ก.ท่องเที่ยวออกแถลงการณ์ชี้แจงสถานการณ์ ออกแจกแก่บริษัททัวร์ และสำนักงานททท.ในต่างประเทศ ทั่วโลก หวังดึงความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวกลับคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว หลัง ททท.มีรายงาน นักท่องเที่ยว จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ยกเลิกการเดินทางจำนวนมาก พร้อมเบรกงบ 50 ล้านบาท จัดงานฉลองครบรอบกระทรวงฯ 4 ปี อาร์เอสซวยสูญรายได้ 10 ล้านบาท
นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมผู้บริหารกระทรวงฯทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อรับมอบนโยบายและหารือแนวทางการปฎิบัติราชการ ว่า ในส่วนงานด้านการท่องเที่ยว ได้มีรายงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ถึงผลกระทบหลังการก่อรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งผลให้มีการยกเลิกของนักท่องเที่ยวจากประเทศ จีน เกาหลี ญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลีมีการยกเลิกสูงที่สุด โดยการยกเลิกเบื้องต้นขณะนี้ เป็นการยกเลิกของนักท่องเที่ยวที่มีกำหนดการจะเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้เท่านั้น จึงถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน
ทั้งนี้เพราะทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว ค่อนข้างเป็นตลาดที่อ่อนไหว ประกอบกับรัฐบาลของประเทศเขาได้ออกหนังสือเตือนแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ให้ระวังเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะประเทศเกาหลี ที่รัฐบาลเขาให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก อีกทั้ง นักท่องเที่ยวของเขาบางส่วนเป็นคู่ฮันนีมูน จึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยสูงมาก ซึ่งปีนี้ ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยว ใน 3 ตลาดดังกล่าว ได้แก่ จีน 1 ล้านคน ญี่ปุ่น 1.5 ล้านคน และเกาหลี 1 ล้านคน
ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย และไม่ให้นักท่องเที่ยวหวั่นวิตกเกินไป จึงได้สั่งการให้ ททท. จัดทำเอกสารคำแถลงการณ์ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อเป็นหนังสือใช้ยืนยันความปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งได้สั่งการให้ออกเอกสารนี้โดยเร็วที่สุดภายในวันนี้ (21ก.ย.49) โดยกระทรวงฯมุ่งหวังที่จะรักษายอดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 นับจากนี้ไปถึงช่วงไฮซีซั่น ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม
สำหรับเนื้อหาสาระในเอกสารแถลงการณ์ จะประกอบด้วย 3 ข้อหลัก คือ 1.คำแถลงการณ์ของคณะปฏิรูปการปกครองฯ โดยให้อิงข้อมูลจากกรมสาระนิเทศ เป็นหลัก 2.ชี้แจงสถานการณ์ ที่คณะปฎิรูปการปกครอง ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของประชาขน การหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และ3.คำประกาศของคณะปฎิรูปการปกครองฯที่จะเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใน 2 สัปดาห์นับจากนี้ แล้วทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่กระบวนการบริหารประเทศแบบปกติ
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบถึงยอดนักท่องเที่ยวรวม 13.38 ล้านคนในสิ้นปีหรือไม่ คงต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่ง แต่หนังสือแถลงการณ์ที่ออกโดยกระทรวงฯในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง โดยจะให้ ททท.แจกจ่ายไปยังทุกสำนักงานในต่างประเทศทั้ง 18 แห่ง ตลอดจนตัวแทนการขายทุกจุดทั่วโลก นอกจากนั้น ทางสมาคมโรงแรม สมาคมแอตต้า ก็สามารถนำแถลงการณ์นี้ไปยืนยันกับลูกค้า ให้เขารู้สึกปลอดภัยอุ่นใจ และไม่ยกเลิกการเดินทาง”
