โอม นะมะ ศิวะ โอม นะมะ ศิวะ โอม นะมะ ศิวะ!
ข้าน้อยขอก้มศิระกราบลงตรงหน้าศิลาอาสน์แห่งมหาศิวะเทพ พระผู้เป็นเจ้าแห่งไกรลาสสิงขร ผู้เป็นใหญ่ในไตรภพ
ข้าน้อยได้ยินว่าพระสมณะโคดมได้อบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ว่าการกล่าววาจาใดต้องเป็นการกล่าวความจริง ต้องเป็นการกล่าวในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต้องเป็นการกล่าวที่ต้องใจท่าน
การใดแม้เป็นความจริงแต่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงต้องใจท่าน การนั้นก็ไม่สมควรกล่าว
การใดแม้เป็นประโยชน์และต้องใจท่าน แต่หากไม่เป็นความจริง การนั้นก็ไม่สมควรกล่าว
การใดเป็นความจริง เป็นประโยชน์ แต่ไม่ต้องใจท่าน การนั้นย่อมต้องเลือกกาลที่จะกล่าว
พระสมณะโคดมได้ประกาศอย่างองอาจอีกว่าคำกล่าวของพระองค์นั้นเป็นอะกาลิโก ไม่ว่าในกาลไหน ๆ ย่อมเป็นความจริงอยู่ในทุกกาล ไม่มีพรหม เทพ มาร หรือมนุษย์ใดที่จะพลิกผันคำกล่าวของพระองค์ให้เป็นอื่นไปได้
ข้าน้อยศรัทธาเชื่อมั่นและเชื่อฟังคำแห่งพระสมณะโคดมนั้น แต่ทว่าคำอันจะกล่าวต่อพระเป็นเจ้า ณ บัดนี้แม้ว่าจะเลือกกาลอันควรที่จะกล่าวได้ แต่ก็ยากที่จะกล่าวกับมวลมนุษย์เป็นที่สุดแล้ว เพราะใครไหนได้ยินความฉะนี้ก็มีแต่จะติเตียนหาว่าข้าน้อยเป็นบ้าหรือสัญญาวิปลาสเป็นแน่แท้
แต่แม้ตระหนักปานนี้แล้ว สิยังเห็นว่าการอันจะกล่าวย่อมยังประโยชน์และความสุข ย่อมมีผลบรรเทาทุกข์และความขุ่นเข็ญที่เป็นอยู่ให้หายมลายสูญ ทั้งจะเป็นการเพิ่มพูนความสงบสุขและศานติแก่หมู่มวลมนุษย์ อันหาใช่ประโยชน์ใดของข้าน้อยไม่
เหตุดังนี้จึงจำที่ข้าน้อยจะต้องกราบกรานสวดอ้อนวอนเบื้องหน้าพระเป็นเจ้าแทนที่จะกล่าวกับมวลหมู่มนุษย์ ขอพระเป็นเจ้าผู้เป็นใหญ่ในไตรโลกได้ประทานโอกาสให้ข้าน้อยด้วยเถิด
หลายปีมานี้พญามารได้ผลาญชีวิตและสิทธิเสรีภาพของมนุษย์จนสุดที่จะกล่าว ความเดือดร้อนทุกข์เข็ญแผ่เป็นไปทุกหย่อมหญ้า อาณาประชาราษฎร์ แม้สมณะชีพราหมณ์มิอาจปฏิบัติธรรมได้โดยศานติ แม้ผู้ถือศีล ผู้กินเจ ยังต้องดำริถึงการเข่นฆ่าอาฆาต
แผ่นดินวิปลาสแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ราชการบ้านเมืองวิปริตผันแปร
ขอบขัณฑสีมาอันเคยร่มเย็นเป็นสุขเต็มไปด้วยทุกข์เข็ญ ดุจดังไฟประลัยกัลป์ที่องค์นารายณ์มหาเทพได้ประทานในยามใกล้จะสิ้นยุค
มวลหมู่มนุษย์พร่ำเรียกหาสันติ สวดมนต์อ้อนวอนขอพรต่อพระเป็นเจ้าได้ช่วยบำบัดทุกข์เข็ญจากร้อนให้เป็นเย็น จนพระเป็นเจ้าต้องประทานบุคคลผู้มีนามย่อว่า “S” และ “T” มาขับพญามาร ทำให้มวลหมู่มนุษย์พ้นภัยพาลไปได้ขั้นหนึ่ง
