ความพยายามในการกอบกู้ระบอบทักษิณได้เริ่มต้นขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวฟ้าดิน!!!!
“ผู้หญิงคนสำคัญในพรรคไทยรักไทย” ถึงขนาดเหิมเกริมออกมาแอบอ้างเบื้องสูง ว่า สนับสนุนให้พรรคไทยรักไทยรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลชุดปัจจุบันและ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และประกาศพร้อมที่จ่ายเงินเดือนให้กับเหล่าแกนนำพรรคและ ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็นคนละ 2 แสนบาท เพื่อสยบการเคลื่อนไหวและแรงกระเพื่อมอย่างหนักหน่วงในพรรคไทยรักไทย
ผสมปนเปกับข่าวว่ามีคนในระบอบทักษิณแทรกซึมอยู่ในรัฐบาล “สุรยุทธ์ 1” ได้เป็นผลสำเร็จ!!!
จึงไม่น่าแปลกใจหรอกที่สายตาประชาชนจำนวนมากนั้นจับจ้องไปรายชื่อรัฐมนตรีบางคนที่เคยทำงานใกล้ชิดอยู่กับรัฐบาลชุดที่แล้วหรือเคยอุ้มชูลูกหลานหรือเครือญาติ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาได้ทำงานอยู่ในรัฐบาล “สุรยุทธ์ 1” อยู่ในขณะนี้
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์, นายนิตย์ พิบูลสงคราม, นายวิจิตร ศรีสะอ้าน, นายอารีย์ วงศ์อารยะ และนายธีระ สูตะบุตร คือรายชื่อที่มีภาคประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 รายหลัง
นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะที่นายธีระ สูตะบุตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็น 2 กระทรวงหลักที่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งในปีหน้า
กระทรวงมหาดไทยเกี่ยวข้องกับการเมืองและข้าราชการท้องถิ่นที่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งในปีหน้า ในขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็เกี่ยวพันกับภาคประชาชนที่มีโครงการประชานิยมจากระบอบทักษิณมอมเมาให้เสพติดหนี้สินและการแจกเงินจากโครงการต่างๆ จนโงหัวไม่ขึ้น อีกทั้งยังเป็นกระทรวงที่ประชาชนและสื่อสารมวลชนมีความเคลือบแคลงในการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และภาคประชาชนจึงจะต้องพิจารณาจับตาการเคลื่อนไหวของทั้ง 2 กระทรวงอย่างใกล้ชิด!!!!
นอกจากคนในระบอบทักษิณที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดแล้ว การที่รัฐบาลชุดนี้มาจากอดีตข้าราชการและอดีตปลัดกระทรวงต่างๆ มาทำงานเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดความรู้สึกสงสัยในเรื่องความฉับไวและการกล้าตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่สั่งสมมาเป็นเวลา 5 ปีเต็ม ให้สำเร็จลุล่วงเป็นส่วนใหญ่ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีได้หรือไม่ !!!?
ที่สำคัญไปกว่านั้นจะต้องไม่ประมาทการกระพือข่าวของ “กลุ่มซ้ายเก่า” ในระบอบทักษิณที่รอเวลาเพื่อพิสูจน์ในความเชื่อของตัวเองว่า “ทุนที่ชั่วช้า ดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง”
เพราะถ้าประชาชนเกิดเชื่อไปตามนี้ว่าเป็นเรื่องจริงเมื่อใด ก็อาจทำให้รัฐบาล “สุรยุทธ์ 1” สั่นคลอนหรืออาจจะทำให้ระดับของการสั่นคลอนสูงไปกว่านั้นก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราบใดที่ยังไม่ได้มีการปฏิรูปสื่อสารมวลชนให้พูดถึงความชั่วร้ายอีกด้านหนึ่งของระบอบทักษิณให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศได้รับรู้
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากองคมนตรี จึงต้องตระหนักและกำกับดูแลคณะรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด เพราะการทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีครั้งนี้มีเดิมพันสูงสุด และต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อมิให้มีใครมาทำร้ายพูดจาให้เสื่อมเสียต่อสถาบันหลักของชาติด้วย
ขั้นต่ำสุดคือรัฐบาลชุดนี้จะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ตั้ง และเป็นคณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถ สูงสุดยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถสะสางปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองได้เป็นผลสำเร็จ
ประชาชนพร้อมให้กำลังใจและให้โอกาสในการทำงานได้อย่างน้อย 3 เดือน จึงค่อยมาทบทวนประเมินผลงานของรัฐบาลชุดนี้!!!
