บิ๊ก คาเมร่า ปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่รุกตลาดเชนร้านกล้องดิจิตอล หลังดำเนินธุรกิจครบ 10 ปี ยกระดับบริการ ขยายไลน์สินค้าฟูลโปรดักต์ ปรับสาขาเดิมสู่แลปดิจิตอลร่วมมือกับฟูจิไปแล้วกว่า 15 สาขา คาดปีนี้จะเปิดสาขาได้ครบ 97 แห่ง พร้อมโชว์แฟลกชิปสโตร์ที่เซ็นทรัลเวิลด์ปลายปีนี้ เผยปีนี้ยอดขายสู่ 1 พันล้านบาท จากปีที่แล้วทำได้ 800 ล้านบาท
นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านบิ๊กคาเมร่า ซึ่งเป็นเชนร้านจำหน่ายกล้องและอุปกรณ์กล้องรายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ หลังจากที่เปิดดำเนินงานมาครบ 10 ปี ซึ่งได้เริ่มทำแล้วและคาดว่าจะเต็มที่ในต้นปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของตลาดรวมกล้องที่เปลี่ยนไป
โดยแนวทางหลักๆนั้น ในเรื่องของสาขาจะไม่เน้นการขยายสาขาใหม่ๆมากเกินไปนัก โดยไม่กำหนดตายตัวว่าจะเปิดเท่าใด ขึ้นอยู่กับโอกาสและทำเลที่เหมาะสม ซึ่งจะยังคงลงทุนเองทั้งหมดไม่มีการขายแฟรนไชส์ รวมทั้งจะขยายไลน์สินค้าไปสู่ระดับพรีเมี่ยมและสินค้ามือโปรมากขึ้น และการปรับตัวเข้าสู่แลปดิจิตอล
ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาบิ๊กคาเมร่ารวมทั้งสิ้น 90 สาขา คาดว่าสิ้นปีนี้จะขยายให้ครบเป็น 97 สาขา โดยจะมีสาขาใหญ่เป็นแฟลกชิปสโตร์เปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ เดือนธันวาคมนี้ ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร มีบริการและจำหน่ายกล้องและอุปกรณ์เสริมครบ ขณะเดียวกันปีนี้เองก็ได้ทยอยปรับสาขาเก่าบางแห่งให้เป็นแลปดิจิตอลของฟูจิฟรอนเทียร์แล้ว 15 สาขา ซึ่งมีทั้งบริการล้างอัดภาพด้วยระบบดิจิตอลด้วย ซึ่งเป็นบริการใหม่เพิ่งเริ่มทำปีนี้เอง และคาดว่าสิ้นปีนี้จะปรับได้รวมเป็น 22 แลป
สาขาของบิ๊กคาเมร่านั้นส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยส่วนใหญ่จะเปิดอยู่ในโมเดิร์นเทรดบริเวณพื้นที่ที่เป็นพลาซ่า เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ คาร์ฟูร์ บิ๊กซี ( สองค่ายนี้จะมีเพียงร้านบิ๊กคาเมร่าแบรนด์เดียวที่เปิดอยู่ในพื้นที่พลาซ่า) เทสโก้โลตัส ซึ่งมี 9 สาขาแล้ว และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มในเทสโก้โลตัสสิ้นปีนี้อีก 2 สาขาเป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าตามลักษณะของการใช้งาน ซึ่งในส่วนของกลุ่มลูกค้าระดับบนหรือสำหรับช่างภาพมืออาชีพจะมี “Big Camera Professional Solution”เป็นศูนย์บริการและจำหน่ายสินค้าสำหรับลูกค้าระดับมืออาชีพเช่น กล้องดีเอสแอลอาร์ เลนส์ ไฟแฟลช กระเป๋ากล้อง ขาตั้งกล้อง อุปกรณ์เสริมต่างๆ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 7 สาขาคือที่ เซ็นทรัลสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา แอร์พอร์ทเชียงใหม่ เฟสติวัลพัทยา เฟสติวัลภูเก็ต และเดอะมอลล์บางกะปิ
