ปัญหาการเมืองวุ่นและเศรษฐกิจแย่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกลุ่มวิตามินรวม ล่าสุดจีเอ็นซีนำเข้าสินค้า 2 ตัวใหม่เม็กก้าเมนและเม็กก้าวูเม็น หวังดันยอดขายเพิ่มอีก15-20% พร้อมเล็งทำตลาดกลุ่มลูกค้าเด็กลงหรืออายุ 20-30 ปี แย้มแผนปีหน้าเล็งลงทุนสาขาเพิ่ม 5 แห่ง อาทิ สมุยและเอสพานาร์ด ภายใต้งบ 15 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปีหน้าเพิ่มขึ้น 20%
นางสาวจันทร์สิริ กุลวราพร กรรมการบริหาร บริษัท เอสเอสยูพี โทแทล เวลเนส จำกัด ผู้บริหารธุรกิจศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจไม่ดีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มวิตามินรวมที่พบว่ามีอัตราการเติบโตขึ้น 20% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 234 ล้านบาทและยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี ดังนั้นบริษัทฯจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดจึงได้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2 ตัว ได้แก่ เม็กก้าเมน(Megamen) และเม็กก้าวูเม็น (Megawomen) ผลิตภัณฑ์วิตามินรวมและแร่ธาตุเหมาะสมกับความต้องการของผู้ชายและผู้หญิง โดยสินค้ามี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดบรรจุ 30 เม็ดราคา 500 บาทและขนาด 60 เม็ดราคา 900 บาท
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้บริษัทฯได้เตรียมงบทางการตลาดไว้ 10 ล้านบาทในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ อาทิ จัดรายการพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 8 ปีของจีเอ็นซีประเทศไทย โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าจีเอ็นซีชิ้นที่ 2ในราคาลด 50% เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังว่าสินค้าใหม่จะช่วยผลักดันยอดรายได้เติบโตขึ้น15-20%
ประกอบกับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไปบริษัทฯมีแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปสู่คนที่มีอายุน้อยลงหรืออายุ 20-30ปี อาทิ นักศึกษามหาวิทยาลัยและคนเพิ่งทำงานที่สนใจสุขภาพ เป็นต้น เนื่องจากพบว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น สังเกตได้จากจำนวนคนที่เข้าฟิตเนสและทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมากขึ้น โดยบริษัทฯตั้งเป้าไว้ว่าภายในไตรมาสแรกปีหน้าสัดส่วนลูกค้าอายุ 20 -30ปีจะมีเพิ่มขึ้น 20-25%
ปัจจุบันจีเอ็นซีมีสมาชิกทั่วประเทศอยู่กว่า 3 หมื่นราย แบ่งเป็นอายุ 20-30 ปีมีสัดส่วน10-15% , อายุ 30-40 ปีซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักมีสัดส่วน 35% และอายุ40ปีมีสัดส่วน 55% ทั้งนี้จีเอ็นซีตั้งเป้าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นทุกหรือปีละประมาณ 10%
ด้านช่องทางจำหน่ายสินค้าจีเอ็นซีปัจจุบันมีอยู่ 25 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 21 แห่งและต่างจังหวัด 4 แห่ง ได้แก่ ที่พัทยา,เชียงใหม่,พัทยา และหาดใหญ่ ล่าสุดบริษัทฯเตรียมเปิดสาขาที่ 26 เพิ่มที่เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่าในช่วงเดือนพฤศจิกายน2549นี้ ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ร้านด้วย ขณะที่แผนลงทุนในปีหน้าบริษัทฯเตรียมเปิดร้านจีเอ็นซีเพิ่มอีก 5 แห่ง อาทิ สมุยและที่เหลือเน้นกรุงเทพฯ เช่น โครงการเอสพานาร์ดที่คาดว่าจะเปิดได้ช่วงต้นปี
สำหรับยอดรายได้ของจีเอ็นซีในประเทศไทยปีนี้คาดหวังที่ 180 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตขึ้น10% โดยสินค้าที่ขายดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เอสเตอร์ ซี 1000 มิลลิกรัม,เวย์ โปรตีน (เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ) และแคลเซี่ยม แคลซิเมท พลัส ทั้งนี้ยอดรายได้ของจีเอ็นซีคิดเป็นสัดส่วน10-15% ของยอดรายได้รวมของเอสเอสยูพีกรุ๊ปที่มีกว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดหวังยอดขายจีเอ็นซีจะมีเพิ่มขึ้นอีก 20%
