ระยะนี้มีคนพูดถึงจริยธรรมมาก โดยเฉพาะจริยธรรมของผู้นำ จริยธรรมเป็นคุณลักษณะที่ไม่ใช่จะเกิดขึ้นง่ายๆ แต่ต้องอบรมบ่มเพาะกันมาตั้งแต่เด็กๆ การพูดถึงจริยธรรมลอยๆ โดยไม่ชี้เฉพาะลงไปว่าต้องเป็นอย่างไร ต้องทำอย่างไรนั้น ก็ป่วยการ
คนรุ่นอายุ 60 ต้องเคยได้รับการสั่งสอนเรื่อง “สมบัติผู้ดี” เพราะแต่ก่อนกระทรวงศึกษาธิการ จัดพิมพ์หนังสือชื่อเดียวกันนี้ให้สอนกันทุกโรงเรียน มาสมัยนี้กระทรวงศึกษาธิการ ก็กำหนดเป้าหมายให้อบรมเด็กให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง แต่ก็ไม่มีใครสนใจพิมพ์หนังสือ “สมบัติผู้ดี” ของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ขึ้นมาใหม่ ครูรุ่นเด็กก็ไม่มีใครรู้จักหนังสือเล่มนี้แล้ว
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี เป็นผู้วางแผนการศึกษาของชาติตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และเนื่องจากผู้กำกับตรวจแผนฯ นี้อีกชั้นหนึ่งคือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แนวทางการจัดการศึกษาจึงไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการสอนวิชาการ แต่มุ่งสร้างพลเมืองดีด้วย การสร้างพลเมืองดีนั้น เจ้าพระยาพระเสด็จฯ ได้เขียนหลักสำคัญๆ ในการประพฤติปฏิบัติไว้ใน “สมบัติของผู้ดี”
ผมได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่จำความได้ว่า ผู้ดีนั้นหมายถึงผู้ประพฤติดีด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ใช่คนที่มีชาติตระกูลสูง หรือมีความร่ำรวย
คนที่จะเป็น “ผู้ดี” ได้นั้น จะต้องมีการปฏิบัติทั้งกาย วาจา ใจ ในด้านต่างๆ คือ
1. ความเรียบร้อย
2. การไม่ทำอุจาดลามก (กิริยามารยาท)
3. การมีสัมมาคารวะ
4. การมีกิริยาเป็นที่รัก (กิริยาดี)
5. การเป็นผู้มีสง่า
6. การปฏิบัติการงานดี
7. การเป็นผู้ใจดี
8. การเป็นผู้ไม่เห็นแก่ตัว
9. การรักษาความสุจริต ซื่อตรง
10. การไม่ประพฤติชั่ว
เมื่อสังเกตสมบัติของผู้ดีดูแล้ว จะเห็นได้ว่านี่คือลักษณะของคนไทยที่มีกิริยา วาจา และใจดี ทำให้เด็กไทยสมัยก่อนเติบโตขึ้นมามีความอ่อนโยน แต่องอาจผึ่งผาย ทำให้เรามีลักษณะที่เรียกว่า “ความเป็นไทย” แตกต่างไปจากฝรั่ง ข้อประพฤติปฏิบัติเหล่านี้ ยังมีความเป็นสากลด้วย โดยเฉพาะด้านกิริยามารยาท
การมีกิริยาเป็นที่รักนี้ มีทั้งกาย วาจา และใจ กายจริยาได้แก่
1. ย่อมไม่ฝ่าฝืนเวลานิยม คือไม่ไปใช้กิริยายืนเมื่อเขานั่งกับพื้น และไม่ไปนั่งกับพื้นเมื่อเวลาเขายืนเดินกัน
2. ย่อมไม่ไปนั่งนานเกินสมควรในบ้านของผู้อื่น
