ผู้บริหาร “เทมาเส็ก”ทำใจดีสู้เสือหลัง คปค.โค่นระบอบทักษิณ จนทำให้กระทรวงพาณิชย์กลับลำจ่อส่ง"กุหลาบแก้ว"ให้ตำรวจดำเนินคดี ให้สัมภาษณ์นิตยสารนิวสวีก ยันการเข้าซื้อหุ้นชินจากตระกูลชินวัตร ทำตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของประเทศไทยทุกอย่างแล้ว
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกคณะทหารโค่นล้มจากอำนาจในสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังเกิดวิกฤตทางการเมืองอย่างยืดเยื้อ โดยส่วนหนึ่งมีชนวนจากการที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ป ซึ่งครอบครัวของเขาครอบครองอยู่ ให้กับบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์
เทมาเส็ก ซึ่งเป็นกิจการการลงทุนของรัฐสิงคโปร์ ได้ซื้อหุ้นชิน 49% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากตระกูลชินวัตร ในราคาเกือบ 1,900 ล้านดอลลาร์ หรือราว 73,000 ล้านบาท โดยไม่มีการเสียภาษี จนกลายเป็นกรณีฉาวโฉ่ ซึ่งกระตุ้นให้ประชาชนประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณกันมากมาย
คาดหมายกันว่า ข้อตกลงนี้จะเป็นโฟกัสสำคัญของคณะกรรมการที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่งตั้งขึ้น เพื่อสอบสวนการทุจริตของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีอำนาจที่จะยึดทรัพย์สินซึ่งได้มาอย่างมิชอบด้วย
จิมมี ฟูน กรรมการผู้จัดการฝ่ายการพัฒนาทางยุทธศาสตร์ ของเทมาเส็ก บอกกับนิตยสารนิวสวีกฉบับออนไลน์ว่า เทมาเส็กไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องนี้เลย
“เราได้ทำตามกฎหมายต่างๆ และระเบียบหลักเกณฑ์ทั้งหมดแล้ว และเราจะยังคงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทางเจ้าหน้าที่” ฉบับออนไลน์ของนิตยสารข่าวชื่อดังของสหรัฐฯ อ้างคำพูดของฟูน
หลังจากเข้าซื้อหุ้นชินคอร์ป 49% กลุ่มนักลงทุนที่นำโดยเทมาเส็ก ก็ได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนเวลานี้มีหุ้นชินคอร์ปอยู่ 96% ทว่าการเทคโอเวอร์นี้ ขณะนี้กำลังถูกกระทรวงพาณิชย์สอบสวน
ผลการสอบสวนเบื้องต้นที่เผยแพร่ออกมาระบุว่า ได้พบว่ามีกลุ่มนักลงทุนไทยจัดตั้งบริษัทไทยชื่อ กุหลาบแก้ว ขึ้นมา ดำเนินการซื้อและควบคุมหุ้นชินคอร์ป โดยทำการแทนเทมาเส็ก อันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายการถือครองธุรกิจของต่างด้าว
หากกระทรวงพาณิชย์ยืนยันการสอบสวนนี้แล้ว หุ้นที่เทมาเส็กถืออยู่ในชินคอร์ป ก็ย่อมจะมีปริมาณเกินข้อกำหนดเรื่องการถือครองของต่างชาติ และจะส่งผลต่อฐานะของชินคอร์ปที่จะเป็นผู้รับสัมปทานกิจการสื่อสาร
“เรามั่นใจว่าผลลัพธ์ของการพิจารณาทบทวนของกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นที่พอใจ เพราะเราได้ทำตามกฎหมายทั้งหมดแล้ว” ฟูนบอก
เขากล่าวกับนิวสวีกด้วยว่า ปัจจุบันเทมาเส็กถือหุ้นชินอยู่ 41.7% โดยถือตรงผ่านบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ ส่วนอีก 54.6% นั้นถือโดยบริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ อันเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง ไซเปรส โฮลดิ้งส์ ของเทมาเส็ก, ธนาคารไทยพาณิชย์, และ บริษัทกุหลาบแก้ว
“จุดสำคัญคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของซีดาร์นั้นคือกุหลาบแก้ว ซึ่งถือครองอยู่ 45.2% และร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ควบคุมหุ้นส่วนข้างมากของซีดาร์ กุหลาบแก้วไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับเทมาเส็ก” ฟูนยืนยัน
