พรไพลิน ทุ่ม 600 ล้านบาท ปูพรมธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เจาะงานออแกไนซ์-รับจ้างผลิตรายการหวังต่อยอดแบรนด์ ชี้เสียวพื้นที่ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สยามสแควร์ หลุดมือ เผยจุฬาฯ บีบต่อสัญญาแบบปีต่อปี เปิดปากสิ้นปีเตรียมเจรจาถอนหุ้น เซ็นเตอร์พ้อยท์ ปิ่นเกล้า หลังพบกำลังซื้อลูกค้าเงียบดันต่อไปไม่เป็นผล
นายชยะบูรณ์ ชวนไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นเตอร์พ้อยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารพื้นที่เดอะ เซ็นเตอร์พ้อยท์ ออฟ สยามสแควร์ เปิดเผยว่า ทิศทางดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไปจะมุ่งเน้นการบริหารงานด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์กับองค์กรภายนอกมากขึ้น เพื่อรองรับกับอุปสรรคทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากสัญญาเช่าพื้นที่กับสำนักงานจัดการทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังจะหมดสัญญาเช่าในช่วงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 ที่กำลังจะถึงนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ปรับแผนใหม่เพื่อรองรับไว้แล้ว โดยการจัดสรรงบประมาณไว้กว่า 600 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างสำนักงานใหม่ พร้อมกับการลงทุนด้านสร้างสตูดิโอและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจและขยายธุรกิจในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับแผนปีหน้าคาดว่าจะสามารถขยายการบริการส่วนงานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้ครบวงจรมากขึ้น โดยจะมุ่งการจัดทำกิจกรรม ธุรกิจด้านออแกไนซ์เซอร์ งานด้านประชาสัมพันธ์ ธุรกิจโมเดลลิ่ง และการรับจ้างผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์
ปัจจุบันสัดส่วนจากการรับงานภายนอกของบริษัทฯมี 40% การจัดกิจกรรมภายในอีก 60% ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายว่าการเติบโตจะเพิ่มสัดส่วนการรับงานภายนอกให้เป็น 70% ภายในในปี 2551 นอกจากนี้วางเป้าหมายในอนาคตธุรกิจใหม่นี้จะมีรายได้ติด 2-3 ของรายได้รวมกลุ่มพรไพลิน จากเดิมในปีที่ผ่านมารายได้รวมของกลุ่มมีประมาณ 1,000 ล้านบาท สัดส่วนของงานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คิดแล้วมีเพียง 1% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มพรไพลินมีอยู่ 20 โครงการ โดยแผนการก่อสร้างจะเพิ่มอีก 2 โครงการ ซึ่งเป็นในรูปแบบของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปีนี้ ซึ่งการขยายตัวจะเน้นที่ดินที่มีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระดับราคาอยู่ประมาณ 3-5 ล้านบาท
“ธุรกิจอสังหาฯในช่วงที่ภาวะธุรกิจไม่ดี ธุรกิจของบริษัทก็พลอยได้รับผลกระทบตามไปด้วย แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์กลับกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กลุ่มลูกค้ายังนิยมได้อยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ดังนั้นบริษัทจึงได้เล็งเห็นว่าการปูพื้นฐานใหม่ด้านธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มากขึ้น จะเป็นรากฐานที่มีความมั่นคงและเชื่อว่าจะสามารถเป็นการต่อยอดของแบรนด์ เซ็นเตอร์พ้อยท์ ได้ เพราะปัจจุบันโอกาสการสูญเสียพื้นที่เซ็นเตอร์พ้อยท์เดิม มีเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการต่อสัญญาแบบปีต่อปี จึงทำให้บริษัทมองว่าต้องวางรากฐานสร้างธุรกิจใหม่เพื่อเป็นการรองรับในจุดนี้”
ด้านความคืบหน้าโครงการเซ็นเตอร์พ้อยท์ ปิ่นเกล้า ที่ร่วมทุนกับบริษัท มีเดีย เชกเกอร์ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50% ภายในสิ้นปีนี้จะมีการหารือเพื่อสรุปว่าจะต่อสัญญาเช่ากับทางเมเจอร์หรือไม่ เนื่องจากหลังเปิดดำเนินการมาประมาณ 2 ปี ไม่ค่อยได้รับการตอบรับเท่าที่ควรทั้งจากผู้บริโภคและร้านค้าเช่า และยังอยู่ในภาวะขาดทุน ซึ่งเป็นไปได้ที่บริษัทอาจจะถอนหุ้นคืน โดยระยะหลังมานี้ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดแต่อย่างใด