3. ย่อมไม่ทำกิริยารื่นเริง เมื่อเขามีทุกข์
4. ย่อมไม่ทำกิริยาโศกเศร้าเหี่ยวแห้งในที่ประชุมรื่นเริง
5. เมื่อไปสู่ที่ประชุม การรื่นเริงย่อมช่วยสนุกชื่นบานให้สมเรื่อง
6. เมื่อเป็นเพื่อนเที่ยวย่อมต้องกลมเกลียว และร่วมลำบากร่วมสนุก
7. เมื่อตนเป็นเจ้าของบ้าน ย่อมต้องต้อนรับ และเชื้อเชิญแขกไม่เพิกเฉย
8. ย่อมไม่ทำกิริยาบึกบึนต่อแขก
9. ย่อมไม่ให้แขกต้องคอยนาน เมื่อเขามาหา
10. ย่อมไม่จ้องดูนาฬิกาในเวลาที่แขกยังนั่งอยู่
11. ย่อมไม่ใช้กิริยาอันบุ้ยใบ้หรือกระซิบกระซาบกับผู้ใด ในเวลาเมื่อตนอยู่เฉพาะหน้าผู้หนึ่ง
12. ย่อมไม่ใช้กิริยาอันโกรธเคือง หรือดุดันผู้คนบ่าวไพร่ต่อหน้าแขก
13. ย่อมไม่จ้องดูบุคคลโดยเพ่งพิศเหลือเกิน
14. ย่อมต้องรับส่งแขกเมื่อไปมา ในระยะอันสมควร
วจีจริยาคือ
1. ย่อมไม่เที่ยวติเตียนสิ่งของที่เขาตั้งแต่งไว้ในบ้านที่ตนไปสู่
2. ย่อมไม่กล่าวสรรเสริญรูปกายบุคคลแก่ตัวเขาเอง
3. ย่อมไม่พูดให้เพื่อนเก้อกระดาก
4. ย่อมไม่พูดเปรียบเปรยเคาะแคะสตรีกลางประชุม
5. ย่อมไม่ค่อนแคะติรูปกายบุคคล
6. ย่อมไม่ทักถึงการร้าย โดยพลุ่งโพล่งให้เขาตกใจ
7. ย่อมไม่ทักถึงสิ่งอันน่าอาย น่ากระดากโดยเปิดเผย
8. ย่อมไม่เอาสิ่งที่น่าจะอาย จะกระดากมาเล่าให้แขกฟัง
9. ย่อมไม่เอาเรื่องที่เขาพึงซ่อนเร้นมากล่าวให้อับอายหรือเจ็บใจ
10. ย่อมไม่กล่าวถึงการอัปมงคลในเวลามงคล
มโนจริยา คือ
1. ย่อมรู้จักเกรงใจคน
สมบัติของผู้ดีนั้น เป็นการปฏิบัติตนโดยมีการควบคุมทั้งกาย วาจา และใจ แม้คำที่ใช้บางคำจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ยังอ่านพอเข้าใจ ผมเห็นว่าเด็กๆ สมัยนี้ควรได้รับการสั่งสอนให้มี “สมบัติของผู้ดี” จึงได้จัดพิมพ์หนังสือนี้ให้เด็กๆ ที่วชิราวุธวิทยาลัย โดยขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์คือ คุณจุลสิงห์ วสันตสิงห์ นักเรียนเก่าวชิราวุธ หนังสือนี้น่าจะเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปด้วย จึงมีพอเจียดให้ผู้สนใจด้วยในราคาเล่มละ 50 บาท ใครอยากได้ก็ไปซื้อที่วชิราวุธวิทยาลัยได้
หนังสือเล่มนี้อาจทันสมัย เพราะผมได้ยินคนข่มขู่ว่าจะถีบบ้าง จะกระทืบผู้ไม่เห็นด้วยกับทักษิณแล้วก็นึกในใจว่า พวกนี้คงไม่เคยอ่านสมบัติของผู้ดี
สำหรับนักการเมืองแล้ว ข้อปฏิบัติเหล่านี้น่าจะใช้ได้
1. ย่อมไม่อาจเอื้อมในที่ต่ำสูง เช่น ไปทำพิธีที่วัดพระแก้ว
2. พูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้
3. ย่อมไม่พูดสับปลับกลับกลอกตลบตะแลง
4. ย่อมไม่แสวงประโยชน์ในทางที่ผิดธรรม