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับ “ข่าวลือ” ที่ว่าเทมาเส็กได้จ่ายเงินค่าหุ้นชินคอร์ปให้ตระกูลชินวัตร โดยผ่านบัญชีออฟชอร์ ตามคำขอของผู้ขาย
“เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ธุรกรรมคราวนี้กระทำผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และชำระเต็มกันในประเทศไทย เงินถูกจ่ายในประเทศไทย และไม่ได้มีแผนการข้อตกลงซื้อคืนอะไรทั้งสิ้น” ฟูนบอก
เขายังพูดด้วยว่า ในเวลาที่ทำข้อตกลงนี้ เทมาเส็กไม่ได้ตระหนักเลยว่า ได้มีการจัดทำโครงสร้างซึ่งทำให้ผู้ขายไม่ต้องเสียภาษี
“ขอพูดให้ชัดเจนเลย ชินคอร์ปยังคงเป็นการลงทุนที่ดี หากไม่คำนึงถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมา” ฟูนกล่าว พร้อมกับเสริมว่า รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ได้เข้าแทรกแซงการตัดสินใจของเทมาเส็กเลย
เมื่อนิวสวีกถามว่า เทมาเส็กยอมรับหรือไม่ว่า มีส่วนทำให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณต้องล้มครืนลงไป ฟูนก็ตอบว่า “ไม่มีทางยอมรับเลย”
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดกรณีการตรวจสอบนอมินีกุหลาบแก้ว วานนี้ (29ก.ย.) น.ส.อรจิต สิงคาลวนิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนในเรื่องการพิจารณาส่งผลการตรวจสอบกรณี การซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ของบริษัทกุหลาบแก้ว ว่ามีพฤติกรรมไม่โปร่งใสจากการเป็น นอมินี หรือบุคคลถือหุ้นแทนต่างด้าวให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายได้หรือไม่ เนื่องจากในขณะนี้ทางกรมกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดจากข้อมูลการสอบคณะทำงานจากชุดที่ มี นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อความรอบคอบที่สุดก่อนส่งผลสอบให้พนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ใช้เวลา 4 วันในการพิจารณารายละเอียดผลการสอบ หลังจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้มอบอำนาจให้กรมพัฒนาธุรกิจการรค้าเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกคณะทหารโค่นล้มจากอำนาจในสัปดาห์ที่แล้ว ภายหลังเกิดวิกฤตทางการเมืองอย่างยืดเยื้อ โดยส่วนหนึ่งมีชนวนจากการที่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นี้ ขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ป ซึ่งครอบครัวของเขาครอบครองอยู่ ให้กับบริษัทเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์
เทมาเส็ก ซึ่งเป็นกิจการการลงทุนของรัฐสิงคโปร์ ได้ซื้อหุ้นชิน 49% เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากตระกูลชินวัตร ในราคาเกือบ 1,900 ล้านดอลลาร์ หรือราว 73,000 ล้านบาท โดยไม่มีการเสียภาษี จนกลายเป็นกรณีฉาวโฉ่ ซึ่งกระตุ้นให้ประชาชนประท้วง พ.ต.ท.ทักษิณกันมากมาย
คาดหมายกันว่า ข้อตกลงนี้จะเป็นโฟกัสสำคัญของคณะกรรมการที่ คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) แต่งตั้งขึ้น เพื่อสอบสวนการทุจริตของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีอำนาจที่จะยึดทรัพย์สินซึ่งได้มาอย่างมิชอบด้วย
จิมมี ฟูน กรรมการผู้จัดการฝ่ายการพัฒนาทางยุทธศาสตร์ ของเทมาเส็ก บอกกับนิตยสารนิวสวีกฉบับออนไลน์ว่า เทมาเส็กไม่ได้ทำอะไรผิดในเรื่องนี้เลย
“เราได้ทำตามกฎหมายต่างๆ และระเบียบหลักเกณฑ์ทั้งหมดแล้ว และเราจะยังคงให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับทางเจ้าหน้าที่” ฉบับออนไลน์ของนิตยสารข่าวชื่อดังของสหรัฐฯ อ้างคำพูดของฟูน
หลังจากเข้าซื้อหุ้นชินคอร์ป 49% กลุ่มนักลงทุนที่นำโดยเทมาเส็ก ก็ได้ทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จนเวลานี้มีหุ้นชินคอร์ปอยู่ 96% ทว่าการเทคโอเวอร์นี้ ขณะนี้กำลังถูกกระทรวงพาณิชย์สอบสวน