ล่าสุด บริษัทฯได้เตรียมจัดงานฉลองครบรอบสู่ปีที่ 9 สาขาสยามสแควร์ โดยจะจัดกิจกรรมในวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้ โดยการจัดรวมเอาศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศให้กับกลุ่มลูกค้าร่วมประมูลของที่ระลึกจากดารา ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจากการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจเหล่านี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นายชยะบูรณ์ ชวนไชยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นเตอร์พ้อยท์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารพื้นที่เดอะ เซ็นเตอร์พ้อยท์ ออฟ สยามสแควร์ เปิดเผยว่า ทิศทางดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไปจะมุ่งเน้นการบริหารงานด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์กับองค์กรภายนอกมากขึ้น เพื่อรองรับกับอุปสรรคทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นจากสัญญาเช่าพื้นที่กับสำนักงานจัดการทรัพย์สินของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่กำลังจะหมดสัญญาเช่าในช่วงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 ที่กำลังจะถึงนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯได้ปรับแผนใหม่เพื่อรองรับไว้แล้ว โดยการจัดสรรงบประมาณไว้กว่า 600 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างสำนักงานใหม่ พร้อมกับการลงทุนด้านสร้างสตูดิโอและอุปกรณ์ต่างๆเพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจและขยายธุรกิจในวงกว้างได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับแผนปีหน้าคาดว่าจะสามารถขยายการบริการส่วนงานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ได้ครบวงจรมากขึ้น โดยจะมุ่งการจัดทำกิจกรรม ธุรกิจด้านออแกไนซ์เซอร์ งานด้านประชาสัมพันธ์ ธุรกิจโมเดลลิ่ง และการรับจ้างผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์
ปัจจุบันสัดส่วนจากการรับงานภายนอกของบริษัทฯมี 40% การจัดกิจกรรมภายในอีก 60% ทั้งนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายว่าการเติบโตจะเพิ่มสัดส่วนการรับงานภายนอกให้เป็น 70% ภายในในปี 2551 นอกจากนี้วางเป้าหมายในอนาคตธุรกิจใหม่นี้จะมีรายได้ติด 2-3 ของรายได้รวมกลุ่มพรไพลิน จากเดิมในปีที่ผ่านมารายได้รวมของกลุ่มมีประมาณ 1,000 ล้านบาท สัดส่วนของงานเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คิดแล้วมีเพียง 1% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มพรไพลินมีอยู่ 20 โครงการ โดยแผนการก่อสร้างจะเพิ่มอีก 2 โครงการ ซึ่งเป็นในรูปแบบของบ้านเดี่ยวและบ้านแฝดคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายปีนี้ ซึ่งการขยายตัวจะเน้นที่ดินที่มีอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระดับราคาอยู่ประมาณ 3-5 ล้านบาท
“ธุรกิจอสังหาฯในช่วงที่ภาวะธุรกิจไม่ดี ธุรกิจของบริษัทก็พลอยได้รับผลกระทบตามไปด้วย แต่ในทางกลับกัน ธุรกิจด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์กลับกลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กลุ่มลูกค้ายังนิยมได้อยู่อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ดังนั้นบริษัทจึงได้เล็งเห็นว่าการปูพื้นฐานใหม่ด้านธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเม้นท์มากขึ้น จะเป็นรากฐานที่มีความมั่นคงและเชื่อว่าจะสามารถเป็นการต่อยอดของแบรนด์ เซ็นเตอร์พ้อยท์ ได้ เพราะปัจจุบันโอกาสการสูญเสียพื้นที่เซ็นเตอร์พ้อยท์เดิม มีเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการต่อสัญญาแบบปีต่อปี จึงทำให้บริษัทมองว่าต้องวางรากฐานสร้างธุรกิจใหม่เพื่อเป็นการรองรับในจุดนี้”
ด้านความคืบหน้าโครงการเซ็นเตอร์พ้อยท์ ปิ่นเกล้า ที่ร่วมทุนกับบริษัท มีเดีย เชกเกอร์ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 50% ภายในสิ้นปีนี้จะมีการหารือเพื่อสรุปว่าจะต่อสัญญาเช่ากับทางเมเจอร์หรือไม่ เนื่องจากหลังเปิดดำเนินการมาประมาณ 2 ปี ไม่ค่อยได้รับการตอบรับเท่าที่ควรทั้งจากผู้บริโภคและร้านค้าเช่า และยังอยู่ในภาวะขาดทุน ซึ่งเป็นไปได้ที่บริษัทอาจจะถอนหุ้นคืน โดยระยะหลังมานี้ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมทางการตลาดแต่อย่างใด
ล่าสุด บริษัทฯได้เตรียมจัดงานฉลองครบรอบสู่ปีที่ 9 สาขาสยามสแควร์ โดยจะจัดกิจกรรมในวันที่ 24-25 พฤศจิกายนนี้ โดยการจัดรวมเอาศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศให้กับกลุ่มลูกค้าร่วมประมูลของที่ระลึกจากดารา ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าจากการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจเหล่านี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี