ครับ, ผมรับรองว่าเมืองไทยไม่มีวันดีอะไรมากไปกว่านี้หรอก ถ้าดีจริงๆ ก็ดีได้เพียงแค่นี้เท่านั้นแหละ และก็จะดีไปสักกี่วันก็ไม่รู้ได้ด้วย หมดเรื่องตื่นเต้นวันไหน ก็หมดรสชาติและเข้าอีหรอบเดิม เฉพาะอย่างยิ่งเราจะต้องขายชาติปล้นชาติกิน และคอร์รัปชันอย่างหนักตามเดิม
ผมรับรองได้
จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เด็ดขาด
เพราะนอกจากผู้คนในชาติของเราจะเลวกันแล้ว ชนชั้นปกครองที่ผ่านมาทำกันมา มันก็ชั่วพอๆ กับประชาชนชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ไม่เอาไหนนอกจากพากันนั่งหน้าโง่อยู่อย่างไม่มีอะไรดีไปกว่าเดิมนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ผมจึงขอเน้นว่าเมืองไทยดีไปกว่านี้ไม่ได้แน่นอน
ไม่ต้องอะไรมาก ดูรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่เห็นดีเห็นชั่วกันมาจนตาจะแตกกันทั้งชาติแล้ว รัฐบาลที่เสี่ยงตายเสี่ยงเป็นปฏิวัติมายังต้องไปช้อนเอามาไว้เป็นรัฐมนตรีเพื่อให้ขายชาติขายประชาชนกันต่อไป จนมีการประท้วงจากคนยากคนจนอย่างที่เป็นข่าว
หรือทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นแหล่งทำมาหากินสนุกกว่าการขายชาติทั้งชาติ ก็ยังไปเอานักขายชาติรายใหญ่ที่ช่วยกันถล่มกิจการธุรกิจของบ้านเมืองในสมัยการเงินของชาติพังมาแล้วในปี 2540 และยังมีคดีอาญาที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากการปล้นชาติครั้งนี้อยู่ คปค.หรือคนที่มีอำนาจในการจัดหาคนมาบริหารบ้านเมืองลองไปศึกษาประวัติ และวิธีการกะล่อนของเทวดาองค์นี้ดูเสียก่อนที่จะนำเข้ามาขายชาติขายแผ่นดินครั้งใหม่ มันดีกว่าที่จะให้ถูกเรียกว่ามันก็เหมือนเดิมทุกอย่างนั่นแหละ
บ้านเมืองของเรามันจะต้องเสียหายและไปไม่รอดก็เพราะมนุษย์พวกนี้ทั้งนั้น
เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นกระทรวงที่เป็นขี้ข้ามหาอำนาจมาอย่างถาวร คราวนี้ก็ยังไม่ยอมเข็ด จะขายชาติขายประชาชนต่อไปอีกด้วยการเป็นใหญ่เป็นโตเข้ามามีตำแหน่งหน้าที่ในการเจรจาขายครั้งใหม่เฉพาะอย่างยิ่งเอฟทีเอ
ไม่มีความซื่อสัตย์ หิวกระหาย กะล่อน ไม่มีศีลธรรม โลภโมโทสัน เห็นแก่ได้และเห็นแก่กิน ทั้งหมดนี้เป็นคุณธรรมของคนไทยส่วนใหญ่ที่ทำลายบ้านเมืองอยู่ เฉพาะอย่างยิ่งในวงการเมืองและนักการเมืองปัจจุบัน จะเป็นพวกไม่หนีไปจากความชั่วเหล่านี้
ประเทศไทยและชาติไทยน่าจะสร้างความชั่วช้าอันมหันต์เหล่านี้ต่อไปไม่ได้
ประเทศไทยมันจะไปไม่ไหวไม่ว่าจะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาอีกสักกี่ร้อยฉบับ ไม่ว่าจะเอานักวิชาการที่ไหนมาทั้งโลก ออกกฎหมายและข้อความอะไรออกมา จะบังคับแก้ไขอะไรในเมืองไทยไม่ได้ เพราะความชั่วที่คนไทยเราทะนุถนอมมันอยู่ทั้งหมดนั้น ยังไม่มีการแก้ไขอะไรให้พอที่มันจะรับเอาคุณงามความดีใดๆ ได้