นางสาวจันทร์สิริ กุลวราพร กรรมการบริหาร บริษัท เอสเอสยูพี โทแทล เวลเนส จำกัด ผู้บริหารธุรกิจศูนย์รวมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจีเอ็นซี ในประเทศไทย เปิดเผยว่า ปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจไม่ดีไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากนัก โดยเฉพาะในกลุ่มวิตามินรวมที่พบว่ามีอัตราการเติบโตขึ้น 20% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 234 ล้านบาทและยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี ดังนั้นบริษัทฯจึงเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดจึงได้นำเข้าผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2 ตัว ได้แก่ เม็กก้าเมน(Megamen) และเม็กก้าวูเม็น (Megawomen) ผลิตภัณฑ์วิตามินรวมและแร่ธาตุเหมาะสมกับความต้องการของผู้ชายและผู้หญิง โดยสินค้ามี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาดบรรจุ 30 เม็ดราคา 500 บาทและขนาด 60 เม็ดราคา 900 บาท
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้บริษัทฯได้เตรียมงบทางการตลาดไว้ 10 ล้านบาทในการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์ รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมการขายในรูปแบบต่างๆ อาทิ จัดรายการพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 8 ปีของจีเอ็นซีประเทศไทย โดยลูกค้าจะได้รับสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าจีเอ็นซีชิ้นที่ 2ในราคาลด 50% เป็นต้น ทั้งนี้บริษัทฯคาดหวังว่าสินค้าใหม่จะช่วยผลักดันยอดรายได้เติบโตขึ้น15-20%
ประกอบกับแผนการดำเนินธุรกิจต่อจากนี้ไปบริษัทฯมีแผนขยายฐานกลุ่มลูกค้าเป้าหมายไปสู่คนที่มีอายุน้อยลงหรืออายุ 20-30ปี อาทิ นักศึกษามหาวิทยาลัยและคนเพิ่งทำงานที่สนใจสุขภาพ เป็นต้น เนื่องจากพบว่าคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น สังเกตได้จากจำนวนคนที่เข้าฟิตเนสและทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีมากขึ้น โดยบริษัทฯตั้งเป้าไว้ว่าภายในไตรมาสแรกปีหน้าสัดส่วนลูกค้าอายุ 20 -30ปีจะมีเพิ่มขึ้น 20-25%
ปัจจุบันจีเอ็นซีมีสมาชิกทั่วประเทศอยู่กว่า 3 หมื่นราย แบ่งเป็นอายุ 20-30 ปีมีสัดส่วน10-15% , อายุ 30-40 ปีซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักมีสัดส่วน 35% และอายุ40ปีมีสัดส่วน 55% ทั้งนี้จีเอ็นซีตั้งเป้าจำนวนสมาชิกจะเพิ่มขึ้นทุกหรือปีละประมาณ 10%
ด้านช่องทางจำหน่ายสินค้าจีเอ็นซีปัจจุบันมีอยู่ 25 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 21 แห่งและต่างจังหวัด 4 แห่ง ได้แก่ ที่พัทยา,เชียงใหม่,พัทยา และหาดใหญ่ ล่าสุดบริษัทฯเตรียมเปิดสาขาที่ 26 เพิ่มที่เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่าในช่วงเดือนพฤศจิกายน2549นี้ ภายใต้งบลงทุนสาขาละ 3 ล้านบาท ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับขนาดพื้นที่ร้านด้วย ขณะที่แผนลงทุนในปีหน้าบริษัทฯเตรียมเปิดร้านจีเอ็นซีเพิ่มอีก 5 แห่ง อาทิ สมุยและที่เหลือเน้นกรุงเทพฯ เช่น โครงการเอสพานาร์ดที่คาดว่าจะเปิดได้ช่วงต้นปี
สำหรับยอดรายได้ของจีเอ็นซีในประเทศไทยปีนี้คาดหวังที่ 180 ล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตขึ้น10% โดยสินค้าที่ขายดีสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เอสเตอร์ ซี 1000 มิลลิกรัม,เวย์ โปรตีน (เกี่ยวกับกล้ามเนื้อ) และแคลเซี่ยม แคลซิเมท พลัส ทั้งนี้ยอดรายได้ของจีเอ็นซีคิดเป็นสัดส่วน10-15% ของยอดรายได้รวมของเอสเอสยูพีกรุ๊ปที่มีกว่า 2 พันล้านบาท ขณะที่ปีหน้าคาดหวังยอดขายจีเอ็นซีจะมีเพิ่มขึ้นอีก 20%