ส่วนการขยายไลน์สินค้าเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโปรเฟชชันนัลมากขึ้นนั้น ได้เริ่มทยอยปรับแล้ว 5 สาขาในปีนี้ ปีหน้าวางแผนที่จะปรับอีก 15 สาขา ซึ่งการขยายไลน์สินค้าและบริการใหม่ๆเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ได้เริ่มทยอยนำเข้ามาบริการและจำหน่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การบริการล้างอัดภาพด้วยระบบดิจิตอล จากเดิมที่เน้นการจำหน่ายกล้องเป็นหลัก การเพิ่มสินค้าใหม่ๆเข้ามาเช่น ขายเครื่องเล่นเอ็มพี3 เครื่องไอพอด แคมคอร์เดอร์ เลนส์ที่จะมีครบไลน์สินค้า เป็นต้น นายชาญกล่าวด้วยว่า จากนี้ไปบริษัทฯจะทำการตลาดมากขึ้น โดยปีนี้ตั้งงบการตลาดไว้ที่ 20 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 12 ล้านบาท โดย 3 ไตรมาสแรกปีนี้ใช้ไปแล้ว 10 ล้านบาท ส่วนอีก 10 ล้านบาทจะใช้ไตรมาสสุดท้ายนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการขายสินค้า ล่าสุดได้จัดรายการส่งเสริมการขายใหญ่ครบรอบ 10 ปี ลุ้นรับรางวัลใหญ่ โตโยต้ายาริส 1 คัน และรางวัลอื่น รวมทั้งร่วมมือกับบัตรเครดิตหลายรายเช่น เคทีซี ทำเงินผ่อนพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน เริ่มกลางเดือนนี้ถึงปลายเดือนหน้า
ในปีหน้าจะมีการทำตลาดด้วยการออกโรดโชว์ไปตามสาขาต่างๆที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ร่วมกับทางแบรนด์กล้องทั้งหลาย เพื่อกระตุ้นตลาด
นอกจากนี้ยังได้ขยายแบรนด์เนมใหม่ๆเพิ่มล่าสุดคือ กล้องโซนี่ ซึ่งแต่เดิมไม่มีแบรนด์โซนี่ จำหน่ายในร้านบิ๊กคาเมร่า ซึ่งการที่ได้แบรนด์โซนี่เข้ามาจำหน่ายนั้นคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายรวมเพิ่มได้มากขึ้น เนื่องจากว่า ปัจจุบันโซนี่เป็นอันดับหนึ่งในตลาดรวมกล้องดิจิตอลมีแชร์มากกว่า 20% รองลงมาเช่น แคนอน แชร์ 15% ฟูจิ ซัมซุง ไล่เลี่ยกัน 10% จากตลาดรวมกล้องดิจิตอลปีนี้ที่คาดว่าจะมีประมาณ 9 แสนตัว เพิ่มขึ้น 20-30% จากปีที่แล้วที่ตลาดรวม 6.5 แสนตัว แต่ปีหน้าคาดว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลจะโตแค่ 10-15%
สำหรับกล้องดีเอสแอลอาร์ นั้น ปีที่แล้วตลาดรวมมีประมาณ 18,000 ตัว เติบโต 20% แต่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะมีประมาณ 24,000 ตัว หรือเติบโต40% ขณะที่บิ๊กคาเมร่ามีแชร์ในการจำหน่ายตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ 10-15% และหากพิจารณาถึงยอดจำหน่ายกล้องดิจิตอลรวมทั้งหมด บิ๊กคาเมร่าจะมียอดจำหน่ายที่มีแชร์ในตลาดประมาณ 10-15%