มันจะไม่สนใจใคร
คนอื่นจะผิดเท่านั้น
ขอแต่ให้มันรอดเท่านั้นพอ
มันจะไม่ยอมรับรู้หรือไม่ยอมเข้าใจอะไร ขอให้แต่มันได้อย่างที่มันต้องการเท่านั้น
ต่อให้แก้ไขกันไปอีกกี่สิบชาติ ก็ไม่มีหวังว่าจะแก้อะไรได้ง่ายๆ อย่างที่ใครจะพึงคิด
“ดูมันทำกันสิ สองสามวันก่อน มันเที่ยวยกขบวนไปรอบบ้านรอบเมืองเพื่อจะด่าท่านนายกรัฐมนตรีให้คนอื่นฟัง ผู้คนก็สนุกสนานกันไปทั้งเมือง มาวันนี้ทำการปฏิวัติท่านนายกฯ จนกระทั่งท่านต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกไปนอกประเทศ นายกรัฐมนตรีก็พัง มันจะเอายังไงของมัน อ้ายคนที่ชื่อว่าสนธินี่”
นี่เป็นคำด่าของประชาชนคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ถูกจัดตั้งเอาไว้ตามชุนชนต่างๆ ที่มีคนเรียกว่า สัตว์เลี้ยงที่ซื้อเอาไว้ในที่ต่างๆ ก็โง่เหมือนสัตว์ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ แต่มันก็พูดเหมือนว่ามันรู้ นั่นคือคนไทย
“มันยังไม่รู้ด้วยว่าสนธิที่ปฏิวัติกับสนธิไปเที่ยวเปิดอภิปรายด่านายกฯ ทักษิณอยู่นั่นมันคนไหนกะคนไหน” ชาวบ้านที่นั่งอยู่ข้างผมในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งในตลาดสิงห์บุรีเอ่ยเมื่อหันมาทางผม “มันยังไม่รู้ว่าเลยว่าในประเทศไทยมีคนที่ชื่อสนธิมีสองคน มันนึกว่ามีคนเดียว นี่แหละคนไทยเราละ ไม่เรียนรู้ ไม่เข้าใจอะไรเป็นอะไร ไม่ลืมตาดูโลก คิดอะไรขึ้นมาก็พูดเอาเอง”
“ตอนที่มันนึกสนุก มันก็ไปจัดอภิปรายด่านายกฯ ทักษิณ” เขาพึมพำด่าต่อไปอีก “แต่พอมันเหนื่อยมันก็ไปปฏิวัติไล่นายกรัฐมนตรีออกไปต่างประเทศ พวกไม่มีเงาหัวไม่รู้จักบุญคุณคน นายกฯ อย่างท่านทักษิณนี่ กูไม่รู้ว่าชาตินี้มันจะไปหาที่ไหนได้อีก พวกมึงเห็นไหมว่าตั้งแต่ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีทุกคนรวยกันทั้งนั้น ลูกท่านเมียท่าน คนของท่านรวยกันไม่หวาดไม่ไหวด้วยกันทั้งนั้น พวกเรานี่ก็เหมือนกันทุกคน ทุกคนมีเงินให้กู้ มี 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่เหนื่อยยาก ถึงวันก็เอาสตางค์มาแจกพาพวกเราไปเที่ยว ไม่ใช่เที่ยวธรรมดาเท่านั้น ไปที่ไหนก็ได้เงินทั้งนั้น ตอนนี้ก็จะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ อีก ได้คนละพันบาท เสียดายคราวนี้กูไปช้าไปหน่อยหนึ่ง รถมันเต็มเสียก่อน ไม่มีที่นั่ง ถ้ามีที่นั่ง เดือนนี้กูก็สบายแล้ว มึงจะเอายังไงกับนายกรัฐมนตรีแบบนี้ อ้ายสนธิ...มันทำเจ็บ”
