่ต้น คือครูที่มาสอนกวดวิชามาจากหลายแหล่ง ทั้งโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาเอง และจากโรงเรียนเตรียมทหาร ตลอดจนครูที่สอนในโรงเรียนสำคัญๆ อีกหลายแห่ง และนักเรียนที่มาเรียนกวดวิชาก็ไม่มากเท่าใดนัก จึงทำให้มีความใกล้ชิดในการเรียนการสอนมากเป็นพิเศษ

การเรียนกวดวิชาทำให้ผมได้รู้ว่าครูกรุงเทพฯ นี้ช่างเก่งจริง สอนอะไรก็เข้าใจได้โดยง่าย ดังนั้นวิทยาการที่เล่าเรียนจากโรงเรียนกวดวิชาจึงทำให้ผมมีความก้าวหน้าในการเรียน และมีความพร้อมที่จะเข้าสู่การแข่งขันในวันข้างหน้าโดยลำดับ.

โปรดติดตามตอนที่ 37 “ความถูกต้องกับความถูกใจ ตอน 2 (จบ)” ในวันศุกร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น