โบราณว่ากงล้อประวัติศาสตร์อาจหมุนซ้ำทับรอยเดิม อีกบทหนึ่งก็ว่าการยิงธนูนั้นต้องน้าวไปข้างหลังก่อนจึงจะยิงไปข้างหน้าได้ ผู้มีปัญญาจึงพึงศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจ
ดังนั้นเพื่อคุ้มครองป้องกันบรรดาผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ที่มีน้ำใจจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงเห็นสมควรนำเสนอบทเรียนจากกรณีของงักฮุยให้พิจารณาศึกษาโดยถ้วนหน้ากัน
งักฮุยเป็นยอดขุนพลผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซ้องเป็นที่สุด เป็นผู้รจนาคัมภีร์พิชัยสงครามของงักฮุยที่เลื่องชื่อลือชา มีบทสำคัญ 3 บทหลักคือ การจัดตั้งกำลังทหาร การจัดระบอบการรบ และการบัญชาทหาร ทั้งการรบซึ่งหน้าและการรบพลิกแพลง
สมัยนั้นชนเผ่ามองโกลและชนเผ่าต่างๆ กรีฑาทัพเข้ารุกรานแผ่นดินซ้อง หวังแย่งยึดแผ่นดินและล้มล้างราชวงศ์ซ้อง
งักฮุยได้รับราชโองการให้นำทัพออกไปยันศึก ได้นำไพร่พลต้านทานข้าศึกไว้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่ด้วยความปรีชาสามารถในด้านพิชัยสงครามและการทหาร งักฮุยได้รับชัยชนะในสงครามทุกครั้ง รบสิบครั้งก็ชนะสิบครั้ง
บรรดาเหล่าผู้รักชาติได้หลั่งไหลไปสมัครเป็นทหารในกองทัพของงักฮุยจนกองทัพของงักฮุยเติบใหญ่อย่างต่อเนื่อง นับเป็นกองทัพชั้นเลิศ คือสามารถเติบโตในท่ามกลางสงครามได้โดยไม่ต้องรบกวนกำลังหนุนจากเมืองหลวง
กองทัพงักฮุยเติบใหญ่แข็งกล้าเท่าใด ก็เป็นประโยชน์แก่แผ่นดินซ้องและราชวงศ์ต้าซ้องเท่านั้น
แต่กลับถูกจับตามองด้วยความหวาดระแวงจากฉินไขว้อัครมหาเสนาบดีว่าการเติบใหญ่ของงักฮุยอาจจะเป็นภัยต่อตนเองในวันข้างหน้า ดังนั้นจึงพยายามตัดเสบียงกรัง งบประมาณและกำลังพลที่จะหนุนช่วยกองทัพงักฮุยแต่ไม่เป็นผล เพราะกองทัพงักฮุยได้รับการสนับสนุนจากมวลมหาประชาราษฎร์
กองทัพที่ขาดการหนุนช่วยจากส่วนกลางกลับเติบใหญ่ขึ้นในท่ามกลางสงคราม ซึ่งลักษณะนี้คัมภีร์พิชัยสงครามของซุนหวู่ระบุว่าเป็นกองทัพชั้นเลิศ และในชั้นหลังเหมาเจ๋อตงก็ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ถึงกับกำหนดเป็นมาตรฐานวัดความถูกต้องของแนวทางการเมืองในการนำกองทัพว่า ถ้าการนำถูกต้องกองทัพก็จะเติบใหญ่ขึ้นในท่ามกลางสงคราม
ชนเผ่าผู้รุกรานพากันขยาดต่อความแกร่งกล้าของกองทัพงักฮุย จึงใช้อุบายติดสินบนกับบรรดาขันทีโดยเฉพาะฉินไขว้ให้หาทางกำจัดงักฮุย เพราะถ้าหากงักฮุยถูกกำจัดเสียแล้วโอกาสที่จะล้มล้างแผ่นดินซ้องและยึดราชวงศ์ต้าซ้องก็สำเร็จโดยง่าย
ด้วยความระแวงแคลงใจเก่าและด้วยสินบนก้อนใหญ่ ทำให้บรรดาขันทีและฉินไขว้วางแผนใส่ความให้ร้ายป้ายสีงักฮุยว่าเป็นอันตรายต่อแผ่นดินและราชวงศ์ต้าซ้อง โดยไม่นำพาต่ออันตรายของบ้านเมืองและราชวงศ์ซ้องที่จะเกิดจากชนเผ่ามองโกลและชนเผ่าอื่น ๆ
ในที่สุดการใส่ร้ายป้ายสีเป็นผลสำเร็จ อัครมหาเสนาบดีฉินไขว้จึงปลอมป้ายทองคำของฮ่องเต้เรียกงักฮุยกลับ แต่ถูกบรรดาชาวยุทธ์สกัดไม่ให้มีการส่งป้ายทองคำเรียกตัวงักฮุยได้สำเร็จถึง 11 ครั้ง
ป้ายทองคำอันที่ 12 หลุดรอดไปถึงงักฮุย มันคืออุ้งหัตถ์แห่งมัจจุราชโดยแท้!