สุ้มเสียงแบบนี้ ภาษาแบบนี้เป็นภาษาของชาวบ้านหรือที่ใครเรียกว่า รากหญ้าเพราะมันไม่มีวันจะเผยอขึ้นมาอยู่บนดินตามความคิดของฝรั่ง และทุกคนจะมีโอกาสได้ยินได้ฟังจากกลุ่มชนในท้องที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเพชร สุโขทัย สิงห์บุรี อุดรธานี และขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งที่ประชาชนพลเมืองส่วนหนึ่งถูกนักการเมืองซื้อเอามาต้มยำตำแกงจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรไปแล้ว ทุกคนที่ได้รับเงินค่าจ้างในการเดินทางไกลร่วมกับขบวนการแจกเงินหรือเที่ยวประกาศขายความดี และการแจกเงินของท่านนายกรัฐมนตรีจะเหนียวแน่นในการแสดงความจงรักภักดีต่อพรรคไทยรักไทย และนายกรัฐมนตรีทักษิณทั่วประเทศ ยกเว้น 3จังหวัดภาคใต้
ที่นั่นไม่มีใครเอาด้วยทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ในหลายจังหวัด สัตว์เลี้ยงของพรรคไทยรักไทยที่ลงทุนแสดงความจงรักภักดีต่อพรรคและเจ้านายเหนือหัวอุตส่าห์ไปเรียนยุทธวิธีในการสร้างความเสียหาย การก่อกวนให้พรรคตรงข้ามและรัฐบาล ด้วยการเริ่มเดินทางออกเผาโรงเรียนในจังหวัดต่างๆ หลายจังหวัดไปแล้วโดยที่ไม่มีใครสนใจไยดีอะไรมากนัก หรือทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะได้กลิ่นแน่นอนว่าเป็นพวกไหน ธรรมชาติของรัฐบาลไทยที่เป็นกันมานานต่อผมกล้าพูดว่ามันไม่มีอะไรวิเศษพิสดารไปกว่านี้
ปัญหาหลายปัญหาเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดว่าเมืองไทยและคนไทยทั่วไปนั้น ถูกหลอกมาเป็นเวลานานแล้ว ถ้าจะพูดกันอย่างไม่อ้อมค้อมก็คือว่านับตั้งแต่สุโขทัยเป็นต้นมา เท่าที่จะจับเค้าได้มาจนกระทั่งถึงวันที่ 19 กันยายน ที่มีการปฏิวัติกันขึ้นมานั้น ประวัติศาสตร์น่าจะยืนยันว่าการปกครองบ้านเมืองที่ชั่วร้ายที่สุดชั่วของไทยเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่มีใครเคยนึกฝันมาก่อนว่ามันจะชั่วถึงขนาดนี้ จากปลายแผ่นดินทางภาคเหนือของไทยคือนายทักษิณ ชินวัตรนั่นคือการขายชาติปล้นชาติในทุกรูปแบบที่ไม่เคยมีชนชั้นปกครองของไทยหรือของโลกประเทศไหนที่เคยทำมาได้ถึงขนาดนั้น
บัดซบและโง่เขลาในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่เกิดมาในนามของความเป็นคนที่จะลงมือแก้ไขสิ่งชั่วเหล่านี้ ที่อยู่ในกองขยะกองใหญ่ที่มีอยู่ในชาติและในวงการเมืองของเราออกไป
หรือจะอ้าแขนรับบรรดาเดียรัจฉานทางการเมืองที่ก้มหน้าทำมาหากินกันอยู่ในวงการเมืองตามปกติอย่างที่เคยเป็นมา
ถ้าไม่มีใครคิดแก้ปัญหาเหล่านี้ หรือพยายามสร้างคนให้เฉลียวฉลาดขึ้นพอที่จะรู้จักเมืองไทยเพียงแต่ว่าเวลานี้มีนายสนธิสองคน และเงินที่เอาไปแจกไปเที่ยวกันนั้น เป็นเงินของประชาชาชนหรือเงินจากภาษีอากรของคนทั่วประเทศแต่ไปยักยอกเอามาเพื่อซื้อเสียงจากชาวบ้านที่โง่เขลา มีการศึกษาไม่เพียงพอ เพราะนักการเมืองหรือสังคมไม่ยอมให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ประชาชน
