หลายท่านคงแปลกใจที่เห็นบทความฉบับนี้ หัวข้อบอกว่าอวสานท้ากกกสิน ตอนจบ แต่ทำไมต้องเป็นภาคที่ 1 หรือจะมีภาคที่ 2 ภาคที่ 3 ภาคต่อๆ ไปหรือไม่
จากการรัฐประหาร เพื่อล้มระบอบทักษิณ ในคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 เวลาประมาณ 23.00 นาฬิกา โดย “คณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะ โดยมี พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ. ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะ และมี พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานที่ปรึกษา
เหตุผลในการยึดอำนาจ มี 4 ข้อที่เป็นหลักใหญ่ใจความ ได้แก่
1. การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
2. ประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง
3. หน่วยงาน องค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมืองไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ
4. มีการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์
ทักษิณเอง ขณะนั้นถึงแม้อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พยายามที่จะต่อสู้เพื่อรักษาฐานอำนาจที่มีอยู่ของตน โดยพยายามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 แต่สุดท้ายไม่ทันที่จะอ่านแถลงการณ์จบ ก็ถูกตัดสัญญาณทันที
ต่อมาเมื่อเวลา 24.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อกราบบังคมทูลถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง และการเข้ามาปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นาทีนั้น เสียงหายใจโล่งอกพร้อมกับเสียงแสดงความดีใจที่ระบอบทักษิณได้มาถึงจุดจบ
ชนะแล้วใช่หรือไม่ อวสานท้ากกกสินแล้วใช่หรือไม่
จะยาวนานแค่ไหน เป็นคำถามที่ทั้งผมและผู้อ่านต้องร่วมกันตอบ
หลังจากนั้น 2-3 วัน คณะปฏิรูปฯ ได้ออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับ ล้วนเกี่ยวข้องกับการจัดการบ้านเมือง จัดระเบียบหน่วยงานต่างๆ ใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะที่สงบเรียบร้อยโดยเร็ว
สิ่งที่ทำให้คนไทยเริ่มมีความหวังคือ การมีประกาศฉบับที่ 12 ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 มีผลใช้บังคับต่อไป โดยให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพ้นจากตำแหน่ง และให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการประกาศเป็นอย่างอื่น
การใดที่กำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
จะทำการยึดทรัพย์ หรืออายัดทรัพย์นักการเมืองในรัฐบาลทักษิณหรือไม่
พี่น้องประชาชนและพันธมิตรฯ หลายท่านสอบถามมายังผม
นาทีนั้น ผมคิดย้อนกลับไปสมัย รสช. เข้ามาทำการรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีเหตุผลข้ออ้างในการรัฐประหารไม่แตกต่างกัน
อายัดทรัพย์ไว้ก่อน ผมคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาและตรงกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด เพราะถ้าคณะปฏิรูปฯ ไม่ทำการสะสางปมการทุจริต การเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกญาติพี่น้อง ข้ออ้างในการรัฐประหารข้อที่ 2 คงไม่เป็นเหตุเป็นผลมากนัก
การทำรัฐประหารครั้งนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมเท่าไหร่นัก ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะ ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ผมมีโอกาสได้ไปพูดที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ในงานรวมพลคน 92.25 ของสถานีวิทยุ FM 92.25 คลื่นวิทยุชุมชนเพื่อประชาธิปไตย
หัวข้อที่ผมได้รับมอบหมายคือ “ตุลาการภิวัตน์กับระบอบทักษิณ” ผมได้วิเคราะห์ไว้ว่า ทางแก้ประเทศไทยในการที่จะล้มระบอบทักษิณได้ คงไม่ใช่อำนาจตุลาการ หรืออำนาจนิติบัญญัติ ผมบอกว่ามีคำตอบที่ผมไม่กล้าตอบ หลายต่อหลายท่านในที่ประชุมต่างก็ไม่กล้าตอบเช่นเดียวกับผม ผมทิ้งท้ายไว้ว่าคนที่ตอบได้คงเป็น พลโทสะพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาค 3