บรรดาเหล่านายทหารและผู้รักชาติพากันทัดทานงักฮุยไม่ให้กลับเมืองหลวงเพราะรู้ดีว่าเป็นแผนร้ายที่มุ่งหมายสังหารชีวิตงักฮุย
แต่ด้วยน้ำใจจงรักภักดีต่อแผ่นดิน งักฮุยประกาศก้องว่าชีวิตนี้เป็นของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ให้กลับก็ต้องกลับ ฮ่องเต้ให้ตายก็ต้องตาย
งักฮุยให้คงกองทัพไว้ที่ชายแดน พาทหารคนสนิทไม่กี่คนกลับเมืองหลวง และในที่สุดก็ถูกประหารชีวิต ชาวประชาร่ำไห้ระงมเมือง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
แผ่นดินสิ้นงักฮุยแล้ว บรรดาผู้จงรักภักดีต่างพากันหนีออกไปทำไร่ทำนาในชนบท แผ่นดินเต็มไปด้วยคนประจบสอพลอปอปั้นและแสวงหาอามิสประโยชน์ จึงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดแผ่นดินซ้องก็สิ้นสูญ ราชวงศ์ต้าซ้องก็ถูกโค่นล้ม ปวงประชาเคียดแค้นฉินไขว้เป็นยิ่งนัก จึงใช้แป้งสองชิ้นซึ่งเปรียบเสมือนฉินไขว้และภริยานำมาประกบกันทอดในน้ำมันเพื่อระบายโทสะ กลายเป็นตำนานของปาท่องโก๋มาจนถึงทุกวันนี้
จิตใจจงรักภักดีของงักฮุยได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญเล่าขานเป็นตำนานยืดยาวยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ ปวงประชาได้สร้างศาลงักฮุยขึ้นเป็นที่สักการะบูชาเพื่อเป็นแบบอย่างจิตใจวีรชนที่จงรักภักดีต่อแผ่นดินและพระมหากษัตริย์ โดยได้หล่อรูปฉินไขว้และภริยาในท่าคุกเข่าตั้งไว้ที่หน้าศาลงักฮุย
ชนชาวจีนเข้าไปสักการะศาลงักฮุยคราวใด ก็จะเขกศีรษะฉินไขว้และภริยา บ้างก็ถุยน้ำลายใส่ตลอดมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
วีรกรรมและจิตใจจงรักภักดีของงักฮุยในลักษณะเช่นนี้เป็นแบบอย่างให้ชนชาวจีนกล้าหาญชาญชัยที่จะประกอบวีรกรรมเพื่อชาติบ้านเมืองของตนและจงรักภักดีต่อประเทศชาติของตนมาจนกระทั่งทุกวันนี้เช่นเดียวกัน
นั่นเป็นเกียรติศักดิ์และวีรกรรมของงักฮุย แต่จะมีประโยชน์สิ่งใดแก่แผ่นดินซ้องและราชวงศ์ต้าซ้องที่ปฐมกษัตริย์ซ่งไท่จงได้สถาปนาไว้เล่า เพราะความจงรักภักดีชนิดที่ว่านั้นมีคุณค่าแต่เพียงวีรกรรมส่วนบุคคล ในขณะที่แผ่นดินและราชวงศ์ต้าซ้องต้องล่มสลาย