อย่างไรก็ตามในส่วนของการจัดงานกิจกรรมทุกอย่างของ ททท. จากนี้จนถึงสิ้นปี ยังคงดำเนินไปตามแผนงานปกติ และจัดโปรโมตให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ส่วนงาน ไทยแลนด์ ทราเวลมาร์ท ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.ย.49 ยังคงจัดเหมือนเดิม ขณะนี้มีรายงานว่า มีแคนาดาเพียงประเทศเดียวที่ขอยกเลิกการเดินทางเข้ามาร่วมงาน ซึ่งไม่มีผลกระทบกับการจัดงานแต่งอย่างใดโดยงานนี้จะมีผู้ซื้อเดินทางเข้ามารวมแล้วจำนวน 209 ราย และมีผู้ประกอบการคนไทยเข้าร่วมงานเพื่อเสนอขายสินค้าและบริการกว่า 300 ราย
เบรกใช้งบจัดงานครบ4ปีกระทรวงฯ
นายศักดิ์ทิพย์ กล่าวถึงการจัดสรรใช้งบประมาณประจำปี 2550 ว่า จากคำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองฯได้แจ้งว่า ให้หน่วยราชการสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2550 ได้ 1 ใน 4 ของช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2549 อาทิเช่น ในปีงบประมาณ 2549 ททท. ได้รับงบประมาณรวม 4,464 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งเฉลี่ยเป็นรายไตรมาสก็จะได้ประมาณไตรมาสละ 1,100 ล้านบาทเศษ ดังนั้นในปีงบประมาณ 2550 ก็จะให้เบิกจ่ายได้เพียง 1 ใน 4 ของ 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะการพิจารณางบประมาณจะต้องผ่านสภาและคณะรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล จึงออกกฎเกณฑ์นี้มาเพื่อไม่ให้การทำงานต้องสะดุด ในช่วงแรกนี้ก่อน
สำหรับแผนการจัดงานครบรอบ 4 ปีกระทรวงการท่องเที่ยวที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.-3 ต.ค.49 ซึ่งจากเดิมคาดว่าจะใช้งบจัดงานเกือบ 50 ล้านบาทจัดที่ สยามพารากอน โดยส่วนหนึ่งจะเป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน แต่เมื่อประเทศอยู่ในการบริหารของคณะปฎิรูปการปกครอง ทางกระทรวงจึงขอจัดงานแบบพอเพียง และได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทออกาไนซ์ผู้จัดงานแล้วคือบริษัทในกลุ่มอาร์เอส ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะมีเพียงการทำบุญเลี้ยงพระ และยังคงไว้ซึ่งกำหนดการณ์เดิม คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นประธานเปิดงานและร่วมเดินออกกำลังกาย ที่สนามศุภชลาศัย ส่วนการออกร้านและการแสดงที่ สยามพารากอนก็จะตัดทิ้งไป
นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมผู้บริหารกระทรวงฯทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เพื่อรับมอบนโยบายและหารือแนวทางการปฎิบัติราชการ ว่า ในส่วนงานด้านการท่องเที่ยว ได้มีรายงานจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ถึงผลกระทบหลังการก่อรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่งผลให้มีการยกเลิกของนักท่องเที่ยวจากประเทศ จีน เกาหลี ญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยนักท่องเที่ยวจากประเทศเกาหลีมีการยกเลิกสูงที่สุด โดยการยกเลิกเบื้องต้นขณะนี้ เป็นการยกเลิกของนักท่องเที่ยวที่มีกำหนดการจะเดินทางเข้าประเทศไทยในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้เท่านั้น จึงถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นบนสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน
ทั้งนี้เพราะทั้ง 3 ตลาดดังกล่าว ค่อนข้างเป็นตลาดที่อ่อนไหว ประกอบกับรัฐบาลของประเทศเขาได้ออกหนังสือเตือนแก่นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ให้ระวังเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะประเทศเกาหลี ที่รัฐบาลเขาให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก อีกทั้ง นักท่องเที่ยวของเขาบางส่วนเป็นคู่ฮันนีมูน จึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยสูงมาก ซึ่งปีนี้ ททท.ตั้งเป้านักท่องเที่ยว ใน 3 ตลาดดังกล่าว ได้แก่ จีน 1 ล้านคน ญี่ปุ่น 1.5 ล้านคน และเกาหลี 1 ล้านคน
ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย และไม่ให้นักท่องเที่ยวหวั่นวิตกเกินไป จึงได้สั่งการให้ ททท. จัดทำเอกสารคำแถลงการณ์ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อเป็นหนังสือใช้ยืนยันความปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งได้สั่งการให้ออกเอกสารนี้โดยเร็วที่สุดภายในวันนี้ (21ก.ย.49) โดยกระทรวงฯมุ่งหวังที่จะรักษายอดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 นับจากนี้ไปถึงช่วงไฮซีซั่น ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติเหมือนเดิม
สำหรับเนื้อหาสาระในเอกสารแถลงการณ์ จะประกอบด้วย 3 ข้อหลัก คือ 1.คำแถลงการณ์ของคณะปฏิรูปการปกครองฯ โดยให้อิงข้อมูลจากกรมสาระนิเทศ เป็นหลัก 2.ชี้แจงสถานการณ์ ที่คณะปฎิรูปการปกครอง ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของประชาขน การหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง และ3.คำประกาศของคณะปฎิรูปการปกครองฯที่จะเร่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ภายใน 2 สัปดาห์นับจากนี้ แล้วทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่กระบวนการบริหารประเทศแบบปกติ
“ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกระทบถึงยอดนักท่องเที่ยวรวม 13.38 ล้านคนในสิ้นปีหรือไม่ คงต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่ง แต่หนังสือแถลงการณ์ที่ออกโดยกระทรวงฯในครั้งนี้ เชื่อว่าจะสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวได้ระดับหนึ่ง โดยจะให้ ททท.แจกจ่ายไปยังทุกสำนักงานในต่างประเทศทั้ง 18 แห่ง ตลอดจนตัวแทนการขายทุกจุดทั่วโลก นอกจากนั้น ทางสมาคมโรงแรม สมาคมแอตต้า ก็สามารถนำแถลงการณ์นี้ไปยืนยันกับลูกค้า ให้เขารู้สึกปลอดภัยอุ่นใจ และไม่ยกเลิกการเดินทาง”
อย่างไรก็ตามในส่วนของการจัดงานกิจกรรมทุกอย่างของ ททท. จากนี้จนถึงสิ้นปี ยังคงดำเนินไปตามแผนงานปกติ และจัดโปรโมตให้ยิ่งใหญ่ขึ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยว ส่วนงาน ไทยแลนด์ ทราเวลมาร์ท ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.ย.49 ยังคงจัดเหมือนเดิม ขณะนี้มีรายงานว่า มีแคนาดาเพียงประเทศเดียวที่ขอยกเลิกการเดินทางเข้ามาร่วมงาน ซึ่งไม่มีผลกระทบกับการจัดงานแต่งอย่างใดโดยงานนี้จะมีผู้ซื้อเดินทางเข้ามารวมแล้วจำนวน 209 ราย และมีผู้ประกอบการคนไทยเข้าร่วมงานเพื่อเสนอขายสินค้าและบริการกว่า 300 ราย
เบรกใช้งบจัดงานครบ4ปีกระทรวงฯ
นายศักดิ์ทิพย์ กล่าวถึงการจัดสรรใช้งบประมาณประจำปี 2550 ว่า จากคำสั่งของคณะปฎิรูปการปกครองฯได้แจ้งว่า ให้หน่วยราชการสามารถเบิกจ่ายงบประมาณในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2550 ได้ 1 ใน 4 ของช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2549 อาทิเช่น ในปีงบประมาณ 2549 ททท. ได้รับงบประมาณรวม 4,464 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งเฉลี่ยเป็นรายไตรมาสก็จะได้ประมาณไตรมาสละ 1,100 ล้านบาทเศษ ดังนั้นในปีงบประมาณ 2550 ก็จะให้เบิกจ่ายได้เพียง 1 ใน 4 ของ 1,100 ล้านบาท ทั้งนี้เพราะการพิจารณางบประมาณจะต้องผ่านสภาและคณะรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยยังอยู่ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล จึงออกกฎเกณฑ์นี้มาเพื่อไม่ให้การทำงานต้องสะดุด ในช่วงแรกนี้ก่อน
สำหรับแผนการจัดงานครบรอบ 4 ปีกระทรวงการท่องเที่ยวที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.-3 ต.ค.49 ซึ่งจากเดิมคาดว่าจะใช้งบจัดงานเกือบ 50 ล้านบาทจัดที่ สยามพารากอน โดยส่วนหนึ่งจะเป็นเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน แต่เมื่อประเทศอยู่ในการบริหารของคณะปฎิรูปการปกครอง ทางกระทรวงจึงขอจัดงานแบบพอเพียง และได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทออกาไนซ์ผู้จัดงานแล้วคือบริษัทในกลุ่มอาร์เอส ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะมีเพียงการทำบุญเลี้ยงพระ และยังคงไว้ซึ่งกำหนดการณ์เดิม คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี จะเสด็จพระราชดำเนินมาเป็นประธานเปิดงานและร่วมเดินออกกำลังกาย ที่สนามศุภชลาศัย ส่วนการออกร้านและการแสดงที่ สยามพารากอนก็จะตัดทิ้งไป