xs
xsm
sm
md
lg

เราไม่ได้สร้างคนดีมาช่วยกันสร้างบ้านเมือง

เผยแพร่:   โดย: ยอดรัก ตะวันรอน

เมืองไทยนั้นยังไงเสียก็เอาดีไม่ได้ เพราะเราไม่ได้สร้างคนดีมาช่วยกันสร้างบ้านสร้างเมือง ทุกหนทุกแห่งเรามีแต่คนชั่วไปหมด แม้แต่เราจะอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าเราจะแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่เราก็จะกัดกันยุบยับไปหมด

คนไทยของเราเป็นมนุษย์ที่ปราศจากยางอายมาตลอดทุกยุคทุกสมัย เฉพาะอย่างยิ่งคนมีบุญและมีอำนาจวาสนา

เราไม่มีคนมีศีลธรรม เราไม่มีคนมียางอาย เราไม่คำนึงถึงว่าอะไรถูกอะไรผิด รู้แต่เพียงว่าเราจะเขมือบหรือหยิบฉวยคดโกงเอาอะไรได้มากน้อยเท่าไร

แม้แต่การปฏิวัติคราวนี้ ความจริงเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่เราปฏิวัติขึ้นมาเพื่อแสวงหาประโยชน์ เพื่อแบ่งผลประโยชน์แก่กันและกัน เราใช้ความเป็นเด็กอมมือของเรามาปฏิวัติหลอกลวงชาวบ้านเพื่อต้มกินยำกิน ทั้งๆ ที่ความจริงเราไม่ประสีประสาอะไรกันเลย

ผมว่าเราคอยดูกันต่อไปอีกสักพักก็น่าจะเห็นว่าเป็นความจริง เพราะในโลกมนุษย์เรานั้น การกระทำใดๆ ของคนมันจะต้องมีอะไรที่เป็นความจริงอยู่บ้าง จะเอาแต่เรื่องที่เป็นเรื่องโกหกมาเล่นกันเสียตั้งแต่ต้นจนจบทุกเรื่องไป มันไม่น่าจะเป็นการกระทำที่ถูกต้องเสมอไป

ประเทศไทยหรือเอเชียทุกประเทศนั้น สมัยก่อนเรามีทรัพย์สินอันมีค่าอยู่สองอย่างที่ไม่มีค่อยจะมีประเทศไหนๆ มี อาจจะมีแต่ก็ไม่รู้จักกันคือการรู้จักความอายหรือคนไทยโบราณนิยมเรียกว่าไม่มียางอาย

ภาษาบาลีเรียกว่า “หิริโอตตัปปะ” หมายถึงทั้งความอายและความเกรงกลัวต่อบาป แต่พระทุกวันนี้ท่านไม่รู้จักและไม่ได้เอามาสอนคนเพราะท่านมีเรื่องที่จะให้ความสนใจในเรื่องของขลัง และการทำบุญเรี่ยไรทอดผ้าป่าและทอดกฐินของท่านไป

คนไทยสมัยโบราณ ถือว่าแม้เพียงคิดหรือประพฤติปฏิบัติใดๆ ที่เป็นเรื่องทำให้ผู้อื่นและตัวเองเดือดร้อนท่านถือว่าเป็นบาป เป็นเรื่องที่ไม่ควรประพฤติปฏิบัติ ไม่ว่าจะในที่ลับหรือในที่แจ้ง ไม่ว่าจะมีใครรู้เห็นหรือไม่ก็ตาม จะกระทำไม่ได้ การงดเว้นการกระทำหรือการคิดทุกประการจะทำได้ด้วยความมียางอายที่เป็นทรัพย์สินประจำตัวคอยควบคุมอยู่ทุกระยะ

เพราะฉะนั้นสังคมไทยหรือสังคมคนเอเชียในสมัยโบราณนั้น การกระทำความชั่วของคนจะมีน้อยมากหรือแทบไม่มีเลย

การที่จะมียางอายอยู่ในตัวของคนแต่ละคนนั้น มีกฎเกณฑ์อยู่ประการหนึ่ง นั่นคือ การได้รับการอบรมสั่งสอนจากสังคมและพ่อแม่ให้เข้าใจคำว่าเกิดมาเป็นคนนั้นจะต้องมีศีลธรรม

ยิ่งถ้าพ่อแม่เป็นนักการเมืองด้วยแล้ว ตอนนี้ก็จะวิ่งขายตัวกันเพื่อจะเปลี่ยนพรรคหากินให้รวยเร็วที่สุด เพื่อเอาชนะคะคานกันด้วยการกัดกันทั้งที่เมื่อกัดกันไปกัดกันมาก็ไม่มีใครได้อะไรนอกจากความเป็นสัตว์เหมือนกัน