5. ย่อมเป็นผู้มีความละอายต่อบาป
คุณหมอประเวศ อยากได้นายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติ 10 ประการ โดยสีซอให้กระบือฟังมา 5 ปีแล้ว ผมเป็นคนมักน้อย ขอแค่มีนายกรัฐมนตรีที่มีสมบัติของผู้ดี ก็พอแล้วครับ
คนรุ่นอายุ 60 ต้องเคยได้รับการสั่งสอนเรื่อง “สมบัติผู้ดี” เพราะแต่ก่อนกระทรวงศึกษาธิการ จัดพิมพ์หนังสือชื่อเดียวกันนี้ให้สอนกันทุกโรงเรียน มาสมัยนี้กระทรวงศึกษาธิการ ก็กำหนดเป้าหมายให้อบรมเด็กให้เป็นทั้งคนดีและคนเก่ง แต่ก็ไม่มีใครสนใจพิมพ์หนังสือ “สมบัติผู้ดี” ของเจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี ขึ้นมาใหม่ ครูรุ่นเด็กก็ไม่มีใครรู้จักหนังสือเล่มนี้แล้ว
เจ้าพระยาพระเสด็จสุเรนทราธิบดี เป็นผู้วางแผนการศึกษาของชาติตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 และเนื่องจากผู้กำกับตรวจแผนฯ นี้อีกชั้นหนึ่งคือ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส แนวทางการจัดการศึกษาจึงไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการสอนวิชาการ แต่มุ่งสร้างพลเมืองดีด้วย การสร้างพลเมืองดีนั้น เจ้าพระยาพระเสด็จฯ ได้เขียนหลักสำคัญๆ ในการประพฤติปฏิบัติไว้ใน “สมบัติของผู้ดี”
ผมได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่จำความได้ว่า ผู้ดีนั้นหมายถึงผู้ประพฤติดีด้วยกาย วาจา ใจ ไม่ใช่คนที่มีชาติตระกูลสูง หรือมีความร่ำรวย
คนที่จะเป็น “ผู้ดี” ได้นั้น จะต้องมีการปฏิบัติทั้งกาย วาจา ใจ ในด้านต่างๆ คือ
1. ความเรียบร้อย
2. การไม่ทำอุจาดลามก (กิริยามารยาท)
3. การมีสัมมาคารวะ
4. การมีกิริยาเป็นที่รัก (กิริยาดี)
5. การเป็นผู้มีสง่า
6. การปฏิบัติการงานดี
7. การเป็นผู้ใจดี
8. การเป็นผู้ไม่เห็นแก่ตัว
9. การรักษาความสุจริต ซื่อตรง
10. การไม่ประพฤติชั่ว
เมื่อสังเกตสมบัติของผู้ดีดูแล้ว จะเห็นได้ว่านี่คือลักษณะของคนไทยที่มีกิริยา วาจา และใจดี ทำให้เด็กไทยสมัยก่อนเติบโตขึ้นมามีความอ่อนโยน แต่องอาจผึ่งผาย ทำให้เรามีลักษณะที่เรียกว่า “ความเป็นไทย” แตกต่างไปจากฝรั่ง ข้อประพฤติปฏิบัติเหล่านี้ ยังมีความเป็นสากลด้วย โดยเฉพาะด้านกิริยามารยาท
การมีกิริยาเป็นที่รักนี้ มีทั้งกาย วาจา และใจ กายจริยาได้แก่
1. ย่อมไม่ฝ่าฝืนเวลานิยม คือไม่ไปใช้กิริยายืนเมื่อเขานั่งกับพื้น และไม่ไปนั่งกับพื้นเมื่อเวลาเขายืนเดินกัน
2. ย่อมไม่ไปนั่งนานเกินสมควรในบ้านของผู้อื่น
3. ย่อมไม่ทำกิริยารื่นเริง เมื่อเขามีทุกข์
4. ย่อมไม่ทำกิริยาโศกเศร้าเหี่ยวแห้งในที่ประชุมรื่นเริง
