ปลัดมท.กำชับผู้ว่าฯห้ามมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคล ในการต่อต้านคณะปฏิรูปฯในพื้นที่เด็ดขาด ขณะที่ “แรมโบ้อีสาน” อดีต ส.ส.ทรท.และ ที่ปรึกษา “ทักษิณ” เข้ารายงานตัวกองทัพแล้ว ยืนยันไม่คิดเคลื่อนไหวต้าน คปค. เผย “สุวัจน์” ยังเป็นแกนหลักให้ อดีต ส.ส.โคราช หวังฟื้น ทรท.อีกรอบ และยังเชื่อ “ทักษิณ” ไม่วางมือ รอง มทภ.2 ระบุมีอดีต ส.ส.อีสานหลายคนขอเข้ารายงานตัว เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือจากพวกต้องการสร้างปัญหา “สุรชัย” โผล่ ต้าน“ศุภชัย” นั่งนายกฯ อ้างเป็นคน ปชป.
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าววานนี้ (26 ก.ย.) ว่า จากการตรวจสอบจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องการเคลื่อนไหวของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่จะเข้ามาต่อต้าน คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งก็ได้กำชับผู้ว่าฯทั่วประเทศให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งขณะนี้ก็มีความเข้าใจอันดีแล้ว อย่างไรก็ตามเห็นว่า กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นความพยายามปล่อยข่าวของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้เกิดความสับสน
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน” อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ได้เข้ารายงานตัวกับกองทัพภาคที่ 2
พล.ต.ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การเข้ารายงานตัวของนายสุภรณ์ ได้ติดต่อผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเพื่อขอเข้าแสดง ความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 2 และปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศของ คปค. เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมทั้งได้ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว จัดตั้งมวลชนในพื้นที่ตามข่าวลือต่างๆ ที่ออกมาแต่อย่างใด
พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวว่าในส่วนของภาคอีสานได้รับรายงานว่า ได้มีนักการเมืองและอดีต ส.ส.จำนวนหนึ่ง เช่น ที่ จ.อุดรธานี ติดต่อขอเข้ารายงานตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเช่นกัน ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกแต่ละพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ
พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในพื้นที่ ภาคอีสาน แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กำชับไปยังบรรดานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวมทั้งสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกจังหวัดให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ คปค.อย่างเคร่งครัด และให้ยุติการดำเนินกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ทุกอย่างไว้ทั้งหมดก่อน ซึ่งล่าสุด จากการตรวจสอบสถานการณ์การเคลื่อนไหว ของมวลชน ในพื้นที่ภาคอีสาน ยังไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้น
พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวขอร้องไปยังประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เช่น จ.บุรีรัมย์ ได้มีการปล่อยข่าวว่า คปค.จะดำเนินการยุบกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อหวังที่จะปลุกระดมมวลชน ซึ่งเรื่องนี้ คปค.ได้ออกประกาศชัดเจนแล้วว่า โครงการอะไรที่เป็นสิ่งดีเป็นประโยชน์กับประชาชน จะคงไว้เช่นเดิม ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามคำสั่ง และประกาศของ คปค.อย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งนั้นคือข้อเท็จจริงที่ถูกต้องชัดเจนที่สุด
ด้านนายสุภรณ์ กล่าวว่า ที่มารายงานตัวครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการร้อนตัว แต่เนื่องจากตลอดช่วงที่ผ่านมา มีข่าวลือกล่าวหาตนว่า ได้เคลื่อนไหวจัดตั้งมวลชนในพื้นที่ เพื่อมาต่อต้าน คปค.ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ในฐานะที่เป็นอดีตเลขานุการส่วนตัว และที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องออกมายืนยันกับทางกองทัพภาคที่ 2 ว่า กรณีที่มีคนบอกว่า ตนกำลังระดมคนยุยงชาวบ้านในพื้นที่ อ.ครบุรี, เสิงสาง จ.นครราชสีมา ให้ออกมาเพื่อต่อต้าน คปค.นั้น ไม่เป็นความจริง และตนพร้อมให้ความร่วมมือกับ คปค.