สำหรับระบอบทักษิณ จะกลับมาได้หรือไม่ คงไม่มีใครทราบได้ หันซ้ายขวาไม่รู้จะไปถามใครได้ เลยถือโอกาสไปทบทวนคำทำนายของหมอดูท่านหนึ่งชื่อ นายกิจจา ทวีกุลกิจ (หมอนิด) ที่ใช้วิธีสัมผัสด้วยฌานผสมกับวิชาดูดวงของจีน ได้ทำนายอนาคตเอาไว้ตั้งแต่ “วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549” จนในที่สุดเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามที่ได้ทำนายมาแล้วอย่างเหลือเชื่อ
“ปี 2549 เป็นต้นไป จะไม่มีชื่อ “นายกฯ ทักษิณ” ถึงจะเข้ามาเป็นก็เป็นได้ไม่นาน ขอให้ท่านระวังสุขภาพและชีวิตของท่านด้วย เพราะดวงของท่านตกยาวถึงปี พ.ศ. 2551 รับรองว่า “ไม่มีโผล่” ในปีดังกล่าวอย่างแน่นอน 100% ถึงแม้ว่าท่านจะมีทหาร ตำรวจอยู่ในกำมือ แต่นายกฯ ลืมนึกไปว่าตำรวจ ทหารอีก 80% ไม่ได้อยู่ในกำมือของท่าน เพราะตำรวจ ทหารที่ว่าเป็น “ข้าของแผ่นดิน” ไม่ได้เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ขอให้ท่านนายกฯ ทักษิณ โปรดอย่างฝืน “กฎแห่งกรรม” เลยเพราะท่านไม่สามารถฟันฝ่าไปได้หรอก
หนทางชีวิตของนายกฯ ทักษิณในขณะนี้มีอยู่ 3 ทางคือ 1. ลาออกและวางมือจากการเมืองท่านจะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ยอมข้อแรกนี้ 2. ทหารจะทำการปฏิวัติ จับกุมและยึดทรัพย์ของท่าน 3.ท่านและครอบครัวต้องออกนอกประเทศ หรืออาจมีอันตรายถึงชีวิต”
หมดนิด ได้ทำนายในตอนนั้นต่อว่า "พรรคไทยรักไทย" ก็จะตกต่ำเรื่อยๆ และมีสิทธิ์สูญพันธุ์ไปเลย บุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทยจะลาออกหลายคน และต่อไปนี้คงจะยากที่จะหาคนที่มีฝีมือเข้าพรรคไทยรักไทย กลุ่มวังต่างๆ จะแตกกระเจิงกระจายไปคนละทิศคนละทาง
ทหารจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง และจัดการกับรัฐบาลของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่มาจัดการกับผู้ชุมนุม ขบวนการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้น
ระวังการชุมนุมขับไล่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะลามไปถึงการ ขับไล่องค์กรอิสระ และหน่วยงานอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การครอบงำของผู้มีอำนาจ
ทหารจะมีการแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายหนึ่งคุ้มครองบุคคล กับอีกฝ่ายหนึ่งคุ้มครองแผ่นดิน ผลสุดท้ายฝ่ายที่พิทักษ์แผ่นดินจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะอย่างแน่นอน
นี่คือคำทำนายตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งยังไม่มีวี่แววเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกับทุกวันนี้ นับว่าน่าทึ่งในความแม่นยำอยู่ไม่น้อย!!!?