นายชาญกล่าวว่า จากกลยุทธ์การตลาดและการปรับแนวทางการดำเนินงานใหม่นี้ คาดว่าจะส่งผลให้ยอดรายได้รวมของบริษัทฯเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปีนี้ เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 800 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายของบริษัทฯนั้นจะมาจาก กล้องดิจิตอลเป็นหลักกว่า 80% (ในจำนวนนี้จะมาจากกล้องดีเอลแอลอาร์ 5% ) ส่วนอีก 20% ที่เหลือนั้นมาจากรายได้กล้องซิงเกิ้งเลนส์ใช้ฟิล์ม อุปกรณ์เสริม และอื่นๆ
นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจร้านบิ๊กคาเมร่า ซึ่งเป็นเชนร้านจำหน่ายกล้องและอุปกรณ์กล้องรายใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจใหม่ หลังจากที่เปิดดำเนินงานมาครบ 10 ปี ซึ่งได้เริ่มทำแล้วและคาดว่าจะเต็มที่ในต้นปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของตลาดรวมกล้องที่เปลี่ยนไป
โดยแนวทางหลักๆนั้น ในเรื่องของสาขาจะไม่เน้นการขยายสาขาใหม่ๆมากเกินไปนัก โดยไม่กำหนดตายตัวว่าจะเปิดเท่าใด ขึ้นอยู่กับโอกาสและทำเลที่เหมาะสม ซึ่งจะยังคงลงทุนเองทั้งหมดไม่มีการขายแฟรนไชส์ รวมทั้งจะขยายไลน์สินค้าไปสู่ระดับพรีเมี่ยมและสินค้ามือโปรมากขึ้น และการปรับตัวเข้าสู่แลปดิจิตอล
ปัจจุบันบริษัทฯมีสาขาบิ๊กคาเมร่ารวมทั้งสิ้น 90 สาขา คาดว่าสิ้นปีนี้จะขยายให้ครบเป็น 97 สาขา โดยจะมีสาขาใหญ่เป็นแฟลกชิปสโตร์เปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ เดือนธันวาคมนี้ ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร มีบริการและจำหน่ายกล้องและอุปกรณ์เสริมครบ ขณะเดียวกันปีนี้เองก็ได้ทยอยปรับสาขาเก่าบางแห่งให้เป็นแลปดิจิตอลของฟูจิฟรอนเทียร์แล้ว 15 สาขา ซึ่งมีทั้งบริการล้างอัดภาพด้วยระบบดิจิตอลด้วย ซึ่งเป็นบริการใหม่เพิ่งเริ่มทำปีนี้เอง และคาดว่าสิ้นปีนี้จะปรับได้รวมเป็น 22 แลป
สาขาของบิ๊กคาเมร่านั้นส่วนใหญ่จะกระจายอยู่ในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด สัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยส่วนใหญ่จะเปิดอยู่ในโมเดิร์นเทรดบริเวณพื้นที่ที่เป็นพลาซ่า เช่น เซ็นทรัล เดอะมอลล์ คาร์ฟูร์ บิ๊กซี ( สองค่ายนี้จะมีเพียงร้านบิ๊กคาเมร่าแบรนด์เดียวที่เปิดอยู่ในพื้นที่พลาซ่า) เทสโก้โลตัส ซึ่งมี 9 สาขาแล้ว และเตรียมที่จะเปิดเพิ่มในเทสโก้โลตัสสิ้นปีนี้อีก 2 สาขาเป็นต้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้ยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าตามลักษณะของการใช้งาน ซึ่งในส่วนของกลุ่มลูกค้าระดับบนหรือสำหรับช่างภาพมืออาชีพจะมี “Big Camera Professional Solution”เป็นศูนย์บริการและจำหน่ายสินค้าสำหรับลูกค้าระดับมืออาชีพเช่น กล้องดีเอสแอลอาร์ เลนส์ ไฟแฟลช กระเป๋ากล้อง ขาตั้งกล้อง อุปกรณ์เสริมต่างๆ ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 7 สาขาคือที่ เซ็นทรัลสาขาลาดพร้าว ปิ่นเกล้า บางนา แอร์พอร์ทเชียงใหม่ เฟสติวัลพัทยา เฟสติวัลภูเก็ต และเดอะมอลล์บางกะปิ
