ทรท.มีมติให้"พงศ์เทพ"ทาบทาม"จาตุรนต์"นั่งรักษาการหัวหน้าพรรคด้าน"จาตุรนต์"ยื่นเงื่อนไข พรรคต้องให้อำนาจในการตัดสินใจ ย้ำไม่ขอเป็นตัวแทนใคร "สุริยะ"ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคแล้ว
เมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้(11ต.ค.)ที่พรรคไทยรักไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงถึงการสรรหาบุคคลดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่า จากการหารือของกรรมการบริหารพรรคที่เหลืออยู่ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยประสงค์ให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองหัวหน้าพรรคอันดับ 2 เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค หลังจากที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคอันดับ 1 ปฏิเสธไม่รับตำแหน่ง ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า นายจาตุรนต์เป็นนักประชาธิปไตย มีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยมอบหมายให้ตนเป็นผู้ไปทาบทามนายจาตุรนต์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในวันที่ 13 ต.ค. โดยก่อนหน้านี้ส่วนตัวได้เคยพูดคุยถึงภารกิจในการเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคกับนายจาตุรนต์ในเบื้องต้นแล้ว
สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)หลังจากพ้นตำแหน่งนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ในส่วนนี้พรรคอาจดำเนินการให้หากเจ้าตัวเซ็นมอบอำนาจมา คาดว่าจะดำเนินการได้วันศุกร์นี้ หลังจากมีรักษาการหัวหน้าพรรค ที่จะเป็นผู้เซ็นเอกสารต่างๆของพรรคในช่วงนี้ สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีนั้น จะต้องยื่นแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ภายใน 45 วัน หลังพ้นตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะไปดำเนินการ
ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าแกนนำพรรคเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ตนเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค แต่ก่อนหน้านี้ ได้เคยพูดคุยกับนายพงศ์เทพ และคุณหญิงสุดารัตน์บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยเรื่องการทำหน้าที่รักษาการของกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งความชัดเจนการบริหารงานที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน สำหรับคนที่ยังอยู่กับพรรคจริงๆ ส่วนแนวทางการทำงาน ที่ตนยึดถือมาตลอดคือ การต้องทำพรรคแบบประชาธิปไตย และไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของ คปค.ซึ่งต้องรอดูว่า แกนนำของพรรค รับข้อเสนอ แนวคิดของตนได้หรือไม่ และเข้าใจสอดคล้องแค่ไหน เพราะหากไม่เข้าใจ จะทำให้คิดว่า เราไปเห็นดีเห็นงามกับการดำเนินงานของคปค.แล้วจะมาว่าตนว่าทำพรรคเพื่อสนับสนุนคนยึดอำนาจ
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ถ้าหากจะให้ ตนทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคจริงๆ ก็ต้องให้มีอำนาจในการตัดสินใจ การทำหน้าที่ในตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ซึ่งตนยืนยันว่า จะไม่เป็นตัวแทนของใคร ถ้าหากรับในแนวคิดของตนได้ ก็คงจะเป็นไปแนวทางนี้ และถ้าหากมีเรื่องใดที่ต้องตัดสินใจในนามรักษาการกรรมการบริหารพรรคตนจะเคารพความคิดเห็นนั้นเช่นกัน
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายทะเบียน พรรคไทยรักไทย แถลงถึงจำนวนอดีตส.ส.และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ลาออกจากพรรค ว่า จนถึงขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 93 คน โดยเป็นการลาออกจากสมาชิกพรรค 57 คน และ ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค 36 คน โดยล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรค ได้ส่งใบลาออกมาถึงตนเมื่อช่วงบ่าย(11ต.ค.) แต่ในหนังสือลาออก ลงวันที่ 10 ต.ค. โดยให้สาเหตุการลาออกเพียงสั้นๆว่า เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค ได้ลาออกจากตำแหน่ง จึงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งตนได้ส่งสำเนาแจ้งต่อนายสุริยะ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นความผูกพันกับพรรคถือว่ายุติ
นายชูชัย มุ่งเจริญพร อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคไทยรักไทย ในฐานะคนใกล้ชิดนายสุริยะ กล่าวว่า การลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสุริยะ จะช่วยทำให้สถานการณ์บ้านเมืองผ่อนคลายลง และคงทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะตั้งแต่แกนนำพรรคไทยรักไทยทยอยลาออก บรรยากาศทางการเมืองก็ไม่ตึงเครียด และมีแนวโน้มไปสู่ความสมานฉันท์ ซึ่งขณะนี้เข้าใจว่า กลุ่มวังน้ำยม ได้ทยอยลาออกจากพรรคเกือบครบร้อยคนแล้ว ส่วนอนาคตทางการเมืองนั้นต้องหารือกันระหว่างนายสุริยะ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม ซึ่งจะติดตามว่า พรรคจะถูกยุบตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ หลังจากนั้นถึงจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินกิจกรรมอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ปิดหนทางว่า จะเข้าไปสังกัดพรรคไทยรักไทยอีก