หมอนิดได้ทำนายต่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้มีการชุมนุมของพันธมิตรฯ แล้ว และหลายฝ่ายก็เชื่อว่าน่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 อย่างแน่นอน ตอนนั้นหมอนิดทำนายเอาไว้ว่า
“รักษาการในชุดปัจจุบัน ใกล้โผบินออกจากรัง (รัฐสภา) แบบไปไม่กลับในเร็วๆ นี้ ซึ่งคิดว่าคงจะเป็นเดือนสิงหาคม หรือกันยายนนี้ แต่อย่างช้าก็คงจะไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ แต่สรุปว่า “ไปแน่ นาย” เพราะ จะมี “รัฐบาลแห่งชาติ” หรือรัฐบาลจาก “ฟ้า” ประทานมา จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่เกิดขึ้น ในเร็วๆ นี้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์”
“ถึงอย่างไรการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น”
ทำให้ใครต่อใครอดสงสัยต่อไปไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจะมีอะไรอีก ปรากฏว่าหมอนิดได้ทำนายเอาไว้และสามารถสรุปคำทำนายบางส่วนที่น่าสนใจดังนี้
หนึ่ง ขบวนการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้นและคนไทยคงจะได้เห็นคนระดับรัฐมนตรี ต้องถูกฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย (28 กุมภาพันธ์ 2549)
สอง การเมืองยังไม่เข้าที่เข้าทาง ยังไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร ยังคงวุ่นวายอีกสักระยะหนึ่ง เพราะมีตัวก่อกวน สร้างความวุ่นวาย “ส่วนด้านเศรษฐกิจก็ยังไม่ดี ยังไม่ ฟื้นในระยะเวลาอันสั้น เพราะสะดุดทรุดหนักมานาน ต้องใช้เวลาสักระยะ ใหญ่ ๆ โดยผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งดูแลกระทรวงหลัก ๆ เช่น คมนาคม พาณิชย์ อุตสาหกรรม คลัง และเกษตรฯ จะเหนื่อยมากๆ ซึ่งดวงของคนเหล่านี้มีผลโดยตรงกับประเทศ (2 ตุลาคม 2549)
สาม การรับตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้จะได้รับการยอมรับทั้งจากคนในประเทศและต่างประเทศ ครม. ก็จะได้คนดี-มีฝีมือ-ดวงดีมาช่วย โดยเฉพาะในกระทรวงหลักๆ ประชาชนจะไม่ผิดหวัง อาจจะมีในบางตำแหน่งที่ได้คนที่ประชาชนไม่ถูกใจ 1-2 คน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ต่อจากนี้นายกฯ คนใหม่จะเดินทางทั้งในประเทศ-ต่างประเทศมากเป็นพิเศษ (2 ตุลาคม 2549)
สี่ รัฐบาลที่เกิดขึ้นใหม่จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ สักปีหรือปีครึ่งเสร็จแล้วถึงจะมีการเลือกตั้งจริง ซึ่งถึงต้องนั้นค่อยมาว่ากันว่าพรรคไหนเป็นอย่างไร แต่น่าเสียดายที่ไม่มีพรรคไทยรักไทยอยู่แล้ว!!! (18 กรกฎาคม 2549)
ห้า นับถอยหลังกันได้แล้วสำหรับ “ข้า (รับใช้) ราชการ” บางคน กรรมกำลังเดินทางมาหาท่าน เตรียมมุ้งไว้หรือเตรียมหายากันยุงไว้เถอะ นักการเมืองหลายคน ระวังเตรียมตัว โดน (18 กรกฎาคม 2549)
ใครเชื่อคำทำนายเช่นนี้แล้วสบายใจขึ้นก็ขอเชิญเชื่อตามอัธยาศัย ส่วนคนในระบอบทักษิณเห็นว่าเรื่องคำทำนายเช่นนี้เป็นเรื่องไร้สาระ ก็ไม่ว่ากัน
หรือใครยังอยากจะอยู่ในพรรคไทยรักไทย หรือเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ก็ขอเชิญตามสบาย :-
“ผู้หญิงคนสำคัญในพรรคไทยรักไทย” ถึงขนาดเหิมเกริมออกมาแอบอ้างเบื้องสูง ว่า สนับสนุนให้พรรคไทยรักไทยรวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับรัฐบาลชุดปัจจุบันและ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และประกาศพร้อมที่จ่ายเงินเดือนให้กับเหล่าแกนนำพรรคและ ส.ส.เพิ่มขึ้นเป็นคนละ 2 แสนบาท เพื่อสยบการเคลื่อนไหวและแรงกระเพื่อมอย่างหนักหน่วงในพรรคไทยรักไทย
ผสมปนเปกับข่าวว่ามีคนในระบอบทักษิณแทรกซึมอยู่ในรัฐบาล “สุรยุทธ์ 1” ได้เป็นผลสำเร็จ!!!