ส่วนการขยายไลน์สินค้าเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นโปรเฟชชันนัลมากขึ้นนั้น ได้เริ่มทยอยปรับแล้ว 5 สาขาในปีนี้ ปีหน้าวางแผนที่จะปรับอีก 15 สาขา ซึ่งการขยายไลน์สินค้าและบริการใหม่ๆเพิ่มขึ้นนั้น ขณะนี้ได้เริ่มทยอยนำเข้ามาบริการและจำหน่ายแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การบริการล้างอัดภาพด้วยระบบดิจิตอล จากเดิมที่เน้นการจำหน่ายกล้องเป็นหลัก การเพิ่มสินค้าใหม่ๆเข้ามาเช่น ขายเครื่องเล่นเอ็มพี3 เครื่องไอพอด แคมคอร์เดอร์ เลนส์ที่จะมีครบไลน์สินค้า เป็นต้น นายชาญกล่าวด้วยว่า จากนี้ไปบริษัทฯจะทำการตลาดมากขึ้น โดยปีนี้ตั้งงบการตลาดไว้ที่ 20 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 12 ล้านบาท โดย 3 ไตรมาสแรกปีนี้ใช้ไปแล้ว 10 ล้านบาท ส่วนอีก 10 ล้านบาทจะใช้ไตรมาสสุดท้ายนี้ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการขายสินค้า ล่าสุดได้จัดรายการส่งเสริมการขายใหญ่ครบรอบ 10 ปี ลุ้นรับรางวัลใหญ่ โตโยต้ายาริส 1 คัน และรางวัลอื่น รวมทั้งร่วมมือกับบัตรเครดิตหลายรายเช่น เคทีซี ทำเงินผ่อนพิเศษ ดอกเบี้ย 0% นาน 10 เดือน เริ่มกลางเดือนนี้ถึงปลายเดือนหน้า
ในปีหน้าจะมีการทำตลาดด้วยการออกโรดโชว์ไปตามสาขาต่างๆที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ร่วมกับทางแบรนด์กล้องทั้งหลาย เพื่อกระตุ้นตลาด
นอกจากนี้ยังได้ขยายแบรนด์เนมใหม่ๆเพิ่มล่าสุดคือ กล้องโซนี่ ซึ่งแต่เดิมไม่มีแบรนด์โซนี่ จำหน่ายในร้านบิ๊กคาเมร่า ซึ่งการที่ได้แบรนด์โซนี่เข้ามาจำหน่ายนั้นคาดว่าจะช่วยผลักดันยอดขายรวมเพิ่มได้มากขึ้น เนื่องจากว่า ปัจจุบันโซนี่เป็นอันดับหนึ่งในตลาดรวมกล้องดิจิตอลมีแชร์มากกว่า 20% รองลงมาเช่น แคนอน แชร์ 15% ฟูจิ ซัมซุง ไล่เลี่ยกัน 10% จากตลาดรวมกล้องดิจิตอลปีนี้ที่คาดว่าจะมีประมาณ 9 แสนตัว เพิ่มขึ้น 20-30% จากปีที่แล้วที่ตลาดรวม 6.5 แสนตัว แต่ปีหน้าคาดว่าตลาดรวมกล้องดิจิตอลจะโตแค่ 10-15%
สำหรับกล้องดีเอสแอลอาร์ นั้น ปีที่แล้วตลาดรวมมีประมาณ 18,000 ตัว เติบโต 20% แต่คาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะมีประมาณ 24,000 ตัว หรือเติบโต40% ขณะที่บิ๊กคาเมร่ามีแชร์ในการจำหน่ายตลาดกล้องดีเอสแอลอาร์ 10-15% และหากพิจารณาถึงยอดจำหน่ายกล้องดิจิตอลรวมทั้งหมด บิ๊กคาเมร่าจะมียอดจำหน่ายที่มีแชร์ในตลาดประมาณ 10-15%
นายชาญกล่าวว่า จากกลยุทธ์การตลาดและการปรับแนวทางการดำเนินงานใหม่นี้ คาดว่าจะส่งผลให้ยอดรายได้รวมของบริษัทฯเพิ่มเป็น 1,000 ล้านบาทในปีนี้ เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 800 ล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายของบริษัทฯนั้นจะมาจาก กล้องดิจิตอลเป็นหลักกว่า 80% (ในจำนวนนี้จะมาจากกล้องดีเอลแอลอาร์ 5% ) ส่วนอีก 20% ที่เหลือนั้นมาจากรายได้กล้องซิงเกิ้งเลนส์ใช้ฟิล์ม อุปกรณ์เสริม และอื่นๆ