แต่นั้นมามวลมนุษย์ล้วนหวังว่าจะได้คณะสัปปุรุษผู้ปรีชาสามารถในการแผ่นดินที่จะคุ้มครองป้องกันไม่ให้ภัยแห่งพญามารหวนฟื้นคืนกลับมา สะสางปัญหาที่เหล่ามารได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับแผ่นดิน ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎร์ให้ถึงซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข
แต่กลับมีปลัดขิก 3-4 อันผสมผสานแทรกซึมเข้ามาทำผ้าขาวให้เปรอะเปื้อน ราวกับว่าแผ่นดินสิ้นที่จะหาคนดีปรีชาสามารถแล้วฉะนั้น
คนซื่อสัตย์รักภักดีต่อแผ่นดินก็เห็น ๆ กันอยู่ แต่ไฉนจึงถูกกันไปอยู่ในที่ไกล? ทั้ง ๆ ที่มีการสำคัญของบ้านเมืองต้องชำระสะสางและคุ้มครองป้องกัน
นี่มีมาแต่เหตุความแล้งน้ำใจ หรือว่าเป็นสัญญาณภัยแห่งความดับสูญในแผ่นดิน!
ไม่มีใครไหนมีน้ำใจใคร่เป็นกบเลือกนาย แต่ก็ไม่มีใครอยากได้ปลัดขิก เพราะยังเป็นยามที่เพิ่งผ่านยุคเข็ญ
พระอาทิตย์และพระจันทร์อันมีฤทธิ์อาจมัวหมองได้เพราะเมฆหมอกฉันใด ปลัดขิกไม่กี่อันก็อาจทำให้เกิดความมัวหมองได้ฉันนั้น
ทายาทบริวารพญามารและเครือข่ายอิทธิพลยังดิ้นรนฟื้นตัวทุกหัวระแหง ไหนเลยปลัดขิกจะคุ้มครองป้องกันภัยพาลนั้นได้
แม้ข้าน้อยจะหยั่งทราบด้วยบารมีญาณแห่งพระเป็นเจ้าที่แผ่มาแล้วว่าพญามารจะต้องถึงกาลพินาศทุกสถานด้วยบุคคลผู้มีอักษรย่อว่า “T” ก็ตามที แต่ข้าน้อยและมวลหมู่มนุษย์ไหนเลยจะหยั่งทราบน้ำใจพระมหาเทพว่าจะมีมา ณ เวลาใด
ในยามนี้หมู่มวลมนุษย์จึงมุ่งหวังตั้งความปรารถนาพึ่งพาพระเป็นเจ้าได้ปกป้องคุ้มครองมิให้ภัยแห่งพญามารฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นสำคัญ
โอ้! พระเป็นเจ้า โปรดประทานความกรุณาแต่อาณาประชาราษฎรด้วยเถิด
เพื่อจะยึดครองแผ่นดินเป็นถิ่นมาร พระเป็นเจ้าย่อมทราบด้วยเจโตปริยญาณ ทิพยโสต และทิพยจักษุกระจ่างแจ้งแล้วว่า เหล่าสมุนมารได้กระทำการไสยมากมายหลายสถาน
การทำลายรูปสักการะพระพรหมเป็นเจ้า นำเอาของอัปมงคลผสมผสานแปลงฝังไว้ข้างในแล้วประกอบขึ้นมาใหม่ หวังให้แผ่นดินนี้ล่มสลาย หวังให้มวลมนุษย์เดือดร้อนทุกข์เข็ญ ฆ่าฟันกันเอง หลังปราบดาตนเองขึ้นเป็นใหญ่ ยังมิได้รับการแก้ไข
การทำพิธีจัญไรเอาของสกปรกแห่งสตรีประกอบพิธีมัดตราสังข์พระหลักเมืองเพื่อไม่ให้แผ่บารมีปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองในยามทุกข์เข็ญเป็นการอุบาทว์นัก และจักทำลายบ้านเมืองถึงล่มจม สถาบันทั้งหลายย่อมเสื่อมสูญ