5. เมื่อไปสู่ที่ประชุม การรื่นเริงย่อมช่วยสนุกชื่นบานให้สมเรื่อง
6. เมื่อเป็นเพื่อนเที่ยวย่อมต้องกลมเกลียว และร่วมลำบากร่วมสนุก
7. เมื่อตนเป็นเจ้าของบ้าน ย่อมต้องต้อนรับ และเชื้อเชิญแขกไม่เพิกเฉย
8. ย่อมไม่ทำกิริยาบึกบึนต่อแขก
9. ย่อมไม่ให้แขกต้องคอยนาน เมื่อเขามาหา
10. ย่อมไม่จ้องดูนาฬิกาในเวลาที่แขกยังนั่งอยู่
11. ย่อมไม่ใช้กิริยาอันบุ้ยใบ้หรือกระซิบกระซาบกับผู้ใด ในเวลาเมื่อตนอยู่เฉพาะหน้าผู้หนึ่ง
12. ย่อมไม่ใช้กิริยาอันโกรธเคือง หรือดุดันผู้คนบ่าวไพร่ต่อหน้าแขก
13. ย่อมไม่จ้องดูบุคคลโดยเพ่งพิศเหลือเกิน
14. ย่อมต้องรับส่งแขกเมื่อไปมา ในระยะอันสมควร
วจีจริยาคือ
1. ย่อมไม่เที่ยวติเตียนสิ่งของที่เขาตั้งแต่งไว้ในบ้านที่ตนไปสู่
2. ย่อมไม่กล่าวสรรเสริญรูปกายบุคคลแก่ตัวเขาเอง
3. ย่อมไม่พูดให้เพื่อนเก้อกระดาก
4. ย่อมไม่พูดเปรียบเปรยเคาะแคะสตรีกลางประชุม
5. ย่อมไม่ค่อนแคะติรูปกายบุคคล
6. ย่อมไม่ทักถึงการร้าย โดยพลุ่งโพล่งให้เขาตกใจ
7. ย่อมไม่ทักถึงสิ่งอันน่าอาย น่ากระดากโดยเปิดเผย
8. ย่อมไม่เอาสิ่งที่น่าจะอาย จะกระดากมาเล่าให้แขกฟัง
9. ย่อมไม่เอาเรื่องที่เขาพึงซ่อนเร้นมากล่าวให้อับอายหรือเจ็บใจ
10. ย่อมไม่กล่าวถึงการอัปมงคลในเวลามงคล
มโนจริยา คือ
1. ย่อมรู้จักเกรงใจคน
สมบัติของผู้ดีนั้น เป็นการปฏิบัติตนโดยมีการควบคุมทั้งกาย วาจา และใจ แม้คำที่ใช้บางคำจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ยังอ่านพอเข้าใจ ผมเห็นว่าเด็กๆ สมัยนี้ควรได้รับการสั่งสอนให้มี “สมบัติของผู้ดี” จึงได้จัดพิมพ์หนังสือนี้ให้เด็กๆ ที่วชิราวุธวิทยาลัย โดยขออนุญาตเจ้าของลิขสิทธิ์คือ คุณจุลสิงห์ วสันตสิงห์ นักเรียนเก่าวชิราวุธ หนังสือนี้น่าจะเป็นที่ต้องการของคนทั่วไปด้วย จึงมีพอเจียดให้ผู้สนใจด้วยในราคาเล่มละ 50 บาท ใครอยากได้ก็ไปซื้อที่วชิราวุธวิทยาลัยได้
หนังสือเล่มนี้อาจทันสมัย เพราะผมได้ยินคนข่มขู่ว่าจะถีบบ้าง จะกระทืบผู้ไม่เห็นด้วยกับทักษิณแล้วก็นึกในใจว่า พวกนี้คงไม่เคยอ่านสมบัติของผู้ดี
สำหรับนักการเมืองแล้ว ข้อปฏิบัติเหล่านี้น่าจะใช้ได้
1. ย่อมไม่อาจเอื้อมในที่ต่ำสูง เช่น ไปทำพิธีที่วัดพระแก้ว
2. พูดสิ่งใดย่อมให้เป็นที่เชื่อถือได้
3. ย่อมไม่พูดสับปลับกลับกลอกตลบตะแลง
4. ย่อมไม่แสวงประโยชน์ในทางที่ผิดธรรม
5. ย่อมเป็นผู้มีความละอายต่อบาป
คุณหมอประเวศ อยากได้นายกรัฐมนตรีที่มีคุณสมบัติ 10 ประการ โดยสีซอให้กระบือฟังมา 5 ปีแล้ว ผมเป็นคนมักน้อย ขอแค่มีนายกรัฐมนตรีที่มีสมบัติของผู้ดี ก็พอแล้วครับ