จึงไม่น่าแปลกใจหรอกที่สายตาประชาชนจำนวนมากนั้นจับจ้องไปรายชื่อรัฐมนตรีบางคนที่เคยทำงานใกล้ชิดอยู่กับรัฐบาลชุดที่แล้วหรือเคยอุ้มชูลูกหลานหรือเครือญาติ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาได้ทำงานอยู่ในรัฐบาล “สุรยุทธ์ 1” อยู่ในขณะนี้
นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์, นายนิตย์ พิบูลสงคราม, นายวิจิตร ศรีสะอ้าน, นายอารีย์ วงศ์อารยะ และนายธีระ สูตะบุตร คือรายชื่อที่มีภาคประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 รายหลัง
นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในขณะที่นายธีระ สูตะบุตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็น 2 กระทรวงหลักที่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งในปีหน้า
กระทรวงมหาดไทยเกี่ยวข้องกับการเมืองและข้าราชการท้องถิ่นที่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งในปีหน้า ในขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็เกี่ยวพันกับภาคประชาชนที่มีโครงการประชานิยมจากระบอบทักษิณมอมเมาให้เสพติดหนี้สินและการแจกเงินจากโครงการต่างๆ จนโงหัวไม่ขึ้น อีกทั้งยังเป็นกระทรวงที่ประชาชนและสื่อสารมวลชนมีความเคลือบแคลงในการทุจริตคอร์รัปชันในโครงการต่างๆ ที่ผ่านมา
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และภาคประชาชนจึงจะต้องพิจารณาจับตาการเคลื่อนไหวของทั้ง 2 กระทรวงอย่างใกล้ชิด!!!!
นอกจากคนในระบอบทักษิณที่จะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดแล้ว การที่รัฐบาลชุดนี้มาจากอดีตข้าราชการและอดีตปลัดกระทรวงต่างๆ มาทำงานเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดความรู้สึกสงสัยในเรื่องความฉับไวและการกล้าตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาวิกฤตต่างๆ ที่สั่งสมมาเป็นเวลา 5 ปีเต็ม ให้สำเร็จลุล่วงเป็นส่วนใหญ่ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปีได้หรือไม่ !!!?
ที่สำคัญไปกว่านั้นจะต้องไม่ประมาทการกระพือข่าวของ “กลุ่มซ้ายเก่า” ในระบอบทักษิณที่รอเวลาเพื่อพิสูจน์ในความเชื่อของตัวเองว่า “ทุนที่ชั่วช้า ดีกว่าศักดินาที่ล้าหลัง”
เพราะถ้าประชาชนเกิดเชื่อไปตามนี้ว่าเป็นเรื่องจริงเมื่อใด ก็อาจทำให้รัฐบาล “สุรยุทธ์ 1” สั่นคลอนหรืออาจจะทำให้ระดับของการสั่นคลอนสูงไปกว่านั้นก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราบใดที่ยังไม่ได้มีการปฏิรูปสื่อสารมวลชนให้พูดถึงความชั่วร้ายอีกด้านหนึ่งของระบอบทักษิณให้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศได้รับรู้
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ ในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากองคมนตรี จึงต้องตระหนักและกำกับดูแลคณะรัฐมนตรีอย่างใกล้ชิด เพราะการทำหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีครั้งนี้มีเดิมพันสูงสุด และต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อมิให้มีใครมาทำร้ายพูดจาให้เสื่อมเสียต่อสถาบันหลักของชาติด้วย
ขั้นต่ำสุดคือรัฐบาลชุดนี้จะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เป็นที่ตั้ง และเป็นคณะรัฐมนตรีที่มีความสามารถ สูงสุดยิ่งไปกว่านั้นคือสามารถสะสางปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองได้เป็นผลสำเร็จ
ประชาชนพร้อมให้กำลังใจและให้โอกาสในการทำงานได้อย่างน้อย 3 เดือน จึงค่อยมาทบทวนประเมินผลงานของรัฐบาลชุดนี้!!!
