อุบลราชธานี-เผย"ช่องบก" เขตสามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย ลาว กัมพูชา แหล่งซื้อขายเนื้อสัตว์ป่าชำแหละแหล่งใหญ่ ต้นตอสัตว์ป่าโดยมากนำเข้าจากฝั่งเขมร ขณะที่บางส่วนลักลอบล่าในเขตไทย หน.อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย ชี้ผิดกฎหมายปราบต่อเนื่องไม่หมด หวั่นส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่าหายากในเขตไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีประเทศไทย ลาว กัมพูชา มีข้อตกลงพัฒนารอยต่อของ 3 ประเทศ บริเวณสามเหลี่ยมมรกต ซึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรักให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และฝ่ายไทยได้ตัดถนนจากบ้านโนนสูง ต.โนนสูง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ระยะทางกว่า 20 กิโลเมตร ( กม.)ไปยังที่ตั้งของสามเหลี่ยมรกต
การก่อสร้างยังไม่เสร็จสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะต้องรอการพิสูจน์หลักเขตชายแดนให้แน่ชัด แต่ระหว่างการรอพิสูจน์หลักเขตแดน ตัวแทนระดับท้องถิ่นในจังหวัด มีข้อตกลงเปิดเป็นจุดผ่อนปรน ให้มีการค้าขายระหว่างประชาชนบริเวณศาลาตรีมุข ซึ่งเป็นจุดรอยต่อของ 3 ประเทศในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์เป็นประจำทุกสัปดาห์
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า การเปิดจุดผ่อนปรนต่อกันดังกล่าว ทำให้มีพ่อค้าแม่ค้าชายแดนไทยและกัมพูชา ปลูกเพิงพักใช้จำหน่ายสินค้ากว่า 20 เจ้า ส่วนฝ่ายลาวปัจจุบัน ยังไม่มีการนำสินค้ามาขาย เนื่องจากไม่สะดวกด้านการเดินทาง
จากการสำรวจตลาดการค้าขายที่ชายแดนแห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นร้านขายสินค้าของชาวกัมพูชา ที่นำสินค้าเป็นเนื้อสัตว์ป่า อาทิ เนื้อเก้ง เนื้อกวาง เนื้อหมูป่า เนื้อควายป่า เนื้อวัวกระทิง และเนื้อสัตว์ป่าอื่นๆที่ล่าได้จากเขตแดนประเทศกัมพูชามาวางจำหน่าย ซึ่งเนื้อสัตว์ทั้งหมดเป็นเนื้อแบบกินสด
โดยมีทหารกัมพูชาเป็นผู้ล่าแล้วนำสัตว์มาชำแหละเอาเนื้อ ให้ภรรยาหรือคนในครอบครัวนำมาวางจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีการนำสุรากลั่นบริสุทธิ์มีดีกรีถึง 100 ดีกรีวางจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจอีกด้วย
จากการสอบถามชาวกัมพูชาที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ป่าเล่าว่า ตามแนวเทือกเขาพนมดงรักในเขตประเทศกัมพูชายังมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่จำนวนมาก ทหารและพราน จึงได้พากันออกซุ่มยิง เพื่อนำมาทำเป็นอาหารที่เหลือนำออกขายให้ชาวบ้าน เมื่อมีการเปิดจุดผ่อนปรน ซึ่งคนไทยนิยมนำเนื้อสัตว์ป่าแบบกินสดไปทำลาบ ทำต้มยำ จึงมีการนำมาจำหน่ายให้ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท เมื่อเหลือขายก็นำกลับไปทำเป็นเนื้อตากแห้งส่งขายตามจังหวัดต่างๆของกัมพูชา
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามียอดจำหน่ายเนื้อสัตว์ป่าเฉลี่ย 4,000-6,000 บาทต่อสัปดาห์ และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อนักท่องเที่ยวชาวไทยเริ่มทราบข่าวและพากันเดินทางมาเที่ยวในจุดดังกล่าว
ด้านนายปัญญา ปัญญาอดุลกิจ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย ที่ควบคุมดูแลพื้นที่การนำสัตว์ป่าเข้าประเทศไทยทางด้านนี้ เปิดเผยว่า มีการประกาศเตือนห้ามประชาชนนำเข้าซากสัตว์ทุกชนิดเด็ดขาด และมีการตั้งด่านสกัดจับร่วมหน่วยทหารพราน ที่หน้าฐานปฏิบัติการอนุพงษ์ ซึ่งเป็นทางขึ้นไปยังสามเหลี่ยมมรกต เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าซากสัตว์หรือสิ่งของผิดกฎหมายอื่นๆ
แต่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เป็นคนไทย ก็ใช้วิธีซื้อเนื้อสัตว์แล้วปรุงเป็นอาหารทำกินกันเลย หรือใช้วิธีสั่งให้ร้านอาหารตามสั่งปรุงเป็นอาหารสำเร็จรูป ซึ่งหน่วยงานราชการไทยไม่มีสิทธิสั่งห้ามได้ เพราะเป็นรอยต่อระหว่างชายแดน
นายปัญญาระบุด้วยว่า สัตว์ป่าที่ถูกล่านำมาชำแหละขาย นอกจากล่ามาจากเขตประเทศกัมพูชา บางส่วนยังเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในเขตไทย การที่นักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อเนื้อสัตว์ป่าปรุงทำเป็นอาหาร จึงเท่ากับเป็นการส่งเสริมให้มีการล่าสัตว์ป่ามากขึ้น
สำหรับผลการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าซากสัตว์เข้ามาในประเทศ ในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน สามารถจับกุมได้ 2 ราย เป็นราษฎรจาก อ.น้ำยืน และราษฎร อ.พิบูลมังสาหาร โดยรายแรกลักลอบนำซากเก้งตัวเมีย 1 ตัว รายที่สองนำเนื้อกวางสดน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ซึ่งผู้ลับลอบนำเนื้อสัตว์ป่ายอมรับว่า ซื้อมาจากพ่อค้าชาวกัมพูชาที่สามเหลี่ยมมรกต เพื่อนำกลับไปทำเป็นอาหารกินในครอบครัว จึงถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับสามเหลี่ยมมรกตแห่งนี้ เดิมมีชื่อเรียกว่า "ช่องบก " ถูกใช้เป็นจุดสู้รบระหว่างกองกำลังเขมรแดงกับรัฐบาลพนมเปญ รวมทั้งระหว่างกองทหารไทยกับทหารเวียดนาม ที่เข้ามาช่วยรัฐบาลพนมเปญรบกับทหารเขมรแดง ปัจจุบันยังมีกับระเบิดที่ตกค้างจากการสู้รบเหลืออยู่จำนวนมาก และถือเป็นแดนประหารชีวิตของผู้คนที่สู้รบกันครั้งนั้นด้วย