xs
xsm
sm
md
lg

เช็คบิลชินฯ กดราคาหุ้นร่วง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราคาหุ้นกลุ่มชินคอร์ป ร่วงยกแผง กดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยซึม หลังศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องยกเลิกยกสัมปทาน กระหน่ำซ้ำกระบวนการตรวจสอบของทางการ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังทยอยเก็บหุ้นเพิ่มอีกกว่า 900 ล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ แนะนักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุน คาดการณ์ราคาหุ้นทั้งกลุ่มอาจปรับตัวลดลงต่อ เหตุกระบวนการตรวจสอบเอาผิดกินเวลานาน

ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (6 ต.ค.)ตลอดทั้งวันดัชนีแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ โดยประเด็นสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนยังคงเป็นกรณีที่ศาลปกครองสูงสุด กลับคำสั่งศาลปกครองกลาง ให้รับคำฟ้องที่นักวิชาการมหาวิทยาลัยรังสิต ฟ้อง 3 หน่วยงานรัฐ (กระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงคมนาคม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี)กรณีไม่ยกเลิกสัมปทานบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ SHIN และบริษัทในเครือรวม 3 แห่ง

โดยดัชนีตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลดลงมาปิดที่ 694.60 จุด ลดลงจากวันก่อน 1.12 จุด หรือ 0.16% จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 696.85 จุด ต่ำสุดอยู่ที่ 692.20 จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,271.20 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 913.21 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 294.73 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 618.48 ล้านบาท

สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปทั้ง 5 บริษัท ได้ปรับตัวลดลงทั้งหมด นำโดยบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ SHIN ราคาปิดที่ 29 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 0.85% มูลค่าการซื้อขาย 6.29 ล้านบาท บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ปิดที่ 85.50 บาท ลดลง 2 บาท หรือ 2.29% มูลค่าการซื้อขาย 103.19 ล้านบาท

บมจ.ชินแซทเทลไลท์ หรือ SATTEL ปิดที่ 7.05 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 2.08% มูลค่าการซื้อขาย 34.35 ล้านบาท บมจ.ไอทีวี หรือ ITV ราคาปิดที่ 2.76 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ 2.82% มูลค่าการซื้อขาย 7.16 ล้านบาท และบมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL ราคาปิดที่ 3.60 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 0.55% มูลค่าการซื้อขาย 2.27 ล้านบาท

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปเป็นไปตามกระแสข่าว หลังจากศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องในเรื่องการยื่นถอดสัมปทานบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)โดยขณะนี้กระบวนการคงต้องเป็นหน้าที่ของศาลเป็นผู้พิจารณา

ทั้งนี้ ราคาหุ้นในกลุ่มอาจจะปรับตัวลดลงได้อีก เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความกังวลกับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น บริษัทยังไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าลงทุนโดยคงต้องรอความชัดเจนในกระบวนการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุดก่อน

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การตรวจสอบในกรณีดังกล่าว น่าจะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในระยะสั้นถึงระยะยาว แต่ทั้งนี้บริษัทยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนหุ้นในกลุ่มชินคอร์ปทั้งกลุ่ม อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีโอกาสที่จะเข้ามาสะสมหุ้นหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงอีก เนื่องจากราคาหุ้น ADVANC อาจจะปรับตัวได้อีกเพราะประเมินจากรายได้ที่จะปรับตัวลดลง เพราะว่าการแข่งขันในภาคธุรกิจค่อนข้างรุนแรง

บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป ระบุว่า หากผลสรุปในเรื่องการตรวจสอบนอมินีของบริษัทกุหลาบแก้วเป็นต่างชาติ จะทำให้บริษัท ซีดาร์ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นต่างชาติ เพราะถือหุ้นโดยบริษัท ไซเพรส โฮลดิ้งส์ จำกัด และกุหลาบแก้วรวมเป็น 90.1% ซึ่งจะทำให้ SHIN เป็นต่างชาติ จะทำให้ ADVANC ไม่มีสิทธิ์ในการขอใบอนุญาตครั้งต่อไป

ทั้งนี้ ธุรกิจเดิมที่ได้รับสัมปทานนั้นมาจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีเงื่อนไขว่าผู้รับสัมปทานต้องเป็นคนไทย เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ทางฝ่ายฯ มองว่าทางกลุ่มผู้ถือหุ้นจะต้องมีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นในเป็นคนไทย เพื่อที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ซึ่ง ADVANC เป็นผู้นำในธุรกิจมือถือซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดสูงที่สุดด้วย

อย่างไรก็ตาม ระยะสั้นราคาหุ้นของกลุ่ม SHIN จะได้รับผลกระทบตามข่าว ประกอบกับการประมาณการรายได้ของ ADVANC ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SHIN อาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัท ขณะที่ SATTEL ปีนี้ผลประกอบการก็ยังขาดทุน ในระยะสั้นจึงไม่แนะนำให้เข้าลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น