ผลการสอบสวนเบื้องต้นที่เผยแพร่ออกมาระบุว่า ได้พบว่ามีกลุ่มนักลงทุนไทยจัดตั้งบริษัทไทยชื่อ กุหลาบแก้ว ขึ้นมา ดำเนินการซื้อและควบคุมหุ้นชินคอร์ป โดยทำการแทนเทมาเส็ก อันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายการถือครองธุรกิจของต่างด้าว
หากกระทรวงพาณิชย์ยืนยันการสอบสวนนี้แล้ว หุ้นที่เทมาเส็กถืออยู่ในชินคอร์ป ก็ย่อมจะมีปริมาณเกินข้อกำหนดเรื่องการถือครองของต่างชาติ และจะส่งผลต่อฐานะของชินคอร์ปที่จะเป็นผู้รับสัมปทานกิจการสื่อสาร
“เรามั่นใจว่าผลลัพธ์ของการพิจารณาทบทวนของกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นที่พอใจ เพราะเราได้ทำตามกฎหมายทั้งหมดแล้ว” ฟูนบอก
เขากล่าวกับนิวสวีกด้วยว่า ปัจจุบันเทมาเส็กถือหุ้นชินอยู่ 41.7% โดยถือตรงผ่านบริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ ส่วนอีก 54.6% นั้นถือโดยบริษัทซีดาร์ โฮลดิ้งส์ อันเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง ไซเปรส โฮลดิ้งส์ ของเทมาเส็ก, ธนาคารไทยพาณิชย์, และ บริษัทกุหลาบแก้ว
“จุดสำคัญคือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของซีดาร์นั้นคือกุหลาบแก้ว ซึ่งถือครองอยู่ 45.2% และร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ควบคุมหุ้นส่วนข้างมากของซีดาร์ กุหลาบแก้วไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนให้กับเทมาเส็ก” ฟูนยืนยัน
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับ “ข่าวลือ” ที่ว่าเทมาเส็กได้จ่ายเงินค่าหุ้นชินคอร์ปให้ตระกูลชินวัตร โดยผ่านบัญชีออฟชอร์ ตามคำขอของผู้ขาย
“เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ธุรกรรมคราวนี้กระทำผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และชำระเต็มกันในประเทศไทย เงินถูกจ่ายในประเทศไทย และไม่ได้มีแผนการข้อตกลงซื้อคืนอะไรทั้งสิ้น” ฟูนบอก
เขายังพูดด้วยว่า ในเวลาที่ทำข้อตกลงนี้ เทมาเส็กไม่ได้ตระหนักเลยว่า ได้มีการจัดทำโครงสร้างซึ่งทำให้ผู้ขายไม่ต้องเสียภาษี
“ขอพูดให้ชัดเจนเลย ชินคอร์ปยังคงเป็นการลงทุนที่ดี หากไม่คำนึงถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมา” ฟูนกล่าว พร้อมกับเสริมว่า รัฐบาลสิงคโปร์ไม่ได้เข้าแทรกแซงการตัดสินใจของเทมาเส็กเลย
เมื่อนิวสวีกถามว่า เทมาเส็กยอมรับหรือไม่ว่า มีส่วนทำให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณต้องล้มครืนลงไป ฟูนก็ตอบว่า “ไม่มีทางยอมรับเลย”
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดกรณีการตรวจสอบนอมินีกุหลาบแก้ว วานนี้ (29ก.ย.) น.ส.อรจิต สิงคาลวนิช อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนในเรื่องการพิจารณาส่งผลการตรวจสอบกรณี การซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด มหาชน ของบริษัทกุหลาบแก้ว ว่ามีพฤติกรรมไม่โปร่งใสจากการเป็น นอมินี หรือบุคคลถือหุ้นแทนต่างด้าวให้กับพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายได้หรือไม่ เนื่องจากในขณะนี้ทางกรมกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดจากข้อมูลการสอบคณะทำงานจากชุดที่ มี นายยรรยง พวงราช รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน เพื่อความรอบคอบที่สุดก่อนส่งผลสอบให้พนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ใช้เวลา 4 วันในการพิจารณารายละเอียดผลการสอบ หลังจากปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้มอบอำนาจให้กรมพัฒนาธุรกิจการรค้าเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้