สำหรับระบอบทักษิณ จะกลับมาได้หรือไม่ คงไม่มีใครทราบได้ หันซ้ายขวาไม่รู้จะไปถามใครได้ เลยถือโอกาสไปทบทวนคำทำนายของหมอดูท่านหนึ่งชื่อ นายกิจจา ทวีกุลกิจ (หมอนิด) ที่ใช้วิธีสัมผัสด้วยฌานผสมกับวิชาดูดวงของจีน ได้ทำนายอนาคตเอาไว้ตั้งแต่ “วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549” จนในที่สุดเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นตามที่ได้ทำนายมาแล้วอย่างเหลือเชื่อ
“ปี 2549 เป็นต้นไป จะไม่มีชื่อ “นายกฯ ทักษิณ” ถึงจะเข้ามาเป็นก็เป็นได้ไม่นาน ขอให้ท่านระวังสุขภาพและชีวิตของท่านด้วย เพราะดวงของท่านตกยาวถึงปี พ.ศ. 2551 รับรองว่า “ไม่มีโผล่” ในปีดังกล่าวอย่างแน่นอน 100% ถึงแม้ว่าท่านจะมีทหาร ตำรวจอยู่ในกำมือ แต่นายกฯ ลืมนึกไปว่าตำรวจ ทหารอีก 80% ไม่ได้อยู่ในกำมือของท่าน เพราะตำรวจ ทหารที่ว่าเป็น “ข้าของแผ่นดิน” ไม่ได้เป็นของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ขอให้ท่านนายกฯ ทักษิณ โปรดอย่างฝืน “กฎแห่งกรรม” เลยเพราะท่านไม่สามารถฟันฝ่าไปได้หรอก
หนทางชีวิตของนายกฯ ทักษิณในขณะนี้มีอยู่ 3 ทางคือ 1. ลาออกและวางมือจากการเมืองท่านจะดีที่สุด แต่ถ้าไม่ยอมข้อแรกนี้ 2. ทหารจะทำการปฏิวัติ จับกุมและยึดทรัพย์ของท่าน 3.ท่านและครอบครัวต้องออกนอกประเทศ หรืออาจมีอันตรายถึงชีวิต”
หมดนิด ได้ทำนายในตอนนั้นต่อว่า "พรรคไทยรักไทย" ก็จะตกต่ำเรื่อยๆ และมีสิทธิ์สูญพันธุ์ไปเลย บุคคลสำคัญของพรรคไทยรักไทยจะลาออกหลายคน และต่อไปนี้คงจะยากที่จะหาคนที่มีฝีมือเข้าพรรคไทยรักไทย กลุ่มวังต่างๆ จะแตกกระเจิงกระจายไปคนละทิศคนละทาง
ทหารจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลง และจัดการกับรัฐบาลของนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่มาจัดการกับผู้ชุมนุม ขบวนการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้น
ระวังการชุมนุมขับไล่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร จะลามไปถึงการ ขับไล่องค์กรอิสระ และหน่วยงานอื่นๆ ที่อยู่ภายใต้การครอบงำของผู้มีอำนาจ
ทหารจะมีการแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย คือฝ่ายหนึ่งคุ้มครองบุคคล กับอีกฝ่ายหนึ่งคุ้มครองแผ่นดิน ผลสุดท้ายฝ่ายที่พิทักษ์แผ่นดินจะเป็นฝ่ายกำชัยชนะอย่างแน่นอน
นี่คือคำทำนายตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2549 ซึ่งยังไม่มีวี่แววเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกับทุกวันนี้ นับว่าน่าทึ่งในความแม่นยำอยู่ไม่น้อย!!!?