คนโบราณนั้นพอเอ่ยคำว่ามีศีลธรรมทุกคนก็จะรู้จักโดยไม่ต้องสั่งสอน และไม่ต้องอธิบายอะไร ทั้งๆ ที่ในยุคนั้นไม่มีกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีกระทรวงทรัพยากรมนุษย์ และไม่มีกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อช่วยให้พรรคพวกได้มีตำแหน่งหน้าที่ทำมาหากินกัน

เพราะทุกคนที่เกิดมาเป็นคนในยุคสมัยเหล่านั้น จะอยู่กันด้วยความมีศีลธรรมที่สามารถทำให้ประพฤติปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างได้โดยไม่ต้องอธิบายใดๆ

คำว่า“ศีล” ก็ไม่ต้องนึกถึงหรือต้องไปศึกษาค้นคว้าอะไรมาก ไม่ต้องเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตหรือเป็นด็อกเตอร์อะไรทั้งสิ้น ก็เอาเพียงศีล 5 ธรรมดาที่พระเณรและเด็กวัดในบ้านเมืองของเรารู้จักนี้ก็มากเกินพอ

อาจจะถือได้ว่าเหลือกินไปทั้งชาตินี้และชาติหน้าอีกด้วย

เกิดมาเป็นคนไทยนั้น แม้แต่เป็นโจรปล้นจะขโมยคนอื่นเขากินและมีความผิดที่จะต้องเข้าคุกหรือถูกประหารชีวิต ถ้ามีการจับได้ก็จะต้องมีคุณธรรมสองอย่าง คือ ความมียางอาย และมีศีลธรรมติดตัวไปตลอดชีวิต

แต่คนไทยสมัยนี้ว่ากันว่าเผลอไม่ได้ แม้แต่ระมัดระวังตัวขนาดไหนก็ยังถูกคนไม่มียางอายหรือพวกไม่มีศีลธรรมเหล่านี้พากันปล้นอยู่ซึ่งคนไทยไม่มีศีลธรรมต่างก็จะยอมร่วมมือร่วมใจกันปล้น เคยมีข่าวครึกโครมมาในสมัยหนึ่งว่าแม้แต่ที่ดินของวัดก็ยังพากันปล้นมาทำสนามกอล์ฟก็ยังเคยทำกัน

คนไทยสมัยโบราณนั้น การปล้นของโจรที่มาปล้นจะต้องมีหลักเกณฑ์และระเบียบวินัยที่สามารถจะบอกได้ว่าปล้นเอาไปทำอะไรและมีเหตุผลอย่างไร เฉพาะอย่างยิ่ง การปล้นวัวปล้นควายเพื่อเอามาเป็นเครื่องมือทำมาหากินเพราะไม่มีจะกิน ไม่มีทุนรอน ไม่ปล้นส่งเดชเหมือนอย่างทุกวันนี้ที่ปล้นเพื่อความบันเทิงและเพื่อความสนุกสนานของคนปล้นเท่านั้น เช่น การปล้นโทรศัพท์มือถือในฐานะที่โทรศัพท์มือถือเป็นทรัพย์สินสิ่งเดียวที่มีค่าที่สุดของคนไทยทุกรุ่นทุกวัย และของคนพม่าที่หลบหนีเข้าเมืองเพราะไม่มีจะกินทุกวันนี้จะถูกปล้นเป็นประจำไม่เว้น เพราะรู้ทั้งรู้และได้ยินได้ฟังกันแทบหูจะแตกว่าการเดินบนสะพานลอยจะถูกพวกโจรคอยดักปล้นผู้หญิงที่มีกระเป๋าสตางค์ และโทรศัพท์มือถือเดินไปคนเดียวเป็นประจำทุกคืน โดยที่จับมือใครดมไม่ได้

ก่อนจะลงมือปล้น โจรสมัยนั้นตั้งศาลเพียงตาบอกกล่าวแก่ฟ้าดิน และเจ้าทรัพย์สินที่จะเข้าไปปล้นว่าตนหาได้คิดทุจริตคิดชั่วอะไรก็หามิได้ แต่ที่จำเป็นต้องปล้นนั้นเนื่องจากไม่มีจะกินขอให้ยกโทษให้อภัยแก่พวกเขาด้วย!