แม้แต่จะอบรมสั่งสอนให้เป็นคนที่มีความเป็นคนพอในทางด้านสติปัญญา เมืองไทยยังทำกันไม่ได้ แม้แต่คนที่จะต้องเอามาเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีของประเทศก็เป็นเพียงเศษมนุษย์ที่ไหนสักตัวหนึ่งที่พูดคำ โกหกคำ
เฉพาะอย่างยิ่งสอนและปลูกฝังให้ประชาชนพลเมืองชื่นชมยินดีในการทำชั่วตั้งแต่การเล่นหวยบนดินแบบแจ็กพอตก็ส่งสริมกันเรื่อยไปตลอดจนการเปิดบ่อนการพนันทุกชนิดขึ้นทั่วประเทศ พร้อมกับการค้ายาเสพติด และการอุ้มคนไปฆ่า
สิ่งใดที่เกี่ยวกับศีลธรรมที่จะต้องห้ามต้องดูแลจะต้องสนับสนุนให้ทำกันอย่างเปิดเผย แต่จะทำตัวว่าไม่รู้ไม่เห็น
ข้าราชการไทยส่วนหนึ่ง เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รักษาความเป็นธรรมในสังคม จะจับคนไปฆ่า ไปกระทืบกันอย่างเสรี แม้ว่าจะต้องต้อนเอาไปฆ่าอย่างที่ตากใบหรือกรือเซะก็ทำกันมาแล้ว
แต่ข้าราชการไทยและรัฐบาลไทยจะทำกันอย่างหน้าตาเฉย แล้วก็ประกาศให้ประชาชนพับนกไปโยนในบริเวณนั้น
นี่คือสภาพทางการเมืองของไทยที่มันจะเกิดขึ้นโดยบุคคลสองประเภทคือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองของชาตินับตั้งแต่นายกรัฐมนตรี นายพันนายพลลดหลั่นกันลงมาฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งได้แก่ประชาชนที่เกิดมาทั้งชาติไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม นอกจากเกิดมาเพื่อเล่นหวยสองตัวสามตัวกันเต็มบ้านเต็มเมือง นี่แหละเมืองไทยในตอนนี้ และไม่มีใครจะรู้อีกว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร?
ตอนนี้ เรากำลังจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีข่าวว่าจะตั้งคนที่เคยคอร์รัปชันอย่างหนักเข้ามาร่วมงานกับพวกกลุ่มใหม่ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืนยันว่า “อย่าหวังว่า ครม.จะผุดผ่อง 100 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องเอานักการเมืองประเภทเหล่านั้นเข้ามาเขมือบต่อไปด้วย
ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เมืองไทยมันก็แค่นั้นแหละ
ถนนหนทางหรือที่รกร้างว่างเปล่าของเมืองไทยกลายเป็นซ่องสาธารณะ รายการโทรทัศน์ทุกสถานีจนกระทั่งโรงเรียนสอนพิเศษริมถนนยังคงไม่ค่อยเพียงพอสำหรับการแสดงความรักของเด็กวัยรุ่นที่พ่อแม่ไม่ยอมสั่งสอนให้เป็นผู้เป็นคนเท่าเทียมชาวบ้าน เช่นเดียวกับนักฆ่าวัยรุ่นตามโรงเรียนเทคนิคต่างๆ หลายแห่งที่ยังหาคนฆ่าเล่นได้ตามความพอใจ ต้องหอบมีดหอบปืนกลับไปยิงตายายที่บ้านเพื่อหาทางเข้าคุกกันต่อไป ตามปกตินักการเมืองไทยพวกนั้น จะเป็นมนุษย์ที่มีความชั่วมากเกินกว่า 100 เปอร์เซ็นต์กันทั้งนั้น ก็น่าเห็นใจที่ท่านนายกฯ อาจจะดูไม่ทั่วถึง แต่ผมและชาวบ้านคิดกันว่า ถ้าหาคนที่เป็นคนดีๆ ได้สักคนละ 2 เปอร์เซ็นต์ก็วิเศษแล้ว!
ทำไงได้ละครับ?
คนไทยมันก็ทำกันได้เท่านั้นแหละ!!
