xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 36 ค่าของคนอยู่ที่ความเชื่อถือได้ (ตอน 1)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

พวกเราทั้งสี่คนไปมาหาสู่ กินข้าวกินปลา พักค้างแรมกันที่บ้านของเพื่อนๆ เป็นประจำ ทำให้เกิดความสนิทสนมคุ้นเคยกับญาติพี่น้องของแต่ละคนเป็นอย่างดี ถึงกระนั้นก็ยังมีการจำแนกการคบหาอยู่ดี

เพราะในขณะที่ผม ศิริศักดิ์ และมนูญผล ได้สาบานเป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกัน แต่กับไสยวิชญ์และวัจจนนท์ ถึงแม้จะมีความสนิทสนมไม่ต่างกัน แต่ก็หาได้เป็นเพื่อนร่วมน้ำสาบานกันไม่

แม้ว่าต่างคนต่างมีบ้านที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง แตกต่างจากผมซึ่งอาศัยวัด แต่ปรากฏว่าเพื่อนทั้งสี่คนรักที่จะมาหาผมที่วัดมากกว่าที่จะไปยังบ้านเพื่อนคนอื่น ซึ่งคงจะเกิดจากความรู้สึกว่าการมารวมตัวกันที่วัดระฆังเป็นอิสระมากกว่าที่บ้าน เพราะไม่ต้องวุ่นวายหรือรบกวนญาติพี่น้องทางบ้าน และที่วัดนั้นก็สงบและมีผู้คนไม่มาก เนื่องจากในวันหยุด พระมหาทรงธรรม์ก็ดี และพระเณรที่กุฏิธรรมนิวาสก็ดีมักจะมีกิจนิมนต์ไปข้างนอก

เมื่อพวกเรามาพบปะสังสรรค์กันที่วัดก็พูดคุยกันสารพัดเรื่อง นับเป็นเรื่องแปลกที่พวกเราแม้ยามนั้นต้องถือว่าเป็นห้วงเวลาของความเป็นวัยรุ่น น่าจะไปสรวลเสเฮฮาหรือสำมะเลเทเมาตามประสาสมัยนิยมของวัยรุ่น แต่พวกเรากลับไม่ค่อยคิดหรือสนใจที่จะไปเที่ยวเตร่เฮฮาตามประสาวัยรุ่นในขณะนั้นเลย

นี่คงเป็นอานิสงส์ของพระธรรมวินัยที่แผ่ปกป้องคุ้มครองวัดวาอารามในยุคนั้น ทำให้อิทธิพลของอบายมุขแผ่ปกคลุมเข้ามาไม่ถึง พวกเราจึงพลอยได้รับอานิสงส์นี้ ทำให้ห่างไกลออกไปจากอบายมุข และความเลวร้ายต่างๆ ทำให้วัยรุ่นของพวกเราดูผ่องแผ้ว สมแล้วที่พ่อได้ตั้งความปรารถนาให้ผมมาอยู่วัด

ผมค่อนข้างจะมีวิถีชีวิตความเป็นมาที่แตกต่างจากเพื่อน ดังนั้นเพื่อนที่สนิทจึงมักจะซักไซ้ไต่ถามความแต่หนหลัง ครั้นรู้ว่าผมมีความรู้เรื่องหมอดูก็พากันให้ผมดูหมอ ผมก็ดูให้ไปตามเรื่อง นานวันเข้าครูที่สอนหนังสือทั้งครูประจำชั้นและครูสอนวิชาอื่นก็ให้ผมไปดูหมอให้ เมื่อคำครูปากต่อปากเล่าลือกันไป ครูห้องอื่นชั้นอื่นก็ให้ผมไปดูหมอบ้าง เป็นเหตุให้ผมดูหมอให้กับครูแทบทุกคนของโรงเรียน ยกเว้นก็แต่ครูบุญยังซึ่งเป็นอาจารย์ใหญ่เท่านั้น