บทเรียนของเราก็คือความจงรักภักดีต้องมีผลที่แท้จริง ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงเรียงนามหรือเกียรติศักดิ์ส่วนตน ในขณะที่แผ่นดินและพระราชวงศ์ต้องล่มสลาย
ลองมองย้อนกลับไปดูแล้วครุ่นคิดพิจารณาสักหน่อยหนึ่งก็พึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในกาลครั้งนั้นถ้างักฮุยพยายามชี้แจงทำความเข้าใจก็ดี หรือดำเนินการด้วยวิธีการใด ๆ ก็ดี เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือคงกำลังตั้งมั่นปกป้องแผ่นดินไว้ ผลก็จะแตกต่างกัน
คือแผ่นดินซ้องก็ไม่สิ้นสูญ ราชวงศ์ต้าซ้องก็ไม่ล่มสลาย งักฮุยอย่างมากที่สุดก็จะถูกติเตียนเฉพาะตัวว่าขัดราชโองการ ซึ่งความจริงก็เป็นเพียงราชโองการปลอมที่ฉินไขว้จัดทำขึ้นเท่านั้น
ผลที่แท้จริงก็คือความจริงย่อมปรากฏในชั้นหลัง ความตำหนิติเตียนก็จะได้รับการสะสาง แผ่นดินซ้องก็จะไม่สิ้น ราชวงศ์ต้าซ้องก็ไม่ดับสูญ
หากเป็นเช่นนี้กับการที่เป็นไปเช่นนั้น อย่างไหนจะดีกว่ากันเล่า?
นี่คือสิ่งที่เรานำเสนอเพื่อเป็นแง่คิดให้กับบรรดาผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ที่มีน้ำใจจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้พิจารณาไตร่ตรองกันให้จงดี!
เพราะอาจจะสอดคล้องกับสถานการณ์ในทุกวันนี้ ที่คนบางคนเข้าใจว่าระบอบทักษิณสิ้นสูญไปแล้ว ไม่เป็นอันตรายอีกแล้ว ดังนั้นความเติบใหญ่ของประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย จึงย่อมถูกจับตามองด้วยความคลางแคลงไม่ไว้วางใจ
หากประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ถูกบอนไซ บ่อนทำลายหรือถูกกำจัดลงเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับการฟื้นคืนชีพของระบอบเผด็จการทรราชอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นบรรดาประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย จึงต้องทำใจ ต้องอดกลั้น แต่ต้องยืนยันยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวในความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มั่นคง ดำรงสถาพรไว้ในใจ อย่าให้คลอนคลายเสื่อมสูญเป็นอันขาด!