ผ่านมาจนถึงวันนี้ เกือบ 2 เดือน ผมไม่คิดว่าคำพูดผมวันนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้
การที่ทักษิณอวสานในครั้งนี้มีสิ่งที่ยังติดอยู่ในใจผม จนผมไม่อยากแน่ใจว่าจะอวสานจริงๆ เหตุ เพราะ
รายชื่อ ป.ป.ช.ที่คณะปฏิรูปประกาศแต่งตั้งจำนวน 9 คนนั้น บางคนยังติดภาพเป็นกลุ่มคนที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณ บางคนคณะกรรมาธิการการตรวจสอบประวัติว่าที่ ป.ป.ช. ของวุฒิสภาเคยตรวจสอบประวัติพบว่ามีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชันมากมาย
การนำเนติบริกร เข้ามาทำหน้าที่ร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราว และเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคณะปฏิรูป ผู้อ่านคงยังไม่ลืมว่า ทั้ง 3 คน ล้วนเป็นผู้ที่เคยรับใช้ทักษิณอย่างใกล้ชิด ร่างกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อคนในรัฐบาล กฎหมายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจล้วนผ่านมือบุคคลเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น
โผแต่งตั้งนายตำรวจใหม่ที่ยังไม่ได้มีการประกาศเป็นทางการ แต่เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อ สะท้อนให้เห็นถึงความอึมครึม ความไม่แน่นอน ความไม่มั่นใจเกิดขึ้น
หรือทักษิณจะยึดคำพูดที่ว่า “I Shall Return”
กลับมาเพื่อที่จะเอาคืนตามที่มีกระแสข่าวกระเส็นกระสายมาเป็นระยะ
การที่คณะปฎิรูปฯ ยังมิได้ดำเนินการกับบุคคลใกล้ชิดที่เป็นขุมข่ายกำลังของทักษิณ เป็นสิ่งที่น่ากังวลว่า ทักษิณจะมีโอกาสฟื้นฟูกำลังของตนเพื่อสถาปนาระบอบทักษิณอีกครั้งหรือไม่
ผมจะต้องเขียนอวสานท้ากกกสิน ภาคที่ 2 หรือภาคต่อๆ ไป ก็คงไม่เป็นไร
สงสารก็แต่พันธมิตรฯ พี่น้องประชาชน คงต้องเหนื่อยและทำไมต้องเหนื่อยกันหลายครั้ง
หรือนี่คือคำตอบที่ว่า ประชาชนเป็นวีรชนอย่างแท้จริง
จากการรัฐประหาร เพื่อล้มระบอบทักษิณ ในคืนวันที่ 19 กันยายน 2549 เวลาประมาณ 23.00 นาฬิกา โดย “คณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ภายใต้การนำของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก เป็นหัวหน้าคณะ โดยมี พล.ร.อ. สถิรพันธุ์ เกยานนท์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ. ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นรองหัวหน้าคณะ และมี พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานที่ปรึกษา
เหตุผลในการยึดอำนาจ มี 4 ข้อที่เป็นหลักใหญ่ใจความ ได้แก่
1. การบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน ได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่าย สลายความรู้รักสามัคคีของคนในชาติอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
2. ประชาชนส่วนใหญ่เคลือบแคลงสงสัยการบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง
3. หน่วยงาน องค์กรอิสระ ถูกครอบงำทางการเมืองไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ
4. มีการกระทำที่หมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์
ทักษิณเอง ขณะนั้นถึงแม้อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พยายามที่จะต่อสู้เพื่อรักษาฐานอำนาจที่มีอยู่ของตน โดยพยายามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 แต่สุดท้ายไม่ทันที่จะอ่านแถลงการณ์จบ ก็ถูกตัดสัญญาณทันที
ต่อมาเมื่อเวลา 24.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเพื่อกราบบังคมทูลถวายรายงานสถานการณ์บ้านเมือง และการเข้ามาปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
นาทีนั้น เสียงหายใจโล่งอกพร้อมกับเสียงแสดงความดีใจที่ระบอบทักษิณได้มาถึงจุดจบ
ชนะแล้วใช่หรือไม่ อวสานท้ากกกสินแล้วใช่หรือไม่
จะยาวนานแค่ไหน เป็นคำถามที่ทั้งผมและผู้อ่านต้องร่วมกันตอบ
