xs
xsm
sm
md
lg

ตอนที่ 33 ศาสตร์แห่งชีวิต (ตอน 2-จบ)

เผยแพร่:   โดย: เรืองวิทยาคม

พระบรมศาสดาทรงเตือนว่าการคบคนพาลจะนำความทุกข์ร้อนมาให้ เพราะคนพาลเหมือนกับถ่านไฟ ยามลุกไหม้โชติแดงอยู่ขืนจับต้องเข้าก็จะร้อนจนมือไหม้พอง ยามดับมอดลงไปแล้วขืนจับต้องเข้าก็สกปรกเปรอะเปื้อน แม้ไม่จับต้องแต่หากอยู่ใกล้ลมโชยมาฝุ่นขี้เถ้าก็จะปลิวเข้าหูเข้าตาให้แสบร้อนหรือเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าเป็นอย่างน้อย

การคบบัณฑิตจะนำประโยชน์สุขมาให้ เพราะบัณฑิตจะแนะนำสั่งสอนให้เว้นในสิ่งที่ควรเว้น ให้ทำในสิ่งที่ควรทำ รวมทั้งอาจสอนให้รู้ด้วยว่าความจริงแท้นั้นเป็นประการใด สิ่งที่เห็นสัมผัสอาจจะไม่ใช่ความจริงก็ได้ ที่สำคัญคือบัณฑิตอาจสอนให้เห็นถึงภาวะอันเป็นจริงของสรรพสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน มีความไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วตั้งอยู่และดับไป เป็นภาวะที่เป็นทุกข์ และไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

คนเรานั้นหากได้ปฏิบัติมงคลสองข้อนี้ให้ดีแล้วก็จะไม่มีทางตกต่ำเลย จะไม่มีทางพ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง มีแต่จะชนะในที่ทั้งปวง จะถึงซึ่งความเกษมเป็นแน่แท้ตามที่พระตถาคตเจ้าทรงรับรองผลไว้ในตอนท้ายของมงคลสูตรนั้น

นายเณรบอกว่าเบื้องต้นต้องฝึกฝนทางจิตใจให้กล้าเสียเสียก่อน เพราะเมื่อกล้าเสียจนหมดตัวแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัวอีกต่อไป เหมือนกับคนเราหากใครไม่กลัวตายเสียอย่างหนึ่งก็จะสามารถทำการทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยไม่ทุกข์ร้อนหรือวิตกกังวล


นายเณรบอกว่าวันนี้ซือแป๋แนะนำระบบความคิดและวิธีคิดให้เป็นพื้นฐานก่อน มีสิ่งใดไม่เข้าใจก็ให้ไต่ถามได้ แล้วถามว่าผมสงสัยอะไรหรือไม่

ผมค่อนข้างจะมีสติมั่นคง ในขณะที่นายเณรพูดจาพร่ำสอนก็ตั้งใจสดับตรับฟังเป็นอย่างดี จึงสามารถจดจำได้แม่นยำและสามารถคิดตามใคร่ครวญตามก็มีความเข้าใจเป็นอย่างดี เมื่อได้ยินคำถามอย่างนั้นจึงตอบไปด้วยความเคารพว่าผมเข้าใจแล้ว แต่ถ้าสงสัยอะไรในภายหลังก็จะขอสอบถามต่อไป

นายเณรตอบว่าเช่นนี้ก็ดีแล้ว จากนี้ไปเรามาฝึกวิธีกล้าเสียกันก่อน

ว่าแล้วนายเณรได้ตั้งตัวหมากฮอสบนกระดาน โดยตั้งตัวหมากฮอสฝ่ายนายเณรแปดตัวตามปกติ ส่วนทางด้านผมนายเณรตั้งไว้เพียงตัวเดียว แล้วบอกว่าของเจ้าตัวเดียว ของซือแป๋แปดตัว มาดูกันว่าใครจะถูกกินหมดก่อน ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ

นายเณรบอกว่านี่คือการฝึกหัดกล้าเสียและให้รู้จักเสีย แต่ก็เป็นวิธีการเล่นหมากฮอสอีกชนิดหนึ่งด้วยคือใครถูกกินหมดก่อนก็จะเป็นฝ่ายชนะ

นับเป็นเรื่องที่แปลกเรื่องหนึ่งที่พบเห็นเป็นครั้งแรกในครั้งนั้น เพราะปกติแม้ตั้งตัวหมากฮอสกันฝ่ายละตัวก็น่าจะก้ำกึ่งกันว่าใครจะถูกกินหมดก่อน แต่นี่นายเณรตั้งตัวหมากออสฝ่ายตัวเองถึงแปดตัว ตั้งให้ผมแค่ตัวเดียว หากปกติทั่วไปฝ่ายที่มีตัวเดียวก็น่าที่จะถูกกินหมดก่อน

ผมเห็นกติกาที่นายเณรว่าก็รู้สึกแปลกใจ เพราะฝ่ายตัวเดียวย่อมมีความเป็นไปได้ที่จะถูกกินหมดก่อน แต่ได้ยินนายเณรบอกว่ามากหรือน้อยยังไม่สำคัญเท่ากับความรู้ มีมากหากไม่รู้ก็เหมือนน้อย มีน้อยหากไม่รู้ก็ไม่สามารถเอาชนะได้ ดังนั้นเรื่องราวทุกสิ่งอย่างจึงต้องตั้งรากฐานที่ความรู้ก่อน