จะเป็นปรปักษ์กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือรัฐบาลไม่ได้เป็นอันขาด! แต่จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต้องช่วยเหลือปกป้องอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ย่อมเป็นคนละเรื่องกับการติเตียนคนไม่ดีเพื่อไม่ให้ทำผิดชั่วกับบ้านเมือง เนื่องเพราะวันเวลานี้ชนเผ่าและกลุ่มต่าง ๆ กำลังรุกคืบเข้ามา และอันตรายที่ยิ่งใหญ่ก็จะปรากฏตัวให้เห็นชัดเจนขึ้นโดยลำดับ โดยตัวของมันเอง
ขอเพียงถนอมกำลังตั้งมั่นอดทนและติดตามเข้าใจสถานการณ์ให้ดี! บรรดาผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แบบงักฮุยยังไม่สิ้นสลายตราบใด ประเทศไทยของเราและสถาบันอันเป็นที่เคารพรักบูชาสูงสุดก็จะคงดำรงอยู่อย่างปลอดภัยตลอดไป
ดังนั้นเพื่อคุ้มครองป้องกันบรรดาผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ที่มีน้ำใจจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เราจึงเห็นสมควรนำเสนอบทเรียนจากกรณีของงักฮุยให้พิจารณาศึกษาโดยถ้วนหน้ากัน
งักฮุยเป็นยอดขุนพลผู้จงรักภักดีต่อฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซ้องเป็นที่สุด เป็นผู้รจนาคัมภีร์พิชัยสงครามของงักฮุยที่เลื่องชื่อลือชา มีบทสำคัญ 3 บทหลักคือ การจัดตั้งกำลังทหาร การจัดระบอบการรบ และการบัญชาทหาร ทั้งการรบซึ่งหน้าและการรบพลิกแพลง
สมัยนั้นชนเผ่ามองโกลและชนเผ่าต่างๆ กรีฑาทัพเข้ารุกรานแผ่นดินซ้อง หวังแย่งยึดแผ่นดินและล้มล้างราชวงศ์ซ้อง
งักฮุยได้รับราชโองการให้นำทัพออกไปยันศึก ได้นำไพร่พลต้านทานข้าศึกไว้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่ด้วยความปรีชาสามารถในด้านพิชัยสงครามและการทหาร งักฮุยได้รับชัยชนะในสงครามทุกครั้ง รบสิบครั้งก็ชนะสิบครั้ง
บรรดาเหล่าผู้รักชาติได้หลั่งไหลไปสมัครเป็นทหารในกองทัพของงักฮุยจนกองทัพของงักฮุยเติบใหญ่อย่างต่อเนื่อง นับเป็นกองทัพชั้นเลิศ คือสามารถเติบโตในท่ามกลางสงครามได้โดยไม่ต้องรบกวนกำลังหนุนจากเมืองหลวง
กองทัพงักฮุยเติบใหญ่แข็งกล้าเท่าใด ก็เป็นประโยชน์แก่แผ่นดินซ้องและราชวงศ์ต้าซ้องเท่านั้น
แต่กลับถูกจับตามองด้วยความหวาดระแวงจากฉินไขว้อัครมหาเสนาบดีว่าการเติบใหญ่ของงักฮุยอาจจะเป็นภัยต่อตนเองในวันข้างหน้า ดังนั้นจึงพยายามตัดเสบียงกรัง งบประมาณและกำลังพลที่จะหนุนช่วยกองทัพงักฮุยแต่ไม่เป็นผล เพราะกองทัพงักฮุยได้รับการสนับสนุนจากมวลมหาประชาราษฎร์
กองทัพที่ขาดการหนุนช่วยจากส่วนกลางกลับเติบใหญ่ขึ้นในท่ามกลางสงคราม ซึ่งลักษณะนี้คัมภีร์พิชัยสงครามของซุนหวู่ระบุว่าเป็นกองทัพชั้นเลิศ และในชั้นหลังเหมาเจ๋อตงก็ได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ถึงกับกำหนดเป็นมาตรฐานวัดความถูกต้องของแนวทางการเมืองในการนำกองทัพว่า ถ้าการนำถูกต้องกองทัพก็จะเติบใหญ่ขึ้นในท่ามกลางสงคราม
ชนเผ่าผู้รุกรานพากันขยาดต่อความแกร่งกล้าของกองทัพงักฮุย จึงใช้อุบายติดสินบนกับบรรดาขันทีโดยเฉพาะฉินไขว้ให้หาทางกำจัดงักฮุย เพราะถ้าหากงักฮุยถูกกำจัดเสียแล้วโอกาสที่จะล้มล้างแผ่นดินซ้องและยึดราชวงศ์ต้าซ้องก็สำเร็จโดยง่าย
ด้วยความระแวงแคลงใจเก่าและด้วยสินบนก้อนใหญ่ ทำให้บรรดาขันทีและฉินไขว้วางแผนใส่ความให้ร้ายป้ายสีงักฮุยว่าเป็นอันตรายต่อแผ่นดินและราชวงศ์ต้าซ้อง โดยไม่นำพาต่ออันตรายของบ้านเมืองและราชวงศ์ซ้องที่จะเกิดจากชนเผ่ามองโกลและชนเผ่าอื่น ๆ
ในที่สุดการใส่ร้ายป้ายสีเป็นผลสำเร็จ อัครมหาเสนาบดีฉินไขว้จึงปลอมป้ายทองคำของฮ่องเต้เรียกงักฮุยกลับ แต่ถูกบรรดาชาวยุทธ์สกัดไม่ให้มีการส่งป้ายทองคำเรียกตัวงักฮุยได้สำเร็จถึง 11 ครั้ง
ป้ายทองคำอันที่ 12 หลุดรอดไปถึงงักฮุย มันคืออุ้งหัตถ์แห่งมัจจุราชโดยแท้!