ผมรับรองได้
จะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เด็ดขาด
เพราะนอกจากผู้คนในชาติของเราจะเลวกันแล้ว ชนชั้นปกครองที่ผ่านมาทำกันมา มันก็ชั่วพอๆ กับประชาชนชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ไม่เอาไหนนอกจากพากันนั่งหน้าโง่อยู่อย่างไม่มีอะไรดีไปกว่าเดิมนั่นเอง
เพราะฉะนั้น ผมจึงขอเน้นว่าเมืองไทยดีไปกว่านี้ไม่ได้แน่นอน
ไม่ต้องอะไรมาก ดูรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานที่เห็นดีเห็นชั่วกันมาจนตาจะแตกกันทั้งชาติแล้ว รัฐบาลที่เสี่ยงตายเสี่ยงเป็นปฏิวัติมายังต้องไปช้อนเอามาไว้เป็นรัฐมนตรีเพื่อให้ขายชาติขายประชาชนกันต่อไป จนมีการประท้วงจากคนยากคนจนอย่างที่เป็นข่าว
หรือทางด้านเศรษฐกิจที่เป็นแหล่งทำมาหากินสนุกกว่าการขายชาติทั้งชาติ ก็ยังไปเอานักขายชาติรายใหญ่ที่ช่วยกันถล่มกิจการธุรกิจของบ้านเมืองในสมัยการเงินของชาติพังมาแล้วในปี 2540 และยังมีคดีอาญาที่เป็นผลต่อเนื่องมาจากการปล้นชาติครั้งนี้อยู่ คปค.หรือคนที่มีอำนาจในการจัดหาคนมาบริหารบ้านเมืองลองไปศึกษาประวัติ และวิธีการกะล่อนของเทวดาองค์นี้ดูเสียก่อนที่จะนำเข้ามาขายชาติขายแผ่นดินครั้งใหม่ มันดีกว่าที่จะให้ถูกเรียกว่ามันก็เหมือนเดิมทุกอย่างนั่นแหละ
บ้านเมืองของเรามันจะต้องเสียหายและไปไม่รอดก็เพราะมนุษย์พวกนี้ทั้งนั้น
เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเป็นกระทรวงที่เป็นขี้ข้ามหาอำนาจมาอย่างถาวร คราวนี้ก็ยังไม่ยอมเข็ด จะขายชาติขายประชาชนต่อไปอีกด้วยการเป็นใหญ่เป็นโตเข้ามามีตำแหน่งหน้าที่ในการเจรจาขายครั้งใหม่เฉพาะอย่างยิ่งเอฟทีเอ
ไม่มีความซื่อสัตย์ หิวกระหาย กะล่อน ไม่มีศีลธรรม โลภโมโทสัน เห็นแก่ได้และเห็นแก่กิน ทั้งหมดนี้เป็นคุณธรรมของคนไทยส่วนใหญ่ที่ทำลายบ้านเมืองอยู่ เฉพาะอย่างยิ่งในวงการเมืองและนักการเมืองปัจจุบัน จะเป็นพวกไม่หนีไปจากความชั่วเหล่านี้
ประเทศไทยและชาติไทยน่าจะสร้างความชั่วช้าอันมหันต์เหล่านี้ต่อไปไม่ได้
ประเทศไทยมันจะไปไม่ไหวไม่ว่าจะร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาอีกสักกี่ร้อยฉบับ ไม่ว่าจะเอานักวิชาการที่ไหนมาทั้งโลก ออกกฎหมายและข้อความอะไรออกมา จะบังคับแก้ไขอะไรในเมืองไทยไม่ได้ เพราะความชั่วที่คนไทยเราทะนุถนอมมันอยู่ทั้งหมดนั้น ยังไม่มีการแก้ไขอะไรให้พอที่มันจะรับเอาคุณงามความดีใดๆ ได้
มันจะไม่สนใจใคร
คนอื่นจะผิดเท่านั้น
ขอแต่ให้มันรอดเท่านั้นพอ
มันจะไม่ยอมรับรู้หรือไม่ยอมเข้าใจอะไร ขอให้แต่มันได้อย่างที่มันต้องการเท่านั้น