หมอนิดได้ทำนายต่ออีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2549 ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้มีการชุมนุมของพันธมิตรฯ แล้ว และหลายฝ่ายก็เชื่อว่าน่าจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 อย่างแน่นอน ตอนนั้นหมอนิดทำนายเอาไว้ว่า
“รักษาการในชุดปัจจุบัน ใกล้โผบินออกจากรัง (รัฐสภา) แบบไปไม่กลับในเร็วๆ นี้ ซึ่งคิดว่าคงจะเป็นเดือนสิงหาคม หรือกันยายนนี้ แต่อย่างช้าก็คงจะไม่เกินเดือนตุลาคมนี้ แต่สรุปว่า “ไปแน่ นาย” เพราะ จะมี “รัฐบาลแห่งชาติ” หรือรัฐบาลจาก “ฟ้า” ประทานมา จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่เกิดขึ้น ในเร็วๆ นี้แน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์”
“ถึงอย่างไรการเลือกตั้งในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น”
ทำให้ใครต่อใครอดสงสัยต่อไปไม่ได้ว่าเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจะมีอะไรอีก ปรากฏว่าหมอนิดได้ทำนายเอาไว้และสามารถสรุปคำทำนายบางส่วนที่น่าสนใจดังนี้
หนึ่ง ขบวนการยึดทรัพย์จะเกิดขึ้นและคนไทยคงจะได้เห็นคนระดับรัฐมนตรี ต้องถูกฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลมาเป็นประวัติศาสตร์ชาติไทย (28 กุมภาพันธ์ 2549)
สอง การเมืองยังไม่เข้าที่เข้าทาง ยังไม่ค่อยสดใสเท่าที่ควร ยังคงวุ่นวายอีกสักระยะหนึ่ง เพราะมีตัวก่อกวน สร้างความวุ่นวาย “ส่วนด้านเศรษฐกิจก็ยังไม่ดี ยังไม่ ฟื้นในระยะเวลาอันสั้น เพราะสะดุดทรุดหนักมานาน ต้องใช้เวลาสักระยะ ใหญ่ ๆ โดยผู้ที่จะเข้ามารับตำแหน่งดูแลกระทรวงหลัก ๆ เช่น คมนาคม พาณิชย์ อุตสาหกรรม คลัง และเกษตรฯ จะเหนื่อยมากๆ ซึ่งดวงของคนเหล่านี้มีผลโดยตรงกับประเทศ (2 ตุลาคม 2549)
สาม การรับตำแหน่งนายกฯ ครั้งนี้จะได้รับการยอมรับทั้งจากคนในประเทศและต่างประเทศ ครม. ก็จะได้คนดี-มีฝีมือ-ดวงดีมาช่วย โดยเฉพาะในกระทรวงหลักๆ ประชาชนจะไม่ผิดหวัง อาจจะมีในบางตำแหน่งที่ได้คนที่ประชาชนไม่ถูกใจ 1-2 คน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา ต่อจากนี้นายกฯ คนใหม่จะเดินทางทั้งในประเทศ-ต่างประเทศมากเป็นพิเศษ (2 ตุลาคม 2549)
สี่ รัฐบาลที่เกิดขึ้นใหม่จะมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ สักปีหรือปีครึ่งเสร็จแล้วถึงจะมีการเลือกตั้งจริง ซึ่งถึงต้องนั้นค่อยมาว่ากันว่าพรรคไหนเป็นอย่างไร แต่น่าเสียดายที่ไม่มีพรรคไทยรักไทยอยู่แล้ว!!! (18 กรกฎาคม 2549)
ห้า นับถอยหลังกันได้แล้วสำหรับ “ข้า (รับใช้) ราชการ” บางคน กรรมกำลังเดินทางมาหาท่าน เตรียมมุ้งไว้หรือเตรียมหายากันยุงไว้เถอะ นักการเมืองหลายคน ระวังเตรียมตัว โดน (18 กรกฎาคม 2549)
ใครเชื่อคำทำนายเช่นนี้แล้วสบายใจขึ้นก็ขอเชิญเชื่อตามอัธยาศัย ส่วนคนในระบอบทักษิณเห็นว่าเรื่องคำทำนายเช่นนี้เป็นเรื่องไร้สาระ ก็ไม่ว่ากัน
หรือใครยังอยากจะอยู่ในพรรคไทยรักไทย หรือเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป ก็ขอเชิญตามสบาย :-