นั่นคือคนไทยสมัยโบราณที่มีทั้งหิริโอตตัปปะและมีศีลธรรม ถึงแม้ว่าจะเป็นโจรต้องปล้นกินก็ยังมากไปด้วยมารยาทกว่าคนทุกวันนี้อย่างน่าอัศจรรย์ (อ่านรายละเอียดเรื่อง “สนทนากับผู้ร้ายปล้น” พระนิพนธ์ของกรมพระยาดำรงราชานุภาพ มีที่หอสมุดแห่งชาติ ถ้าหากไม่มีใครขโมยเอาไปขายให้ฝรั่งในฐานะเป็นหนังสือเก่าอย่างที่นิยมทำกันมาช้านาน)

เวลานี้บ้านเมืองเต็มไปด้วยปัญหาการกระทำอันทุจริตคิดมิชอบ และปล้นบ้านปล้นเมืองอย่างอัศจรรย์พันลึก ปล้นเป็นแสนๆ ล้านล้านบาท อย่างกรณีการปล้นสถาบันการเงินของประเทศ 16 แห่งเป็นจำนวน 8 แสนล้านล้านบาท หรือ 1 ล้านล้านบาทที่ร่วมมือกับฝรั่งหากินกันไปแล้วในสมัยรัฐบาลชาติชั่วพรรคหนึ่งขึ้นมาครองบ้านเมือง ซึ่งจนบัดนี้ทั้งกลุ่มโจรและพวกเฝ้าดูโจรก็เงียบกริบไม่มีใครโงหัวขึ้นมาแตะต้อง เพราะประเทศไทยเรานั้นหมดคนที่มียางอายและคนมีศีลธรรมที่จะเกิดมาแก้ปัญหาได้

มาถึงระยะนี้ยิ่งมีการปล้นขนาดหนักมากมายหลายเรื่องที่ถูกเปิดเผยกันขึ้นมาซึ่งเป็นการปล้นในสมัยรัฐบาลชาติชั่วตามระบอบประชาธิปไตยชุดก่อนๆ ซึ่งมาถึงตอนนี้อ้างว่ามีมหาบุรุษเกิดขึ้นมาใหม่ที่ต้องการสำแดงศักดาภินิหารว่าจะชำระสะสางเรื่องราวให้เห็นดำเห็นแดงกันได้ และให้แผ่นดินไทยมีความยุติธรรมเสียบ้างหลายเรื่อง

เรื่องแรกก็คือการจับคนบริสุทธิ์มาเข้าคุกโดยตำรวจผู้มีบุญวาสนากับผู้ร้ายฆ่าคนพวกหนึ่งที่ร่วมมือกันในคดีนางสาวเชอรี่ แอน ดันแคน เพราะความมีเงินที่รู้กันทั่วไปแล้ว แต่ว่าคนทำความผิดคือคนฆ่าจริงๆ นั้น ยังหาตัวไม่พบซึ่งคาดว่าจนกว่าสิ้นอายุพุทธศาสนาก็หาตัวไม่ได้ เพราะความไม่มียางอายและความไม่มีศีลธรรมที่ว่านั้น

เป็นที่รู้กันว่าบ้านเมืองของเราจะไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะเรามีแต่คนที่ไม่มียางอายและไม่มีศีลธรรมเมื่อถูกยัดเงินเข้าไป คุณธรรมทั้งสองนั้นก็สาบสูญไป

นั่นย่อมเป็นพยานยืนยันอย่างชัดเจนที่ไม่สามารถจะหาวิทยาการใดๆ มาคัดค้านได้ว่าปัญหาเมืองไทยทุกปัญหาจะไม่มีทางแก้ไขอะไรได้เอาจริงๆ

ความจริงแล้วปัญหาของเมืองไทยทั้งหมดสามารถจะแก้ไขได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ไม่ต้องวิ่งเต้นร่างรัฐธรรมนูญหรือมีการเลือกตั้งให้เสียเวลา เพียงแต่มีเด็กอมมือที่รู้จักใช้คุณธรรมที่ว่าความมียางอาย และมีศีลธรรมมาใช้เป็นหลักเกณฑ์สำหรับการบริหารและการปกครองเท่านั้น ปัญหาชั่วร้ายนานาประการของเมืองไทยจะแก้ได้เหมือนบ้วนน้ำลายเล่น

เราอาจจะโกหกหลอกลวงได้ร้อยแปดว่าเรามีเจตนาดีที่จะแก้ไขปัญหาชาติสร้างความเป็นธรรมและแก้ไขความอดอยากและสิ่งสกปรกชั่วร้าย แต่เราไม่สามารถที่จะทำได้เพราะคนที่ออกมาพูดออกมาประกาศส่วนมากก็จะเป็นคนประเภทที่เรียกว่า พวกไม่มียางอายหรือพวกมือถือสาก ปากถือศีล และไม่มีคุณธรรมประเภทเดียวกันทั้งสิ้น

การปฏิวัติเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้ วันสองวันแรกก็ดูเหมือนว่าเอาเป็นเอาตายที่ทำให้ประชาชนเจ้าของชาติ หรือแม้แต่เด็กสองขวบก็ต้องออกมาแสดงความดีใจตื่นเต้นด้วย แต่อีกสองวันผ่านมาก็เริ่มเละขึ้นมาแล้ว เพราะมีคนที่หากินอยู่กับขบวนการปล้นชาติรายก่อนๆ ถือโอกาสซุกหุ้นหรือซุกอะไรต่อมิอะไรกันไว้ต่อไปอีก คนไทยที่คอยฟังข่าวก็คงถูกปล้นกันต่อไปอีกทั้งชาติ

ไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือไม่มีอะไรเปลี่ยนความหวังสำหรับประเทศไทยและคนไทย

เพราะคนที่ไม่มียางอายและคนไม่มีศีลธรรมของเรานั้นหมดลงไป ดูเหมือนเกือบจะไม่มีเหลืออยู่

เห็นจะไม่ต้องเอาเรื่องอะไรมาอ้างมาก การขายชาติขายแผ่นดินให้สิงคโปร์ไม่เพียงแต่คนไทยต้องปลงอนิจจังตัวเองที่เกิดมาอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์ที่หน้าด้านที่สุดในชาติ มันอาจจะทำให้เสียใจที่ต้องเกิดมาอยู่ร่วมกับคนไทยเหล่านี้ ทุกคนเกิดมาเตรียมการปล้นบ้านปล้นเมืองกันด้วยความเชี่ยวชาญและกินกันเงียบๆ ไปเป็นเวลาเกือบครึ่งทศวรรษโดยที่ไม่มีคนไทยคนไหนหรือรัฐบาลไหนที่มีอำนาจวาสนาขึ้นมาปกครองบ้านเมืองจนฉิบหายย่อยยับกันไปหลายปี โดยไม่เคยแตะต้องหรือไม่ยอมรู้เรื่องว่านั่นมันคือการปล้นชาติ

มันเป็นการกระทำที่ปราศจากยางอาย และไม่มีศีลธรรม

แต่เมื่อมาถึงรัฐบาลนี้ ปรากฏว่ามีผู้ห่วงใยบ้านเมืองและมหาบุรุษผุดขึ้นมาท่ามกลางความชั่วร้ายนานาประการในแผ่นดิน ก็มีการเอาเรื่องราวเหล่านี้มาพูดกันและก็ทำให้มองเห็นว่าอะไรเป็นอะไรและจะต้องมีความผิดประการใด

ผู้คนที่อยู่ในศีลกินในธรรมที่ไม่มีอำนาจวาสนาทั้งชาติก็พากันตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นการแก้ปัญหา และเอาคนชั่วมาลงโทษอย่างตื่นเต้นที่สุด

แต่ปรากฏว่า ไม่กี่วันเท่านั้นเรื่องนี้ก็เงียบหายออกไป

ทางบ้านเมือง ผู้รับผิดชอบและมหาบุรุษที่แย่งกันเกิดมาเหนือผู้เหนือคนเพื่อแก้ปัญหาความชั่วร้ายในชาติพากันหุบปากเงียบไปลงนรกอเวจีกันไปหมด และพึมพำกันออกมาว่า เรื่องมันหมดอายุความไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้!

นี่คือเมืองไทยที่เราทุกคนเผชิญอยู่ และพากันยอมรับความฉิบหายกันอยู่

ความไม่มียางอายและความไม่มีศีลธรรมนั้นไม่เพียงคนที่ปล้นชาติโกงแผ่นดินเท่านั้น คนที่มีหน้าที่ดูแลรักษาบ้านเมืองก็เป็นพวกมนุษย์ที่ไม่มียางอาย และไม่มีศีลธรรมไปด้วย

เมื่อเรื่องเป็นอย่างนี้ก็ขอให้เชื่อผมได้เลยว่าปัญหาเมืองไทยนั้น ไม่มีใครแก้มันได้หรอกไม่ว่าปัญหาอะไร เพราะเราไม่แก้ที่ตัวคนที่ไม่มียางอาย และไม่มีศีลธรรมในชาติพวกนี้เสียก่อน

ต่อให้สิ้นสุดอายุพุทธศาสนาก็แก้ไม่ได้แม้แต่ขยะตามถนนหนทางทุกแห่งในกรุงเทพฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น