ต่อให้แก้ไขกันไปอีกกี่สิบชาติ ก็ไม่มีหวังว่าจะแก้อะไรได้ง่ายๆ อย่างที่ใครจะพึงคิด
“ดูมันทำกันสิ สองสามวันก่อน มันเที่ยวยกขบวนไปรอบบ้านรอบเมืองเพื่อจะด่าท่านนายกรัฐมนตรีให้คนอื่นฟัง ผู้คนก็สนุกสนานกันไปทั้งเมือง มาวันนี้ทำการปฏิวัติท่านนายกฯ จนกระทั่งท่านต้องหนีหัวซุกหัวซุนออกไปนอกประเทศ นายกรัฐมนตรีก็พัง มันจะเอายังไงของมัน อ้ายคนที่ชื่อว่าสนธินี่”
นี่เป็นคำด่าของประชาชนคนไทยกลุ่มหนึ่งที่ถูกจัดตั้งเอาไว้ตามชุนชนต่างๆ ที่มีคนเรียกว่า สัตว์เลี้ยงที่ซื้อเอาไว้ในที่ต่างๆ ก็โง่เหมือนสัตว์ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ แต่มันก็พูดเหมือนว่ามันรู้ นั่นคือคนไทย
“มันยังไม่รู้ด้วยว่าสนธิที่ปฏิวัติกับสนธิไปเที่ยวเปิดอภิปรายด่านายกฯ ทักษิณอยู่นั่นมันคนไหนกะคนไหน” ชาวบ้านที่นั่งอยู่ข้างผมในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งในตลาดสิงห์บุรีเอ่ยเมื่อหันมาทางผม “มันยังไม่รู้ว่าเลยว่าในประเทศไทยมีคนที่ชื่อสนธิมีสองคน มันนึกว่ามีคนเดียว นี่แหละคนไทยเราละ ไม่เรียนรู้ ไม่เข้าใจอะไรเป็นอะไร ไม่ลืมตาดูโลก คิดอะไรขึ้นมาก็พูดเอาเอง”
“ตอนที่มันนึกสนุก มันก็ไปจัดอภิปรายด่านายกฯ ทักษิณ” เขาพึมพำด่าต่อไปอีก “แต่พอมันเหนื่อยมันก็ไปปฏิวัติไล่นายกรัฐมนตรีออกไปต่างประเทศ พวกไม่มีเงาหัวไม่รู้จักบุญคุณคน นายกฯ อย่างท่านทักษิณนี่ กูไม่รู้ว่าชาตินี้มันจะไปหาที่ไหนได้อีก พวกมึงเห็นไหมว่าตั้งแต่ท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีทุกคนรวยกันทั้งนั้น ลูกท่านเมียท่าน คนของท่านรวยกันไม่หวาดไม่ไหวด้วยกันทั้งนั้น พวกเรานี่ก็เหมือนกันทุกคน ทุกคนมีเงินให้กู้ มี 30 บาทรักษาทุกโรค ไม่เหนื่อยยาก ถึงวันก็เอาสตางค์มาแจกพาพวกเราไปเที่ยว ไม่ใช่เที่ยวธรรมดาเท่านั้น ไปที่ไหนก็ได้เงินทั้งนั้น ตอนนี้ก็จะพาไปเที่ยวกรุงเทพฯ อีก ได้คนละพันบาท เสียดายคราวนี้กูไปช้าไปหน่อยหนึ่ง รถมันเต็มเสียก่อน ไม่มีที่นั่ง ถ้ามีที่นั่ง เดือนนี้กูก็สบายแล้ว มึงจะเอายังไงกับนายกรัฐมนตรีแบบนี้ อ้ายสนธิ...มันทำเจ็บ”
สุ้มเสียงแบบนี้ ภาษาแบบนี้เป็นภาษาของชาวบ้านหรือที่ใครเรียกว่า รากหญ้าเพราะมันไม่มีวันจะเผยอขึ้นมาอยู่บนดินตามความคิดของฝรั่ง และทุกคนจะมีโอกาสได้ยินได้ฟังจากกลุ่มชนในท้องที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเพชร สุโขทัย สิงห์บุรี อุดรธานี และขอนแก่น ซึ่งเป็นแหล่งที่ประชาชนพลเมืองส่วนหนึ่งถูกนักการเมืองซื้อเอามาต้มยำตำแกงจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรไปแล้ว ทุกคนที่ได้รับเงินค่าจ้างในการเดินทางไกลร่วมกับขบวนการแจกเงินหรือเที่ยวประกาศขายความดี และการแจกเงินของท่านนายกรัฐมนตรีจะเหนียวแน่นในการแสดงความจงรักภักดีต่อพรรคไทยรักไทย และนายกรัฐมนตรีทักษิณทั่วประเทศ ยกเว้น 3จังหวัดภาคใต้