“ขอยืนยันว่า ผมและนักการเมือง อดีต ส.ส.ไทยรักไทย โคราช ทุกคน ไม่ได้มีการเคลื่อนไหว แต่สิ่งที่ประชาชนและนักการเมืองต้องการที่สุด คือ อยากให้ประเทศชาติเข้าสู่ภาวะปกติและคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว อย่างไรก็ตามกลุ่มอดีต ส.ส.โคราชทุกคนยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะความเป็นสถาบันการเมืองใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ยังเป็นพรรคการเมืองต่อไป และขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่ได้ออกมาพูดว่าจะวางมือทางการเมือง ส่วน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และแกนนำกลุ่ม ส.ส.โคราชจากที่ได้พูดคุยกัน ล่าสุดยังยืนยันจะอยู่กับพรรคไทยรักไทยต่อไปและไม่หวั่นไหวกับการเป็นเป้าหมายหนึ่งในการตรวจสอบทรัพย์สินและปัญหาการทุจริตต่างๆ”
ด้านนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (ใหม่) กล่าวคัดค้านนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด ที่มีข่าวว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่จะมาเป็นนายกฯ โดยระบุว่า ถ้า คปค.ต้องการปฏิรูปและโค่นระบอบทักษิณจริง ควรเอาคนเป็นกลางมาเป็นนายกฯ
“อย่าลืมว่า คุณศุภชัย เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน แม้คุณศุภชัยจะมีความสามารถเหมาะที่จะเป็นนายกฯ แต่ไม่ควรมาในตอนนี้ ควรมาจากการเลือกตั้ง หากคุณศุภชัย มาจริง ผมจะตั้งเวทีอย่างไม่เกรงใจใคร และจะทำการปลุกกระแสต่อต้าน เพราะวงจรอุบาทว์จะกลับมาอีกครั้ง และ คปค.จะกลายเป็นเครื่องมือฝ่ายตรงข้ามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผลเสียจะเกิดขึ้นกับ คปค.เองรวมไปถึงประเทศชาติ”
นายสุจริต ปัจฉิมนันท์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าววานนี้ (26 ก.ย.) ว่า จากการตรวจสอบจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ขณะนี้ยังไม่มีรายงานเรื่องการเคลื่อนไหวของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่จะเข้ามาต่อต้าน คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ซึ่งก็ได้กำชับผู้ว่าฯทั่วประเทศให้เร่งทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งขณะนี้ก็มีความเข้าใจอันดีแล้ว อย่างไรก็ตามเห็นว่า กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นความพยายามปล่อยข่าวของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้เกิดความสับสน
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เจ้าของฉายา “แรมโบ้อีสาน” อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย ได้เข้ารายงานตัวกับกองทัพภาคที่ 2
พล.ต.ธีระศักดิ์ ฤทธิวงศ์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า การเข้ารายงานตัวของนายสุภรณ์ ได้ติดต่อผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาเพื่อขอเข้าแสดง ความบริสุทธิ์ใจ และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 2 และปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศของ คปค. เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง รวมทั้งได้ยืนยันว่า ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหว จัดตั้งมวลชนในพื้นที่ตามข่าวลือต่างๆ ที่ออกมาแต่อย่างใด
พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวว่าในส่วนของภาคอีสานได้รับรายงานว่า ได้มีนักการเมืองและอดีต ส.ส.จำนวนหนึ่ง เช่น ที่ จ.อุดรธานี ติดต่อขอเข้ารายงานตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเช่นกัน ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบหมายให้ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกแต่ละพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการ
พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในพื้นที่ ภาคอีสาน แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กำชับไปยังบรรดานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) รวมทั้งสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกจังหวัดให้ปฏิบัติตามคำสั่งของ คปค.อย่างเคร่งครัด และให้ยุติการดำเนินกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมือง ทุกอย่างไว้ทั้งหมดก่อน ซึ่งล่าสุด จากการตรวจสอบสถานการณ์การเคลื่อนไหว ของมวลชน ในพื้นที่ภาคอีสาน ยังไม่พบความผิดปกติเกิดขึ้น
พล.ต.ธีระศักดิ์ กล่าวขอร้องไปยังประชาชนว่า อย่าหลงเชื่อข่าวลือต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด เช่น จ.บุรีรัมย์ ได้มีการปล่อยข่าวว่า คปค.จะดำเนินการยุบกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เพื่อหวังที่จะปลุกระดมมวลชน ซึ่งเรื่องนี้ คปค.ได้ออกประกาศชัดเจนแล้วว่า โครงการอะไรที่เป็นสิ่งดีเป็นประโยชน์กับประชาชน จะคงไว้เช่นเดิม ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามคำสั่ง และประกาศของ คปค.อย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งนั้นคือข้อเท็จจริงที่ถูกต้องชัดเจนที่สุด
ด้านนายสุภรณ์ กล่าวว่า ที่มารายงานตัวครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการร้อนตัว แต่เนื่องจากตลอดช่วงที่ผ่านมา มีข่าวลือกล่าวหาตนว่า ได้เคลื่อนไหวจัดตั้งมวลชนในพื้นที่ เพื่อมาต่อต้าน คปค.ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ในฐานะที่เป็นอดีตเลขานุการส่วนตัว และที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงจำเป็นต้องออกมายืนยันกับทางกองทัพภาคที่ 2 ว่า กรณีที่มีคนบอกว่า ตนกำลังระดมคนยุยงชาวบ้านในพื้นที่ อ.ครบุรี, เสิงสาง จ.นครราชสีมา ให้ออกมาเพื่อต่อต้าน คปค.นั้น ไม่เป็นความจริง และตนพร้อมให้ความร่วมมือกับ คปค.
“ขอยืนยันว่า ผมและนักการเมือง อดีต ส.ส.ไทยรักไทย โคราช ทุกคน ไม่ได้มีการเคลื่อนไหว แต่สิ่งที่ประชาชนและนักการเมืองต้องการที่สุด คือ อยากให้ประเทศชาติเข้าสู่ภาวะปกติและคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว อย่างไรก็ตามกลุ่มอดีต ส.ส.โคราชทุกคนยังเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพราะความเป็นสถาบันการเมืองใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคก็ยังเป็นพรรคการเมืองต่อไป และขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังไม่ได้ออกมาพูดว่าจะวางมือทางการเมือง ส่วน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และแกนนำกลุ่ม ส.ส.โคราชจากที่ได้พูดคุยกัน ล่าสุดยังยืนยันจะอยู่กับพรรคไทยรักไทยต่อไปและไม่หวั่นไหวกับการเป็นเป้าหมายหนึ่งในการตรวจสอบทรัพย์สินและปัญหาการทุจริตต่างๆ”
ด้านนายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (ใหม่) กล่าวคัดค้านนายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการอังค์ถัด ที่มีข่าวว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่จะมาเป็นนายกฯ โดยระบุว่า ถ้า คปค.ต้องการปฏิรูปและโค่นระบอบทักษิณจริง ควรเอาคนเป็นกลางมาเป็นนายกฯ
“อย่าลืมว่า คุณศุภชัย เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน แม้คุณศุภชัยจะมีความสามารถเหมาะที่จะเป็นนายกฯ แต่ไม่ควรมาในตอนนี้ ควรมาจากการเลือกตั้ง หากคุณศุภชัย มาจริง ผมจะตั้งเวทีอย่างไม่เกรงใจใคร และจะทำการปลุกกระแสต่อต้าน เพราะวงจรอุบาทว์จะกลับมาอีกครั้ง และ คปค.จะกลายเป็นเครื่องมือฝ่ายตรงข้ามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผลเสียจะเกิดขึ้นกับ คปค.เองรวมไปถึงประเทศชาติ”