เดชะบุญนักรบแห่งศรีวิชัย ผู้เป็นสานุศิษย์แห่งขุนพันธรักษ์ราชเดช บรมครูแดนทักษิณต้องทำพิธีแก้ตราสังข์นี้ โดยพลีอายุขัย 12 ปีของผู้เป็นอาจารย์ให้ถึงกาลละสังขารลงในวัย 108 ปี หลังพิธีสำคัญไม่ทันนาน
แต่จนบัดนี้พระหลักเมืองยังอ่อนอิดโรยมิอาจแผ่บารมีปกป้องมวลหมู่มนุษย์ได้ดุจเดิม รอคอยพิธีบวงสรวงสังเวยอันศักดิ์สิทธิ์ และด้วยบุญฤทธิ์แห่งพระมหามณีรัตนปฏิมากร
บาปกรรมที่มารปลุกเสกสร้างพิธีไสยยกตนเทียบเสมอพระมหากษัตริย์ในพระอุโบสถได้ก่อเกิดอาเพศเหตุร้ายในแผ่นดินนานาประการ สรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย ได้บังเกิดเป็นหนุนแน่นเป็นขนัดดุจดังคลื่นในท้องพระสมุทร สุดที่จะซ้ำความทุกข์เข็ญให้เป็นไปในแผ่นดิน
ก็ยังคงรอผู้มีบารมีเป็นใหญ่ประกอบชัยมงคลการอันเป็นมงคลสำหรับแผ่นดิน เชิญเอามหาราชปริตรแห่งพระสมณะโคดมมาขจัดปัดเป่าคุ้มครองป้องกันท่ามกลางมหาสมาคมอันมีอัครมหาเถรเป็นประธาน
การเหล่านี้ยังมิดำเนินการตราบใด ความจัญไรอุบาทว์และวินาศทั้งปวงก็ยากที่จะสร่างหายคลายลงไป
พระเป็นเจ้าย่อมกระจ่างในพระทัยอันเปี่ยมด้วยอุเบกขาธรรมว่าบรรดาศิวลึงค์นั้นชั่ววันเวลาที่ผ่านมาก็หาได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องครองธรรมแต่ประการใดไม่ หน้าและหนังหนามิรู้เจ็บร้อนด้วยแผ่นดิน มิหนำยังร่วมกันร่วมเสพสันถวะกับเหล่ามารตลอดมา มินานเท่าใดก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วยอำนาจแห่งอามิสอีก
ข้าน้อยหวั่นใจเป็นยิ่งนักว่าคำกล่าวของเหล่าสมุนมารที่เคยประกาศว่า “ทุนนิยมแม้ชั่วช้า ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” ซึ่งเดิมไม่มีใครเชื่อถือว่าจะเป็นความจริงนั้น
หากการกระทำของบรรดาปลัดขิกได้ก่อเกิดเป็นหลักฐานอันมั่นคงให้คนทั้งปวงเชื่อว่า “ทุนนิยมแม้ชั่วช้า ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” อันเนื่องจากความล้าหลังได้บังเกิดกระจ่างและยังมีพฤติกรรมทำแบบแต่เดิมมาซ้ำเข้าไปอีก เมื่อนั้นอันตรายใหญ่หลวงย่อมยากจะแก้ไขให้ฟื้นคืนดีได้อีกแล้ว
ข้าน้อยหวั่นใจ วุ่นวายในใจมิอาจไขความนี้ต่อผู้ใด และไม่เห็นกาลไหนใครใดที่จะพึงกล่าว จึงหันมาพึ่งพระเป็นเจ้าได้ทราบความทุกข์ร้อนในอกของข้าน้อยนี้ด้วยเถิด
ขออำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งพระเป็นเจ้าได้ประทานพรให้คำกล่าวของข้าน้อยนี้เคลื่อนคล้อยไปตามสายลมในอำนาจของวายุเทพ ได้รู้ได้ยินไปยังผู้พึงได้รู้ได้ยินด้วยเทอญ
โอม นะมะ ศิวะ โอม นะมะ ศิวะ โอม นะมะ ศิวะ.