ที่นั่นไม่มีใครเอาด้วยทั้งชาตินี้และชาติหน้า
ในหลายจังหวัด สัตว์เลี้ยงของพรรคไทยรักไทยที่ลงทุนแสดงความจงรักภักดีต่อพรรคและเจ้านายเหนือหัวอุตส่าห์ไปเรียนยุทธวิธีในการสร้างความเสียหาย การก่อกวนให้พรรคตรงข้ามและรัฐบาล ด้วยการเริ่มเดินทางออกเผาโรงเรียนในจังหวัดต่างๆ หลายจังหวัดไปแล้วโดยที่ไม่มีใครสนใจไยดีอะไรมากนัก หรือทำอะไรไม่ได้แม้แต่จะได้กลิ่นแน่นอนว่าเป็นพวกไหน ธรรมชาติของรัฐบาลไทยที่เป็นกันมานานต่อผมกล้าพูดว่ามันไม่มีอะไรวิเศษพิสดารไปกว่านี้
ปัญหาหลายปัญหาเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดว่าเมืองไทยและคนไทยทั่วไปนั้น ถูกหลอกมาเป็นเวลานานแล้ว ถ้าจะพูดกันอย่างไม่อ้อมค้อมก็คือว่านับตั้งแต่สุโขทัยเป็นต้นมา เท่าที่จะจับเค้าได้มาจนกระทั่งถึงวันที่ 19 กันยายน ที่มีการปฏิวัติกันขึ้นมานั้น ประวัติศาสตร์น่าจะยืนยันว่าการปกครองบ้านเมืองที่ชั่วร้ายที่สุดชั่วของไทยเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่มีใครเคยนึกฝันมาก่อนว่ามันจะชั่วถึงขนาดนี้ จากปลายแผ่นดินทางภาคเหนือของไทยคือนายทักษิณ ชินวัตรนั่นคือการขายชาติปล้นชาติในทุกรูปแบบที่ไม่เคยมีชนชั้นปกครองของไทยหรือของโลกประเทศไหนที่เคยทำมาได้ถึงขนาดนั้น
บัดซบและโง่เขลาในภาระหน้าที่และความรับผิดชอบที่เกิดมาในนามของความเป็นคนที่จะลงมือแก้ไขสิ่งชั่วเหล่านี้ ที่อยู่ในกองขยะกองใหญ่ที่มีอยู่ในชาติและในวงการเมืองของเราออกไป
หรือจะอ้าแขนรับบรรดาเดียรัจฉานทางการเมืองที่ก้มหน้าทำมาหากินกันอยู่ในวงการเมืองตามปกติอย่างที่เคยเป็นมา
ถ้าไม่มีใครคิดแก้ปัญหาเหล่านี้ หรือพยายามสร้างคนให้เฉลียวฉลาดขึ้นพอที่จะรู้จักเมืองไทยเพียงแต่ว่าเวลานี้มีนายสนธิสองคน และเงินที่เอาไปแจกไปเที่ยวกันนั้น เป็นเงินของประชาชาชนหรือเงินจากภาษีอากรของคนทั่วประเทศแต่ไปยักยอกเอามาเพื่อซื้อเสียงจากชาวบ้านที่โง่เขลา มีการศึกษาไม่เพียงพอ เพราะนักการเมืองหรือสังคมไม่ยอมให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ประชาชน
แม้แต่จะอบรมสั่งสอนให้เป็นคนที่มีความเป็นคนพอในทางด้านสติปัญญา เมืองไทยยังทำกันไม่ได้ แม้แต่คนที่จะต้องเอามาเป็นรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีของประเทศก็เป็นเพียงเศษมนุษย์ที่ไหนสักตัวหนึ่งที่พูดคำ โกหกคำ
