อุดรธานี-"เซฟมาร์ท"ค้าปลีกค้าส่งเก่าแก่เมืองอุดร ลงทุนอีก 100 ล้าน ตั้งศูนย์ค้าปลีก-ส่งแห่งใหม่รับการุกของโมเดิร์น เทรดต่างชาติ เชื่อคนไทยพร้อมอุดหนุนคนไทยด้วยกันเอง
นายสุรศักดิ์ สุระวรรณวิจิตร เจ้าของกิจการค้าปลีก ค้าส่งขนาดใหญ่"เซฟมาร์ท" ในจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ตลาดค้าปลีกในปัจจุบัน มีการแข่งขันกันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากการรุกตลาดขยายสาขา ของห้างสรรพสินค้าต่างชาติในรูปแบบโมเดิร์น เทรดมีเพิ่มมากขึ้น โดยสัดส่วนค้าปลีกในจังหวัดอุดรธานีเป็นกลุ่มกิจการที่มีคนไทยเป็นเจ้าของราว 60 % ห้างฯต่างชาติประมาณ 40 % ถือเป็นตัวชี้วัดศักยภาพ การแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกท้องถิ่น ในอุดรธานีได้ว่า กิจการคนไทยยังสามารถแข่งขันได้
กิจการค้าปลีกเมืองอุดร ไม่เฉพาะแต่ลูกค้าท้องถิ่นคนไทยเท่านั้น ยังรวมไปถึงลูกค้าจากฝั่งนครเวียงจันทน์ และจังหวัดต่างๆ โดยรอบที่เข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการ ขณะที่ร้านค้าปลีกในต่างอำเภอเอง ในช่วงหลังๆได้ปรับตัว ปรับรูปแบบให้ดูทันสมัยและมียอดขายเพิ่มมากขึ้น การเข้ามาของค้าปลีกรายใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะทุนท้องถิ่นเตรียมรับทุกรูปแบบเช่นกัน
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า การปรับตัวค้าปลีกไทย ภายหลังที่ต้องเผชิญกับการแข่งขันสูงขึ้น ควรมีการประยุกต์รูปแบบการให้บริการของทุนค้าปลีกรายใหญ่ มาปรับใช้กับกิจการของตัวเอง มากกว่าการเคลื่อนไหวต่อต้าน ซึ่งหากมองถึงการเข้ามาของห้างฯต่างชาติ ก็มีข้อดีเช่นกัน คือทำให้ค้าปลีกไทยต้องเรียนรู้การจัดองค์กรที่ดี การจัดรูปแบบที่ดี การบริการที่ดี มีการจัดรูปแบบการวางสินค้าที่หยิบง่าย และสะดวกมากขึ้น
"แต่หากค้าปลีกไทยไม่ยอมปรับเปลี่ยน ลูกค้าก็เกิดการเปรียบเทียบ ระหว่างร้านที่สามารถเข้าไปซื้อสินค้าได้สะดวกสบาย และมีบริการที่ดี กับร้านโชวห่วยรูปแบบเดิมๆ หากเรานำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับความเป็นธุรกิจไทย ที่มีจุดแข็งในเรื่องความใกล้ชิดกับท้องถิ่นที่ดีแล้ว เราสามารถแข่งขันได้อย่างแน่นอน"นายสุรศักดิ์กล่าวและว่า
ลึกๆแล้วเชื่อว่าคนไทยยังมีจิตสำนึก ที่ต้องการซื้อของคนไทยด้วยกัน มากกว่าซื้อของต่างชาติ ซึ่งตรงนี้ควรรักษาไว้ แต่อาจต้องมีการประชาสัมพันธ์รณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น ว่าการซื้อสินค้าของไทยนั้นจะช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนในท้องถิ่น ช่วยพัฒนาท้องถิ่นให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ซึ่งการที่ห้างฯต่างชาติดูดเม็ดเงินออกจากท้องถิ่น ในระยะยาวแล้วจะเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เพราะจะมีแต่เงินไหลออก
นายสุรศักดิ์ กล่าวถึงการปรับตัวของเซฟมาร์ทเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด ท่ามกลางการรุกเข้ามาขยายสาขาห้างต่างชาติว่า แนวทางหนึ่งคือการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เข้าหาร้านค้าย่อยในพื้นที่ต่างอำเภอ เพื่อขายส่งสินค้าในราคาที่ถูกกว่าหากสั่งซื้อในปริมาณมากๆ ร้านค้าเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องแบกรับภาระต้นทุนน้ำมัน เสียเวลาเข้ามาเลือกซื้อสินค้าจากห้างใหญ่ในเมือง
ทั้งนี้ เซฟมาร์ทได้ลงทุนไปกว่า 100 ล้านบาท สร้างศูนย์ค้าปลีก และค้าส่ง แบบครบวงจรบริเวณถนนรอบเมือง บนพื้นที่ 20 ไร่ สามารถรองรับรถยนต์ได้มากกว่า 300 คัน การลงทุนสร้างศูนย์ค้าส่งค้าปลีกดังกล่าวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้แข็งแกร่งมากขึ้น ซัปพลายเออร์เอง โดยเฉพาะบริษัทสหพัฒนพิบูล จำกัด(มหาชน)ก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุน หากทุนค้าปลีกของไทยทำการขยายกิจการและต้องการพัฒนาศักยภาพ
นายสุรศักดิ์กล่าวย้ำอีกว่า ส่วนตนไม่หนักใจที่จะแข่งขันกับห้างฯต่างชาติ เพราะหากเราปรับตัวตั้งรับก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก ส่วนแบ่งอาจจะน้อยลง ก็ให้เป็นไปตามกลไกตลาด เชื่อว่าประสบการณ์ที่ทำค้าปลีกในจังหวัดอุดรฯมาร่วม 20 ปี ตระหนักดีว่าท้องถิ่น ต้องการสินค้าและการบริการรูปแบบใด ยอดขายแต่ละปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเติบโตเป็นที่น่าพอใจ
"มาถึงวันนี้เราจะถอยไม่ได้ หากบอกว่าไม่สู้ ก็ปิดกิจการไป การปิดกิจการเป็นเรื่องง่าย แต่สิ่งที่เป็นห่วงคืออนาคตการอยู่รอดของร้านค้าปลีกรายย่อยท้องถิ่นในระดับอำเภอ ระดับตำบล หมู่บ้าน ซึ่งหากล้มหายไปมากๆ เศรษฐกิจฐานรากธุรกิจไทยก็มีผลกระทบอย่างมากแน่นอน ประเด็นปัญหานี้หลายฝ่ายต้องร่วมกันหาทางออกระยะยาว"นายสุรศักดิ์กล่าว