ข้าน้อยขอก้มศิระกราบลงตรงหน้าศิลาอาสน์แห่งมหาศิวะเทพ พระผู้เป็นเจ้าแห่งไกรลาสสิงขร ผู้เป็นใหญ่ในไตรภพ
ข้าน้อยได้ยินว่าพระสมณะโคดมได้อบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ว่าการกล่าววาจาใดต้องเป็นการกล่าวความจริง ต้องเป็นการกล่าวในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ต้องเป็นการกล่าวที่ต้องใจท่าน
การใดแม้เป็นความจริงแต่ไม่เป็นประโยชน์ ถึงต้องใจท่าน การนั้นก็ไม่สมควรกล่าว
การใดแม้เป็นประโยชน์และต้องใจท่าน แต่หากไม่เป็นความจริง การนั้นก็ไม่สมควรกล่าว
การใดเป็นความจริง เป็นประโยชน์ แต่ไม่ต้องใจท่าน การนั้นย่อมต้องเลือกกาลที่จะกล่าว
พระสมณะโคดมได้ประกาศอย่างองอาจอีกว่าคำกล่าวของพระองค์นั้นเป็นอะกาลิโก ไม่ว่าในกาลไหน ๆ ย่อมเป็นความจริงอยู่ในทุกกาล ไม่มีพรหม เทพ มาร หรือมนุษย์ใดที่จะพลิกผันคำกล่าวของพระองค์ให้เป็นอื่นไปได้
ข้าน้อยศรัทธาเชื่อมั่นและเชื่อฟังคำแห่งพระสมณะโคดมนั้น แต่ทว่าคำอันจะกล่าวต่อพระเป็นเจ้า ณ บัดนี้แม้ว่าจะเลือกกาลอันควรที่จะกล่าวได้ แต่ก็ยากที่จะกล่าวกับมวลมนุษย์เป็นที่สุดแล้ว เพราะใครไหนได้ยินความฉะนี้ก็มีแต่จะติเตียนหาว่าข้าน้อยเป็นบ้าหรือสัญญาวิปลาสเป็นแน่แท้
แต่แม้ตระหนักปานนี้แล้ว สิยังเห็นว่าการอันจะกล่าวย่อมยังประโยชน์และความสุข ย่อมมีผลบรรเทาทุกข์และความขุ่นเข็ญที่เป็นอยู่ให้หายมลายสูญ ทั้งจะเป็นการเพิ่มพูนความสงบสุขและศานติแก่หมู่มวลมนุษย์ อันหาใช่ประโยชน์ใดของข้าน้อยไม่
เหตุดังนี้จึงจำที่ข้าน้อยจะต้องกราบกรานสวดอ้อนวอนเบื้องหน้าพระเป็นเจ้าแทนที่จะกล่าวกับมวลหมู่มนุษย์ ขอพระเป็นเจ้าผู้เป็นใหญ่ในไตรโลกได้ประทานโอกาสให้ข้าน้อยด้วยเถิด
หลายปีมานี้พญามารได้ผลาญชีวิตและสิทธิเสรีภาพของมนุษย์จนสุดที่จะกล่าว ความเดือดร้อนทุกข์เข็ญแผ่เป็นไปทุกหย่อมหญ้า อาณาประชาราษฎร์ แม้สมณะชีพราหมณ์มิอาจปฏิบัติธรรมได้โดยศานติ แม้ผู้ถือศีล ผู้กินเจ ยังต้องดำริถึงการเข่นฆ่าอาฆาต
แผ่นดินวิปลาสแตกแยกออกเป็นเสี่ยง ราชการบ้านเมืองวิปริตผันแปร
ขอบขัณฑสีมาอันเคยร่มเย็นเป็นสุขเต็มไปด้วยทุกข์เข็ญ ดุจดังไฟประลัยกัลป์ที่องค์นารายณ์มหาเทพได้ประทานในยามใกล้จะสิ้นยุค
มวลหมู่มนุษย์พร่ำเรียกหาสันติ สวดมนต์อ้อนวอนขอพรต่อพระเป็นเจ้าได้ช่วยบำบัดทุกข์เข็ญจากร้อนให้เป็นเย็น จนพระเป็นเจ้าต้องประทานบุคคลผู้มีนามย่อว่า “S” และ “T” มาขับพญามาร ทำให้มวลหมู่มนุษย์พ้นภัยพาลไปได้ขั้นหนึ่ง