บรรดาเหล่านายทหารและผู้รักชาติพากันทัดทานงักฮุยไม่ให้กลับเมืองหลวงเพราะรู้ดีว่าเป็นแผนร้ายที่มุ่งหมายสังหารชีวิตงักฮุย
แต่ด้วยน้ำใจจงรักภักดีต่อแผ่นดิน งักฮุยประกาศก้องว่าชีวิตนี้เป็นของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ให้กลับก็ต้องกลับ ฮ่องเต้ให้ตายก็ต้องตาย
งักฮุยให้คงกองทัพไว้ที่ชายแดน พาทหารคนสนิทไม่กี่คนกลับเมืองหลวง และในที่สุดก็ถูกประหารชีวิต ชาวประชาร่ำไห้ระงมเมือง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
แผ่นดินสิ้นงักฮุยแล้ว บรรดาผู้จงรักภักดีต่างพากันหนีออกไปทำไร่ทำนาในชนบท แผ่นดินเต็มไปด้วยคนประจบสอพลอปอปั้นและแสวงหาอามิสประโยชน์ จึงอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดแผ่นดินซ้องก็สิ้นสูญ ราชวงศ์ต้าซ้องก็ถูกโค่นล้ม ปวงประชาเคียดแค้นฉินไขว้เป็นยิ่งนัก จึงใช้แป้งสองชิ้นซึ่งเปรียบเสมือนฉินไขว้และภริยานำมาประกบกันทอดในน้ำมันเพื่อระบายโทสะ กลายเป็นตำนานของปาท่องโก๋มาจนถึงทุกวันนี้
จิตใจจงรักภักดีของงักฮุยได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญเล่าขานเป็นตำนานยืดยาวยั่งยืนมาจนถึงทุกวันนี้ ปวงประชาได้สร้างศาลงักฮุยขึ้นเป็นที่สักการะบูชาเพื่อเป็นแบบอย่างจิตใจวีรชนที่จงรักภักดีต่อแผ่นดินและพระมหากษัตริย์ โดยได้หล่อรูปฉินไขว้และภริยาในท่าคุกเข่าตั้งไว้ที่หน้าศาลงักฮุย
ชนชาวจีนเข้าไปสักการะศาลงักฮุยคราวใด ก็จะเขกศีรษะฉินไขว้และภริยา บ้างก็ถุยน้ำลายใส่ตลอดมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้
วีรกรรมและจิตใจจงรักภักดีของงักฮุยในลักษณะเช่นนี้เป็นแบบอย่างให้ชนชาวจีนกล้าหาญชาญชัยที่จะประกอบวีรกรรมเพื่อชาติบ้านเมืองของตนและจงรักภักดีต่อประเทศชาติของตนมาจนกระทั่งทุกวันนี้เช่นเดียวกัน
นั่นเป็นเกียรติศักดิ์และวีรกรรมของงักฮุย แต่จะมีประโยชน์สิ่งใดแก่แผ่นดินซ้องและราชวงศ์ต้าซ้องที่ปฐมกษัตริย์ซ่งไท่จงได้สถาปนาไว้เล่า เพราะความจงรักภักดีชนิดที่ว่านั้นมีคุณค่าแต่เพียงวีรกรรมส่วนบุคคล ในขณะที่แผ่นดินและราชวงศ์ต้าซ้องต้องล่มสลาย
บทเรียนของเราก็คือความจงรักภักดีต้องมีผลที่แท้จริง ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงเรียงนามหรือเกียรติศักดิ์ส่วนตน ในขณะที่แผ่นดินและพระราชวงศ์ต้องล่มสลาย
ลองมองย้อนกลับไปดูแล้วครุ่นคิดพิจารณาสักหน่อยหนึ่งก็พึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าในกาลครั้งนั้นถ้างักฮุยพยายามชี้แจงทำความเข้าใจก็ดี หรือดำเนินการด้วยวิธีการใด ๆ ก็ดี เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง หรือคงกำลังตั้งมั่นปกป้องแผ่นดินไว้ ผลก็จะแตกต่างกัน
