xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 34 เกิดเป็นคนควรเป็นศิษย์มีครู (1)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

วันหนึ่งนายเณรนัดผมให้ไปที่บ้านตั้งแต่เวลาห้าโมงเย็น บอกว่าได้นัดนายกำธรและนายเป๋มากินเหล้าที่บ้านจะได้ซ้อมหมากฮอสกัน ผมก็ไปตามนัด นายเณรจัดให้ผมเล่นกับนายเป๋ก่อน ในขณะที่นายเณรและนายกำธรนั่งดู

ผมเล่นกับนายเป๋หลายสิบกระดาน มีทั้งชนะ เสมอ และแพ้ประสมประสานกันไป นายกำธรว่าลูกศิษย์คนนี้สติปัญญาความคิดอ่านดี นี่แค่ฝึกไม่นานไอ้เป๋ก็เหงื่อตกแล้ว อีกไม่นานไอ้เป๋คงสู้ไม่ได้ นี่แหละมัวจะอ่อนฝีมือเพื่อหลอกกินหมู ก็ต้องเป็นเช่นนี้

นายเป๋ได้ยินดังนั้นก็พูดว่าเก่งหรือไม่เก่งยังไม่สำคัญเท่ากับการหาเงินได้ เป็นเซียนแต่หาเงินไม่ได้ก็ไร้ค่า ขอเพียงมีฝีมือบ้างแต่ให้รู้วิชาหาเงินก็จะมีความหมายมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายเป๋ไม่ได้เห็นคุณค่าของวิชา เห็นแต่ทางจะทำมาหารายได้ว่ามีความสำคัญมากกว่า

ความสนิทสนมระหว่างผมกับนายกำธร นายเณร และนายเป๋แน่นแฟ้นขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไป และบ่อยครั้งที่พวกเราไปกินข้าวด้วยกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปกินที่ร้านข้าวต้มกุ๊ยริมถนนอรุณอัมรินทร์ซึ่งเป็นร้านห้องแถวขนาดสองห้อง แต่จัดได้ว่าเป็นร้านใหญ่ในย่านนั้น

เหตุที่นิยมไปกินข้าวกันที่ร้านนี้ก็เพราะมีอาหารมากมายหลายอย่างและราคาก็ย่อมเยา วันไหนถ้ามีเงินเพียงคนละ 3 บาทก็สามารถกินได้เต็มอิ่มแล้ว ในขณะนั้นข้าวสวยถ้วยละ 50 สตางค์ ข้าวต้มและน้ำแข็งเปล่า 25 สตางค์ จับฉ่ายซึ่งเป็นอาหารหลักของพวกเราราคาชามละ 1 บาท แกงจืดราคาชามละ 2 บาท ถ้าเป็นต้มยำราคาก็สูงขึ้นหน่อยเป็นชามละ 3 บาท ซึ่งถ้าเทียบกับราคาสมัยนี้ก็ต่างกันลิบลับเพราะเฉพาะข้าวสวยบางแห่งราคาตกจานละ 5-10 บาทก็มี

ครั้นสนิทสนมคุ้นเคยกันมากเข้านายกำธรก็ชวนไปเที่ยวที่บ้านและไปเล่นหมากฮอสกันที่บ้านของนายกำธรที่อยู่เลยวัดวิเศษไปอีกหน่อยหนึ่ง เป็นบ้านทรงปั้นหยาสองชั้น ใต้ถุนโล่ง พอได้เห็นฐานะของนายกำธรว่าเป็นข้าราชการที่มีฐานะปานกลางมาทางล่าง แต่ในด้านจิตใจแล้วออกจะร่ำรวยด้วยน้ำมิตรและไมตรีที่มีต่อผู้คน

นายกำธรได้สอนผมในเชิงหมากฮอสต่อจากนายเณรอีกมากมายหลายกระบวน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความพลิกแพลง เป็นเรื่องของความลึกซึ้งและกลอุบายในการเดินแต้มคูต่างๆ เพราะเหตุนี้ความรู้ทางหมากฮอสของผมจึงได้ก้าวรุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว

นายกำธรออกจะติดหนังสือกำลังภายในมาก เรียกตัวเองว่าเล่าฮูทุกคำ และออกจะเป็นคนทระนงในตัวเอง ถึงกระนั้นก็ยังติดขนบธรรมเนียมไทยอยู่มาก นายกำธรสอนผมว่าหมากฮอสชื่อเหมือนฝรั่งแต่ที่จริงเป็นของไทย เพี้ยนมาจากคำว่าฮอดซึ่งแปลว่ารอด คือรอดพ้นจากด่านขวากหนามต่างๆ ไปเข้าฮอส แบบนี้ของฝรั่งไม่มี ที่มีเล่นกันบ้างก็เป็นการเดินสามแถว แตกต่างจากของไทย

ดังนั้นนายกำธรจึงว่าเมื่อเป็นของไทยก็ต้องรู้จักบูชาครู ว่าแล้วก็สอนคาถาบูชาครูหมากฮอสให้กับผมว่า การบูชาครูหมากฮอสนั้นต้องบูชาด้วยคาถาดังนี้ “นมัสสิตตะวา ขอให้ศิษย์เอกมีชัยชนะทั่วปฐพี โอม สะหมติ”