หลังจากนั้น 2-3 วัน คณะปฏิรูปฯ ได้ออกประกาศและคำสั่งหลายฉบับ ล้วนเกี่ยวข้องกับการจัดการบ้านเมือง จัดระเบียบหน่วยงานต่างๆ ใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะที่สงบเรียบร้อยโดยเร็ว
สิ่งที่ทำให้คนไทยเริ่มมีความหวังคือ การมีประกาศฉบับที่ 12 ให้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 มีผลใช้บังคับต่อไป โดยให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินพ้นจากตำแหน่ง และให้ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะมีการประกาศเป็นอย่างอื่น
การใดที่กำหนดให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินให้เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
จะทำการยึดทรัพย์ หรืออายัดทรัพย์นักการเมืองในรัฐบาลทักษิณหรือไม่
พี่น้องประชาชนและพันธมิตรฯ หลายท่านสอบถามมายังผม
นาทีนั้น ผมคิดย้อนกลับไปสมัย รสช. เข้ามาทำการรัฐประหารรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ โดยมีเหตุผลข้ออ้างในการรัฐประหารไม่แตกต่างกัน
อายัดทรัพย์ไว้ก่อน ผมคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ไม่น่าจะเป็นปัญหาและตรงกับความต้องการของประชาชนมากที่สุด เพราะถ้าคณะปฏิรูปฯ ไม่ทำการสะสางปมการทุจริต การเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกญาติพี่น้อง ข้ออ้างในการรัฐประหารข้อที่ 2 คงไม่เป็นเหตุเป็นผลมากนัก
การทำรัฐประหารครั้งนี้ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของผมเท่าไหร่นัก ที่ผมพูดอย่างนี้เพราะ ประมาณปลายเดือนกรกฎาคม ผมมีโอกาสได้ไปพูดที่ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร ในงานรวมพลคน 92.25 ของสถานีวิทยุ FM 92.25 คลื่นวิทยุชุมชนเพื่อประชาธิปไตย
หัวข้อที่ผมได้รับมอบหมายคือ “ตุลาการภิวัตน์กับระบอบทักษิณ” ผมได้วิเคราะห์ไว้ว่า ทางแก้ประเทศไทยในการที่จะล้มระบอบทักษิณได้ คงไม่ใช่อำนาจตุลาการ หรืออำนาจนิติบัญญัติ ผมบอกว่ามีคำตอบที่ผมไม่กล้าตอบ หลายต่อหลายท่านในที่ประชุมต่างก็ไม่กล้าตอบเช่นเดียวกับผม ผมทิ้งท้ายไว้ว่าคนที่ตอบได้คงเป็น พลโทสะพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาค 3
ผ่านมาจนถึงวันนี้ เกือบ 2 เดือน ผมไม่คิดว่าคำพูดผมวันนั้นจะเป็นจริงขึ้นมาได้
การที่ทักษิณอวสานในครั้งนี้มีสิ่งที่ยังติดอยู่ในใจผม จนผมไม่อยากแน่ใจว่าจะอวสานจริงๆ เหตุ เพราะ
รายชื่อ ป.ป.ช.ที่คณะปฏิรูปประกาศแต่งตั้งจำนวน 9 คนนั้น บางคนยังติดภาพเป็นกลุ่มคนที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณ บางคนคณะกรรมาธิการการตรวจสอบประวัติว่าที่ ป.ป.ช. ของวุฒิสภาเคยตรวจสอบประวัติพบว่ามีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชันมากมาย
การนำเนติบริกร เข้ามาทำหน้าที่ร่างธรรมนูญการปกครองชั่วคราว และเป็นที่ปรึกษากฎหมายของคณะปฏิรูป ผู้อ่านคงยังไม่ลืมว่า ทั้ง 3 คน ล้วนเป็นผู้ที่เคยรับใช้ทักษิณอย่างใกล้ชิด ร่างกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อคนในรัฐบาล กฎหมายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจล้วนผ่านมือบุคคลเหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น
โผแต่งตั้งนายตำรวจใหม่ที่ยังไม่ได้มีการประกาศเป็นทางการ แต่เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อ สะท้อนให้เห็นถึงความอึมครึม ความไม่แน่นอน ความไม่มั่นใจเกิดขึ้น
หรือทักษิณจะยึดคำพูดที่ว่า “I Shall Return”
กลับมาเพื่อที่จะเอาคืนตามที่มีกระแสข่าวกระเส็นกระสายมาเป็นระยะ
การที่คณะปฎิรูปฯ ยังมิได้ดำเนินการกับบุคคลใกล้ชิดที่เป็นขุมข่ายกำลังของทักษิณ เป็นสิ่งที่น่ากังวลว่า ทักษิณจะมีโอกาสฟื้นฟูกำลังของตนเพื่อสถาปนาระบอบทักษิณอีกครั้งหรือไม่
ผมจะต้องเขียนอวสานท้ากกกสิน ภาคที่ 2 หรือภาคต่อๆ ไป ก็คงไม่เป็นไร
สงสารก็แต่พันธมิตรฯ พี่น้องประชาชน คงต้องเหนื่อยและทำไมต้องเหนื่อยกันหลายครั้ง
หรือนี่คือคำตอบที่ว่า ประชาชนเป็นวีรชนอย่างแท้จริง