พาต้า แนะ ไทยใช้โอกาสงาน ทีทีเอ็ม ดันไทยขึ้นศูนย์กลางการท่องเที่ยวภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หลังพบเวียดนามเตรียมชวนลาว-กัมพูชา ปั้นเป็นเดสสิเนชั่นใหม่ขายนักท่องเที่ยว เผยศักยภาพไทยขณะนี้พร้อมสุด หลังเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะที่ทัวร์ต่างประเทศที่เข้าร่วมงานทีทีเอ็ม มั่นใจ ปฏิรูปการเมืองจะกระทบแค่ช่วงสั้น
หม่อมหลวงหทัยชนก กฤษดากร เลขาธิการสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ พาต้า เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ควรจะใช้โอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดงานไทยแลนด์ทราเวลมาร์ท หรือ ทีทีเอ็ม แสดงศักยภาพของความเป็นผู้นำที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยชูเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของวิถีชีวิตชุมชน ประเพณีวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ในลักษณะเชื่อมโยง ซึงปัจจุบันแต่ละประเทศในลุ่มน้ำโขง ต่างพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจากยุโรป ต่างสนใจที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวเพิ่มจำวนขึ้นในแต่ละปี
“ปัจจุบันประเทศเวียดนาม กำลังมีความพยายามดึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวจากประเทศลาว และกัมพูชา เพื่อรวมเป็นเดสสิเนชั่นการท่องเที่ยว และน่ากลัวว่าจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในอีกไม่ช้า ดังนั้น ททท.ควรใช้ศักยภาพด้านศูนย์กลางทางการบินจากสนามบินสุวรรณภูมิผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้โดยเร็ว”
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลขององค์การท่องเที่ยวโลก หรือ UNTWO ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2548 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 7.8% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเฉลี่ยของการเติบโตการท่องเที่ยวทั้งโลก ที่ 5.5%
สำหรับงาน ไทยแลนด์ แทรเวล มาร์ท พลัส 2006 (Thailand Travel Mart Plus Amazing Gateway to Greater Mekong Sub-region 2006) ปีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเอกชนด้านธุรกิจท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 506 ราย แบ่งเป็นผู้ขายจากเอกชนในประเทศ 370 ราย และผู้ซื้อที่มาจากต่างประเทศ 136 ราย นอกจากนั้นยังมีสื่อมวลชนจากต่างประเทศให้ความสนใจร่วมทำข่าวอีกจำนวนมาก
ด้านนายโยชิอิซา มาสุดะ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท เอสที เวิลด์ อินค์ (ST World Inc.) ผู้ดำเนินการท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบเพียง 20% จากการเปลี่ยนแปลงอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครอง อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีนักท่องเที่ยวตกใจเพียงระยะสั้นๆ 1-2 วันเท่านั้น และก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สำหรับการตัดสินใจเข้ามาร่วมงาน ทีทีเอ็มครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะต้องการเข้ามาเห็นสถานการณ์จริง แล้วกลับไปยืนยันกับนักท่องเที่ยวได้
หม่อมหลวงหทัยชนก กฤษดากร เลขาธิการสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หรือ พาต้า เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ควรจะใช้โอกาสการเป็นเจ้าภาพจัดงานไทยแลนด์ทราเวลมาร์ท หรือ ทีทีเอ็ม แสดงศักยภาพของความเป็นผู้นำที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยชูเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของวิถีชีวิตชุมชน ประเพณีวัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้ในลักษณะเชื่อมโยง ซึงปัจจุบันแต่ละประเทศในลุ่มน้ำโขง ต่างพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวจากยุโรป ต่างสนใจที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวเพิ่มจำวนขึ้นในแต่ละปี
“ปัจจุบันประเทศเวียดนาม กำลังมีความพยายามดึงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวจากประเทศลาว และกัมพูชา เพื่อรวมเป็นเดสสิเนชั่นการท่องเที่ยว และน่ากลัวว่าจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในอีกไม่ช้า ดังนั้น ททท.ควรใช้ศักยภาพด้านศูนย์กลางทางการบินจากสนามบินสุวรรณภูมิผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้โดยเร็ว”
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลขององค์การท่องเที่ยวโลก หรือ UNTWO ระบุว่านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2548 ที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 7.8% ซึ่งสูงกว่าอัตราการเฉลี่ยของการเติบโตการท่องเที่ยวทั้งโลก ที่ 5.5%
สำหรับงาน ไทยแลนด์ แทรเวล มาร์ท พลัส 2006 (Thailand Travel Mart Plus Amazing Gateway to Greater Mekong Sub-region 2006) ปีนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีเอกชนด้านธุรกิจท่องเที่ยวเข้าร่วมงาน 506 ราย แบ่งเป็นผู้ขายจากเอกชนในประเทศ 370 ราย และผู้ซื้อที่มาจากต่างประเทศ 136 ราย นอกจากนั้นยังมีสื่อมวลชนจากต่างประเทศให้ความสนใจร่วมทำข่าวอีกจำนวนมาก
ด้านนายโยชิอิซา มาสุดะ ผู้ช่วยผู้จัดการ บริษัท เอสที เวิลด์ อินค์ (ST World Inc.) ผู้ดำเนินการท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบเพียง 20% จากการเปลี่ยนแปลงอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครอง อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีนักท่องเที่ยวตกใจเพียงระยะสั้นๆ 1-2 วันเท่านั้น และก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ สำหรับการตัดสินใจเข้ามาร่วมงาน ทีทีเอ็มครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเพราะต้องการเข้ามาเห็นสถานการณ์จริง แล้วกลับไปยืนยันกับนักท่องเที่ยวได้