ผลการเดินปรากฏว่านายเณรสามารถเดินหมากให้ผมกินได้จนหมด ตลอดทั้งกระดานผมรู้สึกว่าตกอยู่ในสภาพบังคับที่ต้องเดินตามที่กำหนดและต้องกินตามที่กำหนด ทำให้ได้สัมผัสว่าความรู้นี้ยังมีสิ่งที่พิสดารลึกซึ้งและมากมายก่ายกองที่เรายังจะต้องเรียนรู้ต่อไป

นายเณรสอนผมเล่นหมากหนึ่งกับแปด แต่ใครถูกกินหมดก่อนเป็นฝ่ายชนะ ตั้งแต่เวลาสี่ทุ่มเศษไปจนเกือบตีสอง เวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ผมก็ได้เข้าใจถึงเคล็ดลับและปมเงื่อนของการเดินหมากชนิดนี้

นายเณรบอกว่าการจะยอมเสียนั้นใช่ว่ายอมเสียแล้วจะเสียได้ดังใจทุกครั้งไปก็หาไม่ จะต้องรู้กลวิธีและเสียให้เป็น มิฉะนั้นก็เสียเลย ไม่อาจมีผลได้ในภายหลัง ผมได้ฟังก็บอกว่าผมพอจะเข้าใจแล้ว

นายเณรบอกว่าวันนี้เอาเท่านี้ก่อน และตั้งแต่วันนี้ไปนอกจากวันศุกร์และวันเสาร์แล้วให้ผมมาหาได้ทุกวันตั้งแต่เวลาสี่ทุ่ม จะจัดเวลาเบื้องต้นไว้ให้สามเดือน ผมรับคำแล้วลานายเณรกลับวัดตามช่องทางที่ได้เตรียมการไว้นั้น

ทุกคืนยกเว้นคืนวันศุกร์และคืนวันเสาร์ผมได้หลบออกจากกุฏิลอบไปฝึกหมากฮอสกับนายเณรที่บ้าน ได้เรียนวิธีให้เขากินและเริ่มเรียนถึงการเดินหมากฮอสตั้งแต่เดินกันคนละตัวไปจนถึงการเดินคนละหกตัว รู้จักวิธีเดิน วิธีกิน และวิธีคิดหมากปลายกระดานจนครบถ้วนกระบวนความ

หลังจากนั้นนายเณรสอนถึงวิธีเปิดรูปหมากที่หลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การเปิดรูปหมากที่เป็นฝ่ายเดินก่อนซึ่งนิยมเปิดรูปหมากที่เรียกว่ารูปสแตนดาร์ตหรือรูปมาตรฐาน อีปุ้มออกศึก อีห้อย เป็นต้น ส่วนรูปเปิดหมากทีหลังที่เรียกว่าหมากกองโจร หมากสามเหลี่ยม หมากอีห้อยหลัง หมากอภินิหารอาจารย์สืบ หมากดาวเหนือ ตลอดจนกระบวนการตัดหน้าตัดข้างทุกกระบวน

ผมพอมีพื้นฐานและรักการเล่นหมากฮอสมาแต่เดิม ทั้งมีความจำค่อนข้างดี ดังนั้นไม่นานนักผมก็เรียนหมากฮอสกับนายเณรได้จนครบถ้วนกระบวนความ คงขาดก็แต่ความเป็นนักเล่นหมากฮอสซึ่งจัดว่าผมยังเป็นนักหมากฮอสหน้าใหม่กระดูกอ่อนที่ยังด้อยประสบการณ์ และจิตใจที่อาจไม่มั่นคงยามเผชิญหน้ากับการต่อสู้กันจริงๆ เท่านั้น ซึ่งสองเรื่องนี้นายเณรบอกว่าต้องอาศัยการฝึกฝนและต้องอาศัยเวลา

นับแต่ผมฝึกหมากฮอสกับนายเณรแล้ว พอเวลากลับจากโรงเรียนผมจึงมักที่จะกลับตามเส้นทางสายถนนอรุณอัมรินทร์และแวะเล่นหมากฮอสที่ร้านกาแฟริมถนนเป็นการซ้อมมือ ก็ได้ประจักษ์แก่ตนเองว่าฝีมือก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว คนที่ผมเคยเล่นด้วยและฝีมือก้ำกึ่งหรือเป็นรอง ผมก็สามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย

นานวันเข้านักหมากฮอสที่ร้านกาแฟริมถนนอรุณอัมรินทร์ก็ไม่มีใครสู้ผมได้ แม้ที่ร้านกาแฟหน้าคณะหนึ่งผมก็เอาชนะได้หมดทุกคน จากนั้นผมจึงเล่นไกลออกไปอีกหน่อยหนึ่งถึงตลาดบ้านขมิ้น เล่นกับพวกเซียนหมากฮอสอื่นๆ แถบย่านนั้น รวมทั้งเล่นกับพวกขาจรจากถิ่นอื่นที่เวียนมาเล่นเป็นครั้งคราวด้วย นอกจากนักหมากฮอสที่เขาเรียกกันว่าเป็นเซียนตลาดบ้านขมิ้นซึ่งผมเล่นมีแต่ชนะกับเสมอแล้ว นอกนั้นผมชนะขาดลอยเกือบทั้งหมด.

โปรดติดตามตอนที่ 34 “เกิดเป็นคนควรเป็นศิษย์มีครู ตอน 1” ในวันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2549
กำลังโหลดความคิดเห็น