xs
xsm
sm
md
lg

สภา “มีนัย” สภาขันทีปรากฏการณ์ธรรมดาๆ ของวัฒนธรรมทาส

เผยแพร่:   โดย: อมร อมรรัตนานนท์

ผู้อ่าน ไม่ต้องแปลกใจนะครับ

หลายคนอาจคิดว่า พิมพ์ผิดหรือพนักงานตรวจปรู๊ฟผิด

เป็นความตั้งใจครับ

อยากจะกระแทกแดกดัน เป็นเรื่องของอารมณ์ตกค้าง จากเหตุการณ์วันที่ 24 ตุลาคม 2549


ผู้สนใจทางการเมือง คงต้องจารจารึกไว้ในเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์การเมืองไทย

บางคนบอกว่า มันเป็นวันเริ่มต้นของความวิบัติทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง

บางคนบอกว่า สะใจไหม อดีตมีบทเรียนแล้วไม่จำ หวังพึ่งดีนัก

บางคนบอกว่า เห็นไม่ล่ะ อัศวินม้าขาว
เขาควบม้าศึกเข้าคอกใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว

บางคนบอกว่า 74 ปีแล้ว คนไทยยังไม่ไปถึงไหน โดยเฉพาะพวกขุนนาง ขุนศึก แทคโนแครต รวมทั้งภาคประชาชนบางส่วน ที่ยอมถวายตัวเพื่อแลกกับอำนาจบารมี ยอมเป็นทาส เป็นฝักถั่ว ดูจากคะแนนที่เกาะกลุ่ม และบุคคลที่ได้รับเลือกเป็นไปตามโผที่ออกมาก่อนหน้านั้น ทุกประการ

บางคนฟันธงว่า นี่ล่ะ สภาขันที ตัวจริง

ภาพที่ปรากฏ มันช่างน่าตลกขบขันยิ่งนัก!!!


ผมเอง ก็อยู่ในภาวะความรู้สึกเช่นนั้น แต่เมื่อตั้งสติคิดอยู่ครู่ใหญ่

อารมณ์ ที่ขุ่นมัว หงุดหงิด อยากจะตะโกนดังๆ อยากจะตะบันหน้าคน ก็ถูกเหตุผล และข้อเท็จจริง เอาชนะมันได้

จากความขุ่นมัวกลายเป็นความใสสว่าง

จากความหงุดหงิดกลายเป็นอารมณ์ขัน

แวบหนึ่งของความคิด อยากจะสร้างวาทกรรมไว้ ให้คนรุ่นหลัง ได้จดจำในยามที่ศึกษาการเมืองไทยในยุคนี้

สภาขันที ก็มีคนใช้แล้ว เอางี้นี้กว่า

ให้มันชัดไปเลย ผลงานโบดำครั้งนี้ ใครเป็นผู้ที่ออกแรง และขับเคลื่อน

ก็เอาชื่อมาสนธิกำลัง (คำฮิตประจำปี 49) กันเลย สะใจดี

ยำไปยำมา

สภามีนัย จึงออกมาด้วยประการเช่นนี้แล!!!!


เมื่อมีสติ ก็มีปัญญา

ถึงวันนี้ พึ่งระลึกถึงตนเองว่า เราก็แค่มดปลวกตัวหนึ่ง ที่ทำหน้าที่เป็นห่วงโซ่ข้อหนึ่งในวัฏจักรของสรรพชีวิต หนึ่งในโลกเท่านั้น

วันนี้ขอทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

หากทุกคนเป็นเยี่ยงนี้

อนาคต เราคงมีกองทัพมดปลวก

ถึงวันนั้น กองทัพของสัตว์ตัวน้อยๆ นี่หล่ะ จะถาโถมเอาชีวิตที่เหลืออยู่ กัดกินคฤหาสน์ แห่งอำนาจของซาตาน ให้พังทลายในพริบตา


ถึงวันนี้ คงต้องถอดประสบการณ์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

การศึกษาวิเคราะห์เชิงลึก โดยนำข้อเท็จจริง และประวัติศาสตร์ของบุคคลที่โลดแล่น และเชื่อมโยงอยู่บนเวทีแห่งละครเรื่องนี้ ด้านต่างๆ ไม่ว่า จะเป็นเรื่องทางโลกทัศน์ ชีวทัศน์ และการดำรงทางเศรษฐกิจเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง

ทั้งนี้ เพื่อที่จะกุมสภาพ ในแง่ปัจเจกบุคคล อันจะทำให้เราเห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่ม ทั้งด้านที่ร่วมมือ หรือด้านที่ขัดแย้งต่อสู้กัน