เพราะเหตุนี้ทั้งเพื่อนและครูจึงเรียกผมเป็นหมอดู และเรียกขานว่า “ไอ้หมอ” แทนที่จะเรียกชื่อตามปกติ ซึ่งอย่างไรเสียก็ดีกว่าที่จะถูกเอาชื่อพ่อมาเรียกล้อเล่นกัน เพราะในชั้นในรุ่นของผมยุคนั้น แทนที่จะเรียกขานชื่อตัวกลับไปเอาชื่อพ่อมาเรียกขานกันเป็นพื้น

ความที่เอาชื่อพ่อมาล้อเล่นเรียกกันเช่นนี้ บางทีก็ทำให้เกิดเหตุขัดเขินบ้าง เพราะพวกเราส่วนใหญ่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตาของพ่อเพื่อน ครั้นเพื่อนนั่งรถมากับพ่อหรือพาพ่อมาโรงเรียนแล้วพวกเรายังคงเรียกชื่อพ่อของเพื่อนโดยมีคำว่า “ไอ้” นำหน้า พอรู้ว่าเป็นพ่อก็หน้าตาเลิกลั่กไปเหมือนกัน

ผมเองก็เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาหนหนึ่ง คราวนั้นไปพบเพื่อนที่ชื่อพงษ์เทพโดยบังเอิญ ผมก็ตะโกนร้องเรียกว่า “เฮ้ย! ไอ้เท้ง” เพราะว่าพ่อของพงษ์เทพใช้ชื่อจีนว่า “เท้ง” เพื่อนผมสะดุ้งสุดตัว รีบร้องกลับมาว่า “เฮ้ย! กูมากับพ่อ” ผมก็ได้แต่หน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมไป

สำหรับครูบุญยังท่านไม่สนใจในเรื่องการดูหมอ เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ในทางพระพุทธศาสนา และมีวิชาครูที่น่าเลื่อมใสศรัทธา

ทุกวันเวลาเช้าเมื่อนักเรียนเข้าแถวเคารพธงชาติแล้วก็จะมีการสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยทุกเช้า วิฑูรย์เพื่อนใหม่ซึ่งมาจากสุพรรณบุรีทำหน้าที่เป็นผู้นำการสวดมนต์ จนเพื่อนฝูงพากันเรียกวิฑูรย์ว่ามัคนายกซึ่งค่อนข้างจะเหมาะสมกับบุคลิกและความเป็นอยู่ เนื่องจากวิฑูรย์มีบุคลิกลักษณะคล้ายกับมัคนายกจริงๆ และก็พักอาศัยอยู่ที่วัดเหมือนกับผมคือวัดชนะสงคราม

เมื่อเคารพธงชาติ สวดมนต์ ไหว้พระแล้ว ครูบุญยังก็จะอบรมสั่งสอนศิษย์เป็นประจำทุกวันด้วยน้ำเสียงที่องอาจกล้าหาญ เสียงดังฟังชัด เนื้อหาที่อบรมในแต่ละวันจะแตกต่างกันไป

แต่ก็รวมความได้ว่าครูใหญ่สอนให้ศิษย์เป็นคนดี สอนไม่ให้คบคนพาล สอนให้มีความอ่อนน้อม เคารพเชื่อฟังผู้หลักผู้ใหญ่ ให้ยึดมั่นในพระรัตนตรัย ไม่ให้เชื่อในเรื่องงมงายเหลวไหล สอนให้เชื่อในเรื่องกรรมว่าทำกรรมดีย่อมได้รับผลดี ทำกรรมชั่วย่อมได้รับผลชั่ว ใครทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลแห่งกรรมนั้น และไม่มีวันที่จะหลีกลี้หนีกรรมไปได้

ครูบุญยังย้ำเน้นการสอนเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นคน ให้มีความภาคภูมิใจที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ที่ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่คนอื่น ให้เป็นที่เชื่อถือวางใจของคนอื่น