คือแผ่นดินซ้องก็ไม่สิ้นสูญ ราชวงศ์ต้าซ้องก็ไม่ล่มสลาย งักฮุยอย่างมากที่สุดก็จะถูกติเตียนเฉพาะตัวว่าขัดราชโองการ ซึ่งความจริงก็เป็นเพียงราชโองการปลอมที่ฉินไขว้จัดทำขึ้นเท่านั้น
ผลที่แท้จริงก็คือความจริงย่อมปรากฏในชั้นหลัง ความตำหนิติเตียนก็จะได้รับการสะสาง แผ่นดินซ้องก็จะไม่สิ้น ราชวงศ์ต้าซ้องก็ไม่ดับสูญ
หากเป็นเช่นนี้กับการที่เป็นไปเช่นนั้น อย่างไหนจะดีกว่ากันเล่า?
นี่คือสิ่งที่เรานำเสนอเพื่อเป็นแง่คิดให้กับบรรดาผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ที่มีน้ำใจจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ได้พิจารณาไตร่ตรองกันให้จงดี!
เพราะอาจจะสอดคล้องกับสถานการณ์ในทุกวันนี้ ที่คนบางคนเข้าใจว่าระบอบทักษิณสิ้นสูญไปแล้ว ไม่เป็นอันตรายอีกแล้ว ดังนั้นความเติบใหญ่ของประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย จึงย่อมถูกจับตามองด้วยความคลางแคลงไม่ไว้วางใจ
หากประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย ถูกบอนไซ บ่อนทำลายหรือถูกกำจัดลงเมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับการฟื้นคืนชีพของระบอบเผด็จการทรราชอย่างไม่ต้องสงสัย
ดังนั้นบรรดาประชาชนผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย จึงต้องทำใจ ต้องอดกลั้น แต่ต้องยืนยันยืนหยัดอย่างเด็ดเดี่ยวในความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้มั่นคง ดำรงสถาพรไว้ในใจ อย่าให้คลอนคลายเสื่อมสูญเป็นอันขาด!
จะเป็นปรปักษ์กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติหรือรัฐบาลไม่ได้เป็นอันขาด! แต่จะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและต้องช่วยเหลือปกป้องอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ย่อมเป็นคนละเรื่องกับการติเตียนคนไม่ดีเพื่อไม่ให้ทำผิดชั่วกับบ้านเมือง เนื่องเพราะวันเวลานี้ชนเผ่าและกลุ่มต่าง ๆ กำลังรุกคืบเข้ามา และอันตรายที่ยิ่งใหญ่ก็จะปรากฏตัวให้เห็นชัดเจนขึ้นโดยลำดับ โดยตัวของมันเอง
ขอเพียงถนอมกำลังตั้งมั่นอดทนและติดตามเข้าใจสถานการณ์ให้ดี! บรรดาผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์แบบงักฮุยยังไม่สิ้นสลายตราบใด ประเทศไทยของเราและสถาบันอันเป็นที่เคารพรักบูชาสูงสุดก็จะคงดำรงอยู่อย่างปลอดภัยตลอดไป