ข้อมูลเหล่านี้จะต้องแม่นยำ และตรงกับข้อเท็จจริงให้มากที่สุด

การประเมินจากอัตวิสัย บนการคาดเดา หรือฟังเขาว่า

จะทำให้การเข้าใจคนคนหนึ่งผิดพลาด

และที่สำคัญ จะมีผลต่อการกำหนดท่าที ท่วงทำนอง ระยะห่างของความสัมพันธ์


การเมืองหลังการรัฐประหาร ภายใต้การครอบ ของคณะมนตรีความมั่นคงฯ

บรรยากาศ โดยรวมวันนี้ อาจดูไม่อึดอัด ประชาชนส่วนใหญ่กำลังจับตารอดู ว่าสังคมใหม่ในนิยามใหม่ (ของใครก็ไม่รู้) หน้าตาจะเป็นอย่างไร

คนโกง คนคอร์รัปชันจะติดคุกไหม

อำนาจประชาชนจะเพิ่มขึ้น หรือลดลง

ข้าราชการ จะเป็นเจ้าคนนายคน หรือรับใช้ประชาชน

บอร์ดวิสาหกิจต่างๆ จะย้อนยุค แบ่งเค้กกันตามสี ตามเหล่าหรือไม่

รัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้ขุนศึก ขุนนาง หรือผู้ที่อุปโลกน์ตัวเองว่าข้าคือคนเก่ง แต่ไม่โกง แต่ไม่เคยเห็นหัวชาวบ้าน มาเสพเสวยสุขกุมการนำของประเทศอีกหรือไหม

เหล่านี้ เป็นคำถามในใจ

ที่รอวันแสดงออก

หากไม่มีคำตอบ หรือมีแต่เป็นคำตอบที่สวนกระแสที่ประชาชนต้องการ

อะไรจะเกิดขึ้น

ไม่มีใครตอบได้


แต่ที่แน่ๆ

คนจำนวนหนึ่งเริ่มเป็นห่วงว่า

วิกฤตจะเกิดขึ้นอีกรอบ

สำหรับผม ฟันธงนับจากนี้ไป วันที่มีสมัชชาแห่งชาติ

และคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ


การเคลื่อนไหว ของมวลชนกลุ่มต่างๆ ทั้งเอาและไม่เอาทักษิณ จะขยายตัวรุนแรงยิ่งขึ้น

ข้อเรียกร้องสารพัดปัญหา จะเกิดขึ้น

การกดดัน ให้ คมช. และรัฐบาลต้องทำโน่นทำนี่ จะถี่ขึ้น

สาเหตุเพราะ คมช.ได้อาสาประชาชน เข้าไปแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมแทนพลังประชาชน

เมื่ออาสาแล้วต้องทำ

วันนี้พวกท่านเสมือนหนึ่งเป็นเทวดา ลงมาโปรดสัตว์

ของประชาชนจำนวนหนึ่ง


ความหวัง การรอคอย

ย่อมมีขอบเขต และความจำกัด

ความรักที่ประชาชนมอบให้มากมายเหลือคณานับ

ขอจงรักษาไว้ให้มั่น หากมันหลุดลอยไป

พลังของความรัก จะแปรเปลี่ยนเป็นพลังแห่งความคับแค้น

ถึงวันนั้นอะไรจะเกิด มันก็เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หน้าที่ของรัฐ คือต้องเข้าไปแก้ไข คลี่คลาย ทำให้ถูกต้องเป็นธรรม

เส้นแบ่งระหว่างทรราชกับเทวดา ของประชาชนอยู่ที่

สถานการณ์ ที่เป็นปัจจุบัน

จะพิสูจน์จุดยืน ทัศนะ ว่าท่านทำเพื่อใคร

วันนี้ พวกท่านจะพาประเทศไปทางไหน หากไม่ให้ประชาชนเข้าร่วม มีสิทธิ มีส่วน เส้นทางเดินของท่าน ก็จะไม่มีใครคอยระแวดระวังภัย ต่างๆ
ตามเส้นทางที่ยาวไกลได้


ท่านต้องเลือกจะอยู่กับประชาชน หรือแสวงหาอำนาจ เพื่อพวกพ้องของตนเอง

เค้าลางบางอย่างตอนนี้ โดยเฉพาะ การเลือกประธานสภา “มีนัย” ที่ผ่านมาไม่กี่วัน ก็เป็นอีกบทหนึ่งของความบ้องตื้น และสะท้อนวัฒนธรรมทาส

ทาสที่ยังไม่ยอมถูกปลดปล่อย

บอกตรงๆ ครับ

ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

กำลังโหลดความคิดเห็น