ธุรกิจฟาสต์ฟูดโตเร็ว “ซับเวย์” เร่งสยายปีก เปิดสาขาแฟรนช์ไชส์ วางเป้าหมาย 3 ปี เปิดเพิ่มเป็น 140 สาขาทั่วประเทศ เน้นแหล่งชุมชน และ ย่านที่มีนักท่องเที่ยว ล่าสุด จัดแคมเปญ“เซเว่นอันเดอร์ซิกซ์”กระตุ้นตลาดส่งท้ายปี หวังสิ้นปียอดแตะ 150 ล้าน โตขึ้นอีก 70%
นาย มิสคาเรน อิดส์วิก ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย บริษัท แซนด์วิช ซับเวย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดสาขาในรูปแบบแฟรนช์ไชส์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2550 บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 12 แห่ง และตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้ครบ 140 สาขา ภายใน 3 ปีนับจากนี้ไป ซึ่งสาขาที่เปิดใหม่จะจับโลเกชั่นย่านชุมชน และแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของแต่ละสาขาจะมาจากลูกค้าลูกค้าชาวต่างชาติกว่า80% คนไทย 20 %
สำหรับปีนี้ช่วงไตรมาสสุดท้ายจะทยอยเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาที่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และ เกาะสมุย ฉะนั้นถึงสิ้นปี บริษัทจะมีสาขาทั้งหมดรวม 23 แห่ง จากปัจจุบันซับเวย์ มีร้านขายในรูปแบบของแฟรนไชส์แล้วกว่า 19 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ10สาขา พัทยา 4 สาขา ภูเก็ต 3 สาขา หัวหิน 1 สาขา และเชียงใหม่ 1 สาขา
ทั้งนี้เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าการเติบโตกลุ่มอาหารฟาสต์ฟูดยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยความถี่ในการเข้าใช้บริการฟาสต์ฟูดของคนในเอเชียเฉลี่ย 4 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ ปัจจุบันซับเวย์ มีจำนวนสาขากว่า 26,600 ร้าน ใน 85 ประเทศ โดยซับเวย์สาขาแรกในประเทศไทยเริ่มย่านสีลมในปี 2546 ได้รับผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่ที่ได้มาจากชาวต่างชาติ
“แฟรน์ไชส์ของ ซับเวย์ มีกลุ่มนักลงทุนสนใจจำนวนมาก เพราะมีราคาไม่แพง เฉลี่ยใช้เงินลงทุนเพียง 4 ล้านบาท ต่อสาขา “ นาย อิดส์วิก กล่าว
และล่าสุดบริษัทนำแคมเปญ “เซเว่นอันเดอร์ซิกซ์” ที่เป็นเมนูครั้งแรกที่ซับเวย์ ได้นำมาเพิ่มอีก 7 เมนู ที่มีปริมาณไขมันต่ำกว่า 6 กรัม เจาะตลาดคนไทยที่รักษารูปร่างรวมถึงกลุ่มคนที่รักษาสุขภาพ เพิ่มความหลากหลายของสินค้า เพื่อและตอบสนองความต้องการของตลาด
โดยแคมเปญดังกล่าว ประสบความสำเร็จมาแล้วจากประเทศ สิงคโปร์ ไต้หวัน และอินเดีย ซึ่งมีผลตอบรับที่ดี และบริษัทเชื่อว่าการนำแคมเปญ“เซเว่นอันเดอร์ซิกซ์”เข้าทำตลาดในไทยจะได้รับความนิยมมาก เช่นเดียวกับใน 3 ประเทศดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันไลฟสไตล์ของคนไทย มีความห่วงใยสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้านผลประกอบการบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 150 ล้านบาท โตขึ้นอีกกว่า 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจากแผนการดำเนินงานเริ่มถึงการขยายสาขาเพิ่มอีกในปี 2550 บริษัทคาดว่าปีหน้าการเติบโตของบริษัท จะมีมากกว่า 70%อย่างแน่นอน
นาย มิสคาเรน อิดส์วิก ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชีย บริษัท แซนด์วิช ซับเวย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดสาขาในรูปแบบแฟรนช์ไชส์ให้เพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2550 บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 12 แห่ง และตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้ครบ 140 สาขา ภายใน 3 ปีนับจากนี้ไป ซึ่งสาขาที่เปิดใหม่จะจับโลเกชั่นย่านชุมชน และแหล่งที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของแต่ละสาขาจะมาจากลูกค้าลูกค้าชาวต่างชาติกว่า80% คนไทย 20 %
สำหรับปีนี้ช่วงไตรมาสสุดท้ายจะทยอยเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาที่ กรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต และ เกาะสมุย ฉะนั้นถึงสิ้นปี บริษัทจะมีสาขาทั้งหมดรวม 23 แห่ง จากปัจจุบันซับเวย์ มีร้านขายในรูปแบบของแฟรนไชส์แล้วกว่า 19 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ10สาขา พัทยา 4 สาขา ภูเก็ต 3 สาขา หัวหิน 1 สาขา และเชียงใหม่ 1 สาขา
ทั้งนี้เพราะบริษัทเล็งเห็นว่าการเติบโตกลุ่มอาหารฟาสต์ฟูดยังสามารถขยายตัวได้อีกมาก โดยความถี่ในการเข้าใช้บริการฟาสต์ฟูดของคนในเอเชียเฉลี่ย 4 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ ปัจจุบันซับเวย์ มีจำนวนสาขากว่า 26,600 ร้าน ใน 85 ประเทศ โดยซับเวย์สาขาแรกในประเทศไทยเริ่มย่านสีลมในปี 2546 ได้รับผลตอบรับจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่ที่ได้มาจากชาวต่างชาติ
“แฟรน์ไชส์ของ ซับเวย์ มีกลุ่มนักลงทุนสนใจจำนวนมาก เพราะมีราคาไม่แพง เฉลี่ยใช้เงินลงทุนเพียง 4 ล้านบาท ต่อสาขา “ นาย อิดส์วิก กล่าว
และล่าสุดบริษัทนำแคมเปญ “เซเว่นอันเดอร์ซิกซ์” ที่เป็นเมนูครั้งแรกที่ซับเวย์ ได้นำมาเพิ่มอีก 7 เมนู ที่มีปริมาณไขมันต่ำกว่า 6 กรัม เจาะตลาดคนไทยที่รักษารูปร่างรวมถึงกลุ่มคนที่รักษาสุขภาพ เพิ่มความหลากหลายของสินค้า เพื่อและตอบสนองความต้องการของตลาด
โดยแคมเปญดังกล่าว ประสบความสำเร็จมาแล้วจากประเทศ สิงคโปร์ ไต้หวัน และอินเดีย ซึ่งมีผลตอบรับที่ดี และบริษัทเชื่อว่าการนำแคมเปญ“เซเว่นอันเดอร์ซิกซ์”เข้าทำตลาดในไทยจะได้รับความนิยมมาก เช่นเดียวกับใน 3 ประเทศดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันไลฟสไตล์ของคนไทย มีความห่วงใยสุขภาพเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ด้านผลประกอบการบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายปีนี้ที่ 150 ล้านบาท โตขึ้นอีกกว่า 60-70% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจากแผนการดำเนินงานเริ่มถึงการขยายสาขาเพิ่มอีกในปี 2550 บริษัทคาดว่าปีหน้าการเติบโตของบริษัท จะมีมากกว่า 70%อย่างแน่นอน