xs
xsm
sm
md
lg

สอบบริษัทลูกบริหารบลูแคนยอน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (29 ต.ค.) บริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด เจ้าของสนามกอล์ฟ บลูแคนย่อน คันทรี คลับ ได้จัดประชุมคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ตามที่ศาลจังหวัดภูเก็ตได้แต่งตั้งเมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2549 ที่ โรงแรมเมโทรโพล ภูเก็ต โดยการประชุมกรรมการครั้งนี้ มีกรรมการชุดใหม่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด 8 คน ประกอบด้วย นายไฮแรม แฮค-แลม ฮุง กรรมการเดิม นายยงยศ ปาละนิติเสนา , นายวิชิต จิรัฐิติเจริญ , นายอิทธิกร กฤษณะโยธิน , นายวิสุทธิ์ ศณีแสงแก้ว, นางวรรณี วรนิจ และนางสาวนันทพร อสัมภินพงศ์ ส่วนกรรมการที่ไม่ได้เข้าประชุมเป็นกรรมชุดเดิมทั้งสิ้น คือ นายเซียะ เลง เยิน , นางลี ลาย วา , นายเอนก ศรีสนิท และนายชัว เส็ง เกียต
อย่างไรก็ตาม การประชุมบริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด ในวันนี้ ตามกำหนดการเดิมจะประชุมเวลา 09.00 น. ณ. สนามกอล์ฟ บลูแคนยอน คันทรี คลับ แต่ได้มีการเปลี่ยนสถานที่และเวลาในการประชุมมาเป็นเวลา 11.00 น. ที่ โรงแรมเมโทรโพลภูเก็ต เนื่องจากคณะกรรมการชุดใหม่ ที่ศาลภูเก็ตแต่งตั้งเกรงจะเกิดความวุ่นวายที่สนามกอล์ฟทำให้เสียภาพลักษณ์ได้
ทั้งนี้ การประชุมกรรมการบริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด ที่ศาลภูเก็ตแต่งตั้งครั้งแรกใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งภายหลังการประชุมนายยงยศ ปาละนิติเสนา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด ได้ร่วมกับ นายสมภพ วงศ์ช่างหล่อ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และเลขานุการกรรมการ บริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน
นายยงยศ ปาละนิติเสนา ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันนี้ เป็นไปตามคำสั่งศาลจังหวัดภูเก็ตที่ได้แต่งตั้งกรรมการบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 7 คน จากเดิมที่มี 5 คน เป็น 12 คน เมื่อวันที่ 19 ต.ค. และบริษัทได้มีการจดทะเบียนกรรมการใหม่ทั้ง 12 คนในวันที่ 20 ต.ค. เพื่อพิจารณาทบทวนการดำเนินการ การมอบอำนาจและการแต่งตั้งต่างๆในกรรมการ
ที่ประชุมได้มีมติแต่งตั้งให้ตนเป็นประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด และมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารขึ้นมา 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วย นายยงยศ ปาละนิติเสนา, นายชัยชนะ รัตนไตรวิรัตน์, นายวิสุทธิ์ ศรีแสงแก้ว และนางสาวนันทพร อสัมภินพงศ์ ทำหน้าที่แทนกรรมการที่มีอำนาจลงนามทั้ง 6 คน ในการบริหารจัดการสนามกอล์ฟให้เกิดความคล่องตัวมากที่สุด รวมทั้งมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายจำนวน 2 ท่าน ในการเข้ามาดูแลงานด้านกฎหมายเพราะขณะนี้ยังมีคดีการฟ้องร้องกันอยู่ในศาล และมีการแต่งตั้งเลขานุการกรรมการ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้กรรมการบริหาร ไปตรวจสอบและทบทวนการดำเนินงานของบริษัท บลูแคนยอน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท มิวเร็กซ์ โดยมิวเร็กซ์ถือหุ้น 85% และทำหน้าที่ในการบริหารจัดการสนามกอล์ฟบลูแคนยอน รวมทั้งพิจารณาว่าจะยกเลิกหรือต่อสัญญาให้บริษัทพร็อพเพอร์ตี้บริหารจัดการสนามกอล์ฟบลูแคนย่อนต่อไปหรือไม่ โดยสัญญาว่าจ้างจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2549 และคาดว่าในเบื้องต้นที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบกรรมการบริหาร จะต้องเข้าไปบริหารจัดการสนามกอล์ฟไปก่อน หากพบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลในการดำเนินการของบริษัท บลูแคนยอน พร็อพเพอร์ตี้ ให้กรรมการบริหารดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที ซึ่งตามสัญญา
นายยงยศ กล่าวอีกว่า การเข้าไปบริหารงานของกรรมการที่ศาลแต่งตั้งนี้ จะเข้าไปบริหารจัดการเฉพาะในส่วนของบริษัท มิเร็กซ์ จำกัด เท่านั้น ซึ่งประกอบด้วย ที่ดินของสนามกอล์ฟบลูแคนยอน ประมาณ 2,000 ไร่ อาคารชุดโฮมคันทรี 1 ซึ่งมีทั้งหมด 98 ยูนิต ขายไปแล้ว 60% อาคารชุดโฮมคันทรี 2 มีทั้งหมด 56 ยูนิต ขายไปแล้ว 40% อาคารสถานที่บางส่วนของบริษัทบลูแคนยอน พร็อพเพอร์ตี้ ที่ให้บริษัท มิวเร็กซ์ เช่า ซึ่งจะครบสัญญาในปี 2553 เพราะบริษัทมิวเร็กซ์ ถือหุ้นในบริษัท บลูแคนยอน พร็อพเพอร์ตี้ ถึง 80% และการบริหารจัดการทั้งหมดเป็นไปตามคำสั่งศาลจังหวัดภูเก็ต และส่งบัญชีรายรับรายจ่ายให้ศาลพิจารณาทุกอย่าง
"การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการบริหารงานของสนามกอล์ฟ และสมาชิกบางส่วนได้โทรมาแสดงความดีใจที่มีการเปลี่ยนแปลง โดยทางสนามกอล์ฟมีสมาชิกเดิมอยู่ 600 ราย และสมาชิกใหม่ประมาณ 1,000 ราย ซึ่งสมาชิกใหม่นี้จากการตรวจสอบพบว่า มีจำนวนหนึ่งมีปัญหาถึงขั้นจะต้องยกเลิกการเป็นสมาชิก แต่อย่างไรก็ตาม ทางเราได้มีการประสานงานไปยังสมาชิกเพื่อทำความเข้าใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น" นายยงยศ กล่าว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่น่าที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุน ของนักลงทุนต่างชาติในประเทศไทย เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากคำสั่งศาล ที่มีข้อผิดพลาดการบริหารงาน ซึ่งคิดว่านักลงทุนคงจะเข้าใจ และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการร่วมลงทุนกับธนาคารดอยช์แบงก์ เพราะตามหลักฐานทางดอยช์แบงก์ไม่ได้ร่วมลงทุนกับบริษัมมิวเร็กซ์แต่อย่างใด
สำหรับการเปลี่ยนแปลงเวลาและสถานที่ในการประชุมกรรมการชุดนี้ ว่า การประชุมในวันนี้ได้มีการเชิญกรรมการทั้ง 12 คน ส่วนการเปลี่ยนแปลงเวลาและสถานที่ ที่ต้องย้ายเพราะเห็นสมควรเพราะเกรงว่าหากมีการประชุมที่สนามกอล์ฟ อาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้ เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า หลังจากวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมาที่มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการมีเหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นตลอด ซึ่งจะส่งผลกเสียต่อภาพลักษณ์ของบริษัทได้ เพราะวันอาทิตย์เป็นวันที่ลูกค้าใช้บริการที่สนามกอล์ฟจำนวนมาก จึงได้ย้ายจากนอกเมืองมาเป็นในเมืองภูเก็ต โดยได้ประกาศไว้ก่อนการประชุม 2 ชั่วโมง ซึ่งคิดว่ากรรมการที่มาประชุมใช้เวลาในการเดินทางทันแน่นอน จากเวลา 09.00 น. เป็นเวลา 11.00 น.

ผู้บริหารเดิมร่อนเอกสารแจง
รายงานจากกลุ่มผู้บริหารเดิมบริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด อ้างว่า หลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัท เข้าสู่แผนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ทำให้บริษัทได้มีการเพิ่มทุนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานล่าสุด ที่ได้รับการยอมรับโดยศาลล้มละลายกลางและได้รับการอนุมัติโดยศาลล้มละลายกลางในเดือน ส.ค.48 ได้มีการลงทุนเพิ่มเติมอีก 2 พันล้านบาท และบริษัทได้มีการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ทุกราย จนทำให้บริษัท มิวเร็กซ์ จำกัด สามารถพ้นออกจากแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ในเดือน พ.ค.ปี49
แต่นายเรวัตร ผู้นำทีมโจมตีเจ้าของและทีมบริหาร บูลแคนยอน คันทรี่ คลับ ซึ่งได้รับการอนุมัติ อย่างเป็นทางการโดยศาลไทย ไม่เคยมีส่วนร่วมสร้างและพัฒนาคลับแต่อย่างใด และได้ออกจากตำแหน่ง กรรมการตั้งแต่ปี2533 พยายามเข้ามาขัดขวางแผนการปรับปรุงโครงสร้าง ที่ศาลล้มละลายกลางได้ยกคำร้องตามแผนฟื้นฟูกิจการ จนคดีถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม บริษัท ได้มีผู้ถือหุ้นที่ได้รับอนุมัติโดยศาลล้มละลายกลางลงทุนหลายพันล้านบาทเพื่อปรับปรุงโครงสร้างหนี้ และพัฒนาปรับปรุง บลูแคนยอนฯ ใหม่จนสมบูรณ์แบบ รวมถึงการพัฒนาสนามกอล์ฟ 2 สนาม คือ แคนยอย คอร์ส และเลค คอร์ส ซึ่งอยู่ในช่วงปรับปรุงในขณะนี้ และยังมีการออกแบบอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกอย่างต่อเนื่อง และผู้บริหารแผนที่ได้รับการแต่งตังจากศาลล้มละลายกลาง ยังมีแผนพัฒนาวิลล่า โรงแรม เพื่อให้เป็นรีสอร์ทครบวงจร
แต่แผนงานทั้งหมดดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ รวมถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นในภูเก็ต และในประเทศไทยก็อาจจะไม่เกิดขึ้นหาก ความพยายามของ นายเรวัตร และพวกพ้องเป็นผลสำเร็จ เนื่องจากความพยายามดังกล่าวจะส่งผลต่อความมั่นใจและความต้องการลงทุนในประเทศไทยของนักลงทุนต่างชาติลดลง ซึ่งจะทำให้เงินทุนในไทยหายไปและส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
กำลังโหลดความคิดเห็น