ผมเองไม่ค่อยมั่นใจว่านายกำธรพูดเล่นหรือพูดจริง แต่คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไรกันเพราะเนื้อความคาถาที่ว่านี้ก็เป็นเพียงแค่ความตั้งใจที่จะเล่นหมากฮอสให้ชนะคนอื่นเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเล่นหมากฮอสอยู่แล้ว เนื่องจากพอเข้านั่งประจำที่หน้ากระดานก็จะมีใจมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้อยู่แล้วเป็นธรรมดา ดังนั้นในเวลาผมเล่นหมากฮอสผมจึงไม่เคยว่าคาถาบูชาครูดังกล่าวนี้เลย

ยกเว้นก็แต่บางครั้งที่จะต่อสู้หรือแข่งขันกับนักหมากฮอสมีฝีมือเป็นเรื่องเป็นราว ใจก็มักจะน้อมรำลึกถึงนายเณร นายกำธร และนายเป๋อยู่เสมอ ซึ่งทำให้จิตใจมีความเชื่อมั่นและเยือกเย็นลงเป็นอันมาก นี่ต่างหากที่น่าจะเป็นเรื่องประโยชน์ของการระลึกถึงครูบาอาจารย์ก่อนการทำการสำคัญใดๆ ซึ่งกลายเป็นประเพณีอย่างหนึ่งของคนไทยที่ตกทอดมาถึงทุกวันนี้

นายกำธรนั้นเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน นอกจากการเล่นหมากฮอสแล้วยังแต่งเพลงพื้นบ้านและเขียนบทกลอนได้อย่างไพเราะเพราะพริ้ง นายกำธรได้แต่งโคลงสี่สุภาพเป็นโคลงกลกระทู้กิน กัน กล แก้ ซึ่งเป็นเคล็ดการเล่นหมากฮอสไว้อย่างไพเราะเพราะพริ้งว่า

“กิน ระวังหลังก่อนรู้ ดูเชิง

กัน ข้าศึกบุกระเริงรุกล้ำ

กล ลวงล่อศึกเหลิงห่อนรู้ เชิงนา

แก้ หมากหากเพลี่ยงพล้ำคิดแก้ กลับกลาย”


โคลงสี่สุภาพดังกล่าวเป็นการอรรถาธิบายกระบวนกลในการเล่นหมากฮอสไว้เป็นสี่กระบวน คือการกิน การกันข้าศึกหรือการป้องกันข้าศึก การวางกลหรือวางอุบายให้ข้าศึกหลงทาง และการแก้ไขสถานการณ์ในยามเพลี่ยงพล้ำว่าต้องเพียรคิดแก้ไขอย่าได้ท้อถอย

คติกระบวนกลในการเล่นหมากฮอสดังกล่าวมีเนื้อความที่ลึกซึ้ง สามารถนำไปใช้ได้กับการเล่นหมากรุกและในการครองชีวิตประจำวันของคนเราได้เป็นอย่างดี เพราะชีวิตของคนเรานั้นย่อมอยู่ในสังคมที่ต้องเกี่ยวข้องกับผู้คนเป็นจำนวนมาก มีเรื่องราวที่ต้องติดต่อตกลงหรือร่วมการงานกันเป็นจำนวนมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ย่อมมีเรื่องได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์ มีเรื่องที่ถูกเอาเปรียบ หรือได้เปรียบคนอื่น มีเรื่องที่ถูกทำให้เข้าใจผิดหรือหลงทาง หรือหลงเรื่องราวจนอาจเกิดความเสียหายใหญ่หลวงขึ้นมาได้ และก็เป็นธรรมดาของชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาตามมากตามน้อยที่จำเป็นต้องเอาใจใส่ดูแลแก้ไขให้ลุล่วงไป

ดังนั้นเพียงแต่คำนึงถึงทั้งสี่เรื่องตามโคลงสี่สุภาพบทนี้ให้จงดี ปฏิบัติให้ได้ ใช้ให้เป็น ก็มีแต่จะก่อเกิดประโยชน์ในการดำเนินชีวิตได้มาก

บ่อยครั้งที่พวกเราไปเล่นหมากฮอสกันที่บ้านนายกำธร ครั้นเล่นหมากฮอสเสร็จแล้วก็ออกมากินข้าวด้วยกัน ในระหว่างที่กำลังเดินไปที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตรนั้น หากมีแต้มคูติดค้างคากันมา พวกเราทั้งสี่คนก็ได้พูดวิพากษ์วิจารณ์ถึงการเดินแต้มคูต่อไปอย่างสนุกสนานราวกับว่านั่งเล่นอยู่หน้ากระดานจริง

แสดงให้เห็นว่าพวกเราทั้งสี่คนนั้นสันทัดในเชิงหมากฮอสจนเรียกว่าเข้ากระดูกดำก็ว่าได้ โดยเฉพาะตัวผมนั้นรู้สึกอย่างชัดเจนว่าความรู้ความสามารถในเชิงหมากฮอสได้ยกระดับชั้นก้าวหน้าไปจากเดิมจนเทียบกันไม่ติดหรือห่างไกลกันลิบลับราวฟ้ากับดิน และเริ่มรู้สึกว่าความรู้ความสามารถในเชิงหมากฮอส ณ บัดนั้นเข้าขั้นเป็นเซียนหมากฮอสแล้ว.

โปรดติดตามตอนที่ 34 “เกิดเป็นคนควรเป็นศิษย์มีครู ตอน 2 (จบ)” ในวันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น