เมื่อเวลา 15.30 น.วานนี้(11ต.ค.)ที่พรรคไทยรักไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงถึงการสรรหาบุคคลดำรงตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่า จากการหารือของกรรมการบริหารพรรคที่เหลืออยู่ ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ โดยประสงค์ให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองหัวหน้าพรรคอันดับ 2 เป็นรักษาการหัวหน้าพรรค หลังจากที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคอันดับ 1 ปฏิเสธไม่รับตำแหน่ง ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่า นายจาตุรนต์เป็นนักประชาธิปไตย มีคุณสมบัติเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยมอบหมายให้ตนเป็นผู้ไปทาบทามนายจาตุรนต์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในวันที่ 13 ต.ค. โดยก่อนหน้านี้ส่วนตัวได้เคยพูดคุยถึงภารกิจในการเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคกับนายจาตุรนต์ในเบื้องต้นแล้ว
สำหรับการยื่นบัญชีทรัพย์สินของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)หลังจากพ้นตำแหน่งนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ในส่วนนี้พรรคอาจดำเนินการให้หากเจ้าตัวเซ็นมอบอำนาจมา คาดว่าจะดำเนินการได้วันศุกร์นี้ หลังจากมีรักษาการหัวหน้าพรรค ที่จะเป็นผู้เซ็นเอกสารต่างๆของพรรคในช่วงนี้ สำหรับอดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตรัฐมนตรีนั้น จะต้องยื่นแสดงทรัพย์สินต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ภายใน 45 วัน หลังพ้นตำแหน่ง ซึ่งถือเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะไปดำเนินการ
ด้านนายจาตุรนต์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าแกนนำพรรคเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ตนเป็นรักษาการหัวหน้าพรรค แต่ก่อนหน้านี้ ได้เคยพูดคุยกับนายพงศ์เทพ และคุณหญิงสุดารัตน์บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยเรื่องการทำหน้าที่รักษาการของกรรมการบริหารพรรค รวมทั้งความชัดเจนการบริหารงานที่ต้องตัดสินใจร่วมกัน สำหรับคนที่ยังอยู่กับพรรคจริงๆ ส่วนแนวทางการทำงาน ที่ตนยึดถือมาตลอดคือ การต้องทำพรรคแบบประชาธิปไตย และไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจของ คปค.ซึ่งต้องรอดูว่า แกนนำของพรรค รับข้อเสนอ แนวคิดของตนได้หรือไม่ และเข้าใจสอดคล้องแค่ไหน เพราะหากไม่เข้าใจ จะทำให้คิดว่า เราไปเห็นดีเห็นงามกับการดำเนินงานของคปค.แล้วจะมาว่าตนว่าทำพรรคเพื่อสนับสนุนคนยึดอำนาจ
นายจาตุรนต์ กล่าวด้วยว่า ถ้าหากจะให้ ตนทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคจริงๆ ก็ต้องให้มีอำนาจในการตัดสินใจ การทำหน้าที่ในตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ซึ่งตนยืนยันว่า จะไม่เป็นตัวแทนของใคร ถ้าหากรับในแนวคิดของตนได้ ก็คงจะเป็นไปแนวทางนี้ และถ้าหากมีเรื่องใดที่ต้องตัดสินใจในนามรักษาการกรรมการบริหารพรรคตนจะเคารพความคิดเห็นนั้นเช่นกัน
นายสมาน เลิศวงศ์รัฐ ผู้อำนวยการฝ่ายทะเบียน พรรคไทยรักไทย แถลงถึงจำนวนอดีตส.ส.และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ลาออกจากพรรค ว่า จนถึงขณะนี้มีจำนวนทั้งสิ้น 93 คน โดยเป็นการลาออกจากสมาชิกพรรค 57 คน และ ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค 36 คน โดยล่าสุด นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรค ได้ส่งใบลาออกมาถึงตนเมื่อช่วงบ่าย(11ต.ค.) แต่ในหนังสือลาออก ลงวันที่ 10 ต.ค. โดยให้สาเหตุการลาออกเพียงสั้นๆว่า เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค ได้ลาออกจากตำแหน่ง จึงขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งตนได้ส่งสำเนาแจ้งต่อนายสุริยะ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นความผูกพันกับพรรคถือว่ายุติ
นายชูชัย มุ่งเจริญพร อดีต ส.ส.สุรินทร์ พรรคไทยรักไทย ในฐานะคนใกล้ชิดนายสุริยะ กล่าวว่า การลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสุริยะ จะช่วยทำให้สถานการณ์บ้านเมืองผ่อนคลายลง และคงทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ไม่ต้องมาพะวงหน้าพะวงหลัง เพราะตั้งแต่แกนนำพรรคไทยรักไทยทยอยลาออก บรรยากาศทางการเมืองก็ไม่ตึงเครียด และมีแนวโน้มไปสู่ความสมานฉันท์ ซึ่งขณะนี้เข้าใจว่า กลุ่มวังน้ำยม ได้ทยอยลาออกจากพรรคเกือบครบร้อยคนแล้ว ส่วนอนาคตทางการเมืองนั้นต้องหารือกันระหว่างนายสุริยะ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มวังน้ำยม ซึ่งจะติดตามว่า พรรคจะถูกยุบตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้หรือไม่ หลังจากนั้นถึงจะตัดสินใจอีกครั้งว่าจะดำเนินกิจกรรมอย่างไร แต่ก็ไม่ได้ปิดหนทางว่า จะเข้าไปสังกัดพรรคไทยรักไทยอีก