เฉพาะอย่างยิ่งสอนและปลูกฝังให้ประชาชนพลเมืองชื่นชมยินดีในการทำชั่วตั้งแต่การเล่นหวยบนดินแบบแจ็กพอตก็ส่งสริมกันเรื่อยไปตลอดจนการเปิดบ่อนการพนันทุกชนิดขึ้นทั่วประเทศ พร้อมกับการค้ายาเสพติด และการอุ้มคนไปฆ่า
สิ่งใดที่เกี่ยวกับศีลธรรมที่จะต้องห้ามต้องดูแลจะต้องสนับสนุนให้ทำกันอย่างเปิดเผย แต่จะทำตัวว่าไม่รู้ไม่เห็น
ข้าราชการไทยส่วนหนึ่ง เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีหน้าที่รักษาความเป็นธรรมในสังคม จะจับคนไปฆ่า ไปกระทืบกันอย่างเสรี แม้ว่าจะต้องต้อนเอาไปฆ่าอย่างที่ตากใบหรือกรือเซะก็ทำกันมาแล้ว
แต่ข้าราชการไทยและรัฐบาลไทยจะทำกันอย่างหน้าตาเฉย แล้วก็ประกาศให้ประชาชนพับนกไปโยนในบริเวณนั้น
นี่คือสภาพทางการเมืองของไทยที่มันจะเกิดขึ้นโดยบุคคลสองประเภทคือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองของชาตินับตั้งแต่นายกรัฐมนตรี นายพันนายพลลดหลั่นกันลงมาฝ่ายหนึ่ง อีกฝ่ายหนึ่งได้แก่ประชาชนที่เกิดมาทั้งชาติไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม นอกจากเกิดมาเพื่อเล่นหวยสองตัวสามตัวกันเต็มบ้านเต็มเมือง นี่แหละเมืองไทยในตอนนี้ และไม่มีใครจะรู้อีกว่าในอนาคตมันจะเป็นอย่างไร?
ตอนนี้ เรากำลังจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีข่าวว่าจะตั้งคนที่เคยคอร์รัปชันอย่างหนักเข้ามาร่วมงานกับพวกกลุ่มใหม่ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืนยันว่า “อย่าหวังว่า ครม.จะผุดผ่อง 100 เปอร์เซ็นต์” ซึ่งหมายถึงว่าจะต้องเอานักการเมืองประเภทเหล่านั้นเข้ามาเขมือบต่อไปด้วย
ก็อย่างที่ว่านั่นแหละ เมืองไทยมันก็แค่นั้นแหละ
ถนนหนทางหรือที่รกร้างว่างเปล่าของเมืองไทยกลายเป็นซ่องสาธารณะ รายการโทรทัศน์ทุกสถานีจนกระทั่งโรงเรียนสอนพิเศษริมถนนยังคงไม่ค่อยเพียงพอสำหรับการแสดงความรักของเด็กวัยรุ่นที่พ่อแม่ไม่ยอมสั่งสอนให้เป็นผู้เป็นคนเท่าเทียมชาวบ้าน เช่นเดียวกับนักฆ่าวัยรุ่นตามโรงเรียนเทคนิคต่างๆ หลายแห่งที่ยังหาคนฆ่าเล่นได้ตามความพอใจ ต้องหอบมีดหอบปืนกลับไปยิงตายายที่บ้านเพื่อหาทางเข้าคุกกันต่อไป ตามปกตินักการเมืองไทยพวกนั้น จะเป็นมนุษย์ที่มีความชั่วมากเกินกว่า 100 เปอร์เซ็นต์กันทั้งนั้น ก็น่าเห็นใจที่ท่านนายกฯ อาจจะดูไม่ทั่วถึง แต่ผมและชาวบ้านคิดกันว่า ถ้าหาคนที่เป็นคนดีๆ ได้สักคนละ 2 เปอร์เซ็นต์ก็วิเศษแล้ว!
ทำไงได้ละครับ?
คนไทยมันก็ทำกันได้เท่านั้นแหละ!!