แต่นั้นมามวลมนุษย์ล้วนหวังว่าจะได้คณะสัปปุรุษผู้ปรีชาสามารถในการแผ่นดินที่จะคุ้มครองป้องกันไม่ให้ภัยแห่งพญามารหวนฟื้นคืนกลับมา สะสางปัญหาที่เหล่ามารได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้กับแผ่นดิน ทำนุบำรุงอาณาประชาราษฎร์ให้ถึงซึ่งความร่มเย็นเป็นสุข
แต่กลับมีปลัดขิก 3-4 อันผสมผสานแทรกซึมเข้ามาทำผ้าขาวให้เปรอะเปื้อน ราวกับว่าแผ่นดินสิ้นที่จะหาคนดีปรีชาสามารถแล้วฉะนั้น
คนซื่อสัตย์รักภักดีต่อแผ่นดินก็เห็น ๆ กันอยู่ แต่ไฉนจึงถูกกันไปอยู่ในที่ไกล? ทั้ง ๆ ที่มีการสำคัญของบ้านเมืองต้องชำระสะสางและคุ้มครองป้องกัน
นี่มีมาแต่เหตุความแล้งน้ำใจ หรือว่าเป็นสัญญาณภัยแห่งความดับสูญในแผ่นดิน!
ไม่มีใครไหนมีน้ำใจใคร่เป็นกบเลือกนาย แต่ก็ไม่มีใครอยากได้ปลัดขิก เพราะยังเป็นยามที่เพิ่งผ่านยุคเข็ญ
พระอาทิตย์และพระจันทร์อันมีฤทธิ์อาจมัวหมองได้เพราะเมฆหมอกฉันใด ปลัดขิกไม่กี่อันก็อาจทำให้เกิดความมัวหมองได้ฉันนั้น
ทายาทบริวารพญามารและเครือข่ายอิทธิพลยังดิ้นรนฟื้นตัวทุกหัวระแหง ไหนเลยปลัดขิกจะคุ้มครองป้องกันภัยพาลนั้นได้
แม้ข้าน้อยจะหยั่งทราบด้วยบารมีญาณแห่งพระเป็นเจ้าที่แผ่มาแล้วว่าพญามารจะต้องถึงกาลพินาศทุกสถานด้วยบุคคลผู้มีอักษรย่อว่า “T” ก็ตามที แต่ข้าน้อยและมวลหมู่มนุษย์ไหนเลยจะหยั่งทราบน้ำใจพระมหาเทพว่าจะมีมา ณ เวลาใด
ในยามนี้หมู่มวลมนุษย์จึงมุ่งหวังตั้งความปรารถนาพึ่งพาพระเป็นเจ้าได้ปกป้องคุ้มครองมิให้ภัยแห่งพญามารฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นสำคัญ
โอ้! พระเป็นเจ้า โปรดประทานความกรุณาแต่อาณาประชาราษฎรด้วยเถิด
เพื่อจะยึดครองแผ่นดินเป็นถิ่นมาร พระเป็นเจ้าย่อมทราบด้วยเจโตปริยญาณ ทิพยโสต และทิพยจักษุกระจ่างแจ้งแล้วว่า เหล่าสมุนมารได้กระทำการไสยมากมายหลายสถาน
การทำลายรูปสักการะพระพรหมเป็นเจ้า นำเอาของอัปมงคลผสมผสานแปลงฝังไว้ข้างในแล้วประกอบขึ้นมาใหม่ หวังให้แผ่นดินนี้ล่มสลาย หวังให้มวลมนุษย์เดือดร้อนทุกข์เข็ญ ฆ่าฟันกันเอง หลังปราบดาตนเองขึ้นเป็นใหญ่ ยังมิได้รับการแก้ไข
การทำพิธีจัญไรเอาของสกปรกแห่งสตรีประกอบพิธีมัดตราสังข์พระหลักเมืองเพื่อไม่ให้แผ่บารมีปกป้องคุ้มครองบ้านเมืองในยามทุกข์เข็ญเป็นการอุบาทว์นัก และจักทำลายบ้านเมืองถึงล่มจม สถาบันทั้งหลายย่อมเสื่อมสูญ