ครูบุญยังมักย้ำว่าคนเราถ้าไม่มีเกียรติและขาดความเชื่อถือแล้ว คุณค่าความเป็นคนก็จะหมดสิ้นไป เพราะคนเราอยู่ในโลกคนเดียวไม่ได้ ต้องอยู่กันเป็นหมู่คณะ ต้องคบหาร่วมการงานกับคนอื่น ซึ่งต้องอาศัยเกียรติและความเชื่อถือ ดังนั้นค่าของคนที่แท้จริงจึงอยู่ที่เกียรติศักดิ์และความเชื่อถือได้ คำสอนของครูบุญยังในเรื่องนี้ผมยังจำมั่นไม่เคยลืมเลือนเลย

ครูบุญยังพูดถึงเทวดาฟ้าดินบ้างเป็นบางครั้ง แต่มักจะพูดอบรมสั่งสอนในลักษณะที่เป็นผลของความกตัญญู โดยครูบุญยังมักสอนว่าคนเราจะชั่วจะดีให้ดูที่ความกตัญญู ซึ่งตรงกับพุทธภาษิตบทหนึ่งที่ว่า ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี ใครมีความกตัญญูและกตเวทีต่อผู้มีพระคุณก็ย่อมเป็นที่รักและย่อมเป็นที่ทำนุบำรุงของคนทั้งปวง ถึงเทพยดาฟ้าดินก็จะทำนุบำรุงอุ้มชูคนที่มีความกตัญญูดังนี้

ครูบุญยังเป็นครูที่เชิดชูคนดี และคอยสดับตรับฟังการประพฤติปฏิบัติของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของโรงเรียนอยู่เสมอ ศิษย์คนไหนทำความดีไว้กับสังคมก็ดี กับโรงเรียนก็ดี หรือกับหน่วยงานรัฐบาลใดๆ ก็ดี ครูบุญยังก็จะเชิญมาและให้ออกมายืนหน้าเสาธงข้างๆ กับครู แล้วเล่าความพรรณนาถึงความดีอย่างละเอียดถี่ถ้วน และให้ศิษย์ทุกคนถือเป็นแบบอย่างในการทำตัวเป็นคนดี

ครูบุญยังรักความเป็นลูกเสือมาก แม้จะอยู่ในวัยปลายของชีวิตแต่ก็แต่งตัวในชุดลูกเสืออยู่เสมอ จนบางทีนักเรียนล้อเลียนอาจารย์ใหญ่ว่าเป็นคนคลั่งลูกเสือ เพราะฝักใฝ่ในกิจการของลูกเสือ ครูบุญยังจึงพร่ำสอนศิษย์อยู่เสมอให้ยึดมั่นในคติของลูกเสือคือเสียชีพอย่าเสียสัตย์

ผมเป็นคนที่สนใจฟังคำสั่งสอนของผู้หลักผู้ใหญ่ ดังนั้นแม้ด้วยวัยเดียวกัน แต่เพื่อนๆ มักจะไม่ค่อยสนใจสดับฟังคำสั่งสอนของครู เพราะรักที่จะพูดคุยกันเอง ในขณะที่ครูใหญ่อบรมสั่งสอน แต่ตัวผมนั้นมักตั้งใจสงบนิ่งฟังคำสั่งสอนของครูบุญยัง จนกลายเป็นถูกปลูกฝังความเป็นผู้สอนติดตัวมาถึงทุกวันนี้

ในบรรดาคำสั่งสอนของครูบุญยังนั้น มาถึงวันนี้ผมสรุปได้ว่าการทำตัวให้เป็นที่เชื่อถือของคนอื่นเป็นคำสั่งสอนที่มีคุณค่าอย่างยิ่งของชีวิต และด้วยคำสอนนี้จึงทำให้ผมได้รับโอกาสมากหลายในชีวิตที่ผ่านมา เป็นผลให้ชีวิตได้โลดแล่นอย่างราบรื่นตลอดมาด้วย

โปรดติดตามตอนที่ 36 “ค่าของคนอยู่ที่ความเชื่อถือได้ ตอน 2 (จบ)” ในวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น