เดชะบุญนักรบแห่งศรีวิชัย ผู้เป็นสานุศิษย์แห่งขุนพันธรักษ์ราชเดช บรมครูแดนทักษิณต้องทำพิธีแก้ตราสังข์นี้ โดยพลีอายุขัย 12 ปีของผู้เป็นอาจารย์ให้ถึงกาลละสังขารลงในวัย 108 ปี หลังพิธีสำคัญไม่ทันนาน
แต่จนบัดนี้พระหลักเมืองยังอ่อนอิดโรยมิอาจแผ่บารมีปกป้องมวลหมู่มนุษย์ได้ดุจเดิม รอคอยพิธีบวงสรวงสังเวยอันศักดิ์สิทธิ์ และด้วยบุญฤทธิ์แห่งพระมหามณีรัตนปฏิมากร
บาปกรรมที่มารปลุกเสกสร้างพิธีไสยยกตนเทียบเสมอพระมหากษัตริย์ในพระอุโบสถได้ก่อเกิดอาเพศเหตุร้ายในแผ่นดินนานาประการ สรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย ได้บังเกิดเป็นหนุนแน่นเป็นขนัดดุจดังคลื่นในท้องพระสมุทร สุดที่จะซ้ำความทุกข์เข็ญให้เป็นไปในแผ่นดิน
ก็ยังคงรอผู้มีบารมีเป็นใหญ่ประกอบชัยมงคลการอันเป็นมงคลสำหรับแผ่นดิน เชิญเอามหาราชปริตรแห่งพระสมณะโคดมมาขจัดปัดเป่าคุ้มครองป้องกันท่ามกลางมหาสมาคมอันมีอัครมหาเถรเป็นประธาน
การเหล่านี้ยังมิดำเนินการตราบใด ความจัญไรอุบาทว์และวินาศทั้งปวงก็ยากที่จะสร่างหายคลายลงไป
พระเป็นเจ้าย่อมกระจ่างในพระทัยอันเปี่ยมด้วยอุเบกขาธรรมว่าบรรดาศิวลึงค์นั้นชั่ววันเวลาที่ผ่านมาก็หาได้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความถูกต้องครองธรรมแต่ประการใดไม่ หน้าและหนังหนามิรู้เจ็บร้อนด้วยแผ่นดิน มิหนำยังร่วมกันร่วมเสพสันถวะกับเหล่ามารตลอดมา มินานเท่าใดก็ย่อมเปลี่ยนไปด้วยอำนาจแห่งอามิสอีก
ข้าน้อยหวั่นใจเป็นยิ่งนักว่าคำกล่าวของเหล่าสมุนมารที่เคยประกาศว่า “ทุนนิยมแม้ชั่วช้า ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” ซึ่งเดิมไม่มีใครเชื่อถือว่าจะเป็นความจริงนั้น
หากการกระทำของบรรดาปลัดขิกได้ก่อเกิดเป็นหลักฐานอันมั่นคงให้คนทั้งปวงเชื่อว่า “ทุนนิยมแม้ชั่วช้า ยังดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง” อันเนื่องจากความล้าหลังได้บังเกิดกระจ่างและยังมีพฤติกรรมทำแบบแต่เดิมมาซ้ำเข้าไปอีก เมื่อนั้นอันตรายใหญ่หลวงย่อมยากจะแก้ไขให้ฟื้นคืนดีได้อีกแล้ว
ข้าน้อยหวั่นใจ วุ่นวายในใจมิอาจไขความนี้ต่อผู้ใด และไม่เห็นกาลไหนใครใดที่จะพึงกล่าว จึงหันมาพึ่งพระเป็นเจ้าได้ทราบความทุกข์ร้อนในอกของข้าน้อยนี้ด้วยเถิด
ขออำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งพระเป็นเจ้าได้ประทานพรให้คำกล่าวของข้าน้อยนี้เคลื่อนคล้อยไปตามสายลมในอำนาจของวายุเทพ ได้รู้ได้ยินไปยังผู้พึงได้รู้ได้ยินด้วยเทอญ
โอม นะมะ ศิวะ โอม นะมะ ศิวะ โอม นะมะ ศิวะ.