กลุ่มไทยเบฟเวอเรจ ซุ่มคลอดเหล้าใหม่อีกแบรนด์ คาดตุลาคมนี้เผยโฉม หวังจับกลุ่มอีโคโนมี มั่นใจไม่แย่งแชร์กันเองในพอร์ทโฟลิโอ ชี้ตลาดเหล้าสีและเหล้าขาวร่วง 15% ขณะที่ไทยเบฟฯยอมรับแสงโสมหดลง 10% ยันปีหน้าตลาดเหนื่อย แต่แบรนด์ที่แข็งแกร่งยิ่งได้เปรียบในภาวะตลาดที่แกว่ง ทุ่ม 20 ล้านบาท ปลุกแสงโสมทำแคมเปญใหญ่รอบ 29 ปี แจกเบนซ์
นายวิโรจน์ จันทรโมลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมานี้ตลาดเหล้าโดยรวมตกลงมากกว่า 15% จากมูลค่าตลาดรวมประเภทเหล้าสีที่มีมากกว่า 20,000 ล้านบาท ส่วนเหล้าขาวมีมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยอดขายเหล้า ในกลุ่มเช่น แสงโสมก็ตกลงเช่นกันประมาณ 10% เหมือนกับรายอื่นทั่วไป
อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีหน้าตลาดรวมเหล้าก็ยังคงมีผลกระทบเช่นเดียวกับปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำตลาดต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะทุกอย่างไม่นิ่ง และไม่ชัดเจน หนักกว่าปีนี้ ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงานที่จะทำตลาดปีหน้าทั้งหมด คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะสรุปได้
“แต่บริษัทฯเชื่อว่า ยิ่งภาวะเศรษฐกิจแกว่งมากเท่าใด สินค้าที่มีแบรนด์แข็งแกร่งมากเท่าใดในตลาดก็จะยิ่งมีความได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น และในส่วนของบริษัทฯเองก็เชื่อมั่นว่า ทุกแบรนด์ของบริษัทฯนั้นมีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ แสงโสม ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 50% จากรายได้รวมของพอร์ทโฟลิโอของบริษัทฯ รองลงมาก็เป็น แม่โขง มังกรทอง หงษ์ทอง เป็นต้น แต่เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องสร้างความแข็งแกร่งต่อไปไม่หยุด” นายวิโรจน์กล่าว
นอกจากนั้นแล้วในเดือนตุลาคมนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวเหล้าใหม่อีก 1 แบรนด์ เพื่อกระตุ้นตลาดและเป็นการแก้ปัญหาหลังจากที่ตลาดกลุ่มอีโคโนมีเริ่มหายไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมทั้งในเรื่องของการตลาด การเปิดตัว ซึ่งจะเป็นแบรนด์ใหม่ที่สร้างขึ้นมา และมั่นใจว่าแม้บริษัทฯจะมีหลายแบรนด์ก็จะไม่เป็นการแย่งตลาดกัน
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินค้าในกลุ่มคือ การทำแคมเปญใหญ่กับแสงโสม ซึ่งถือเป็นแคมเปญใหญ่ที่สุดในรอบ 29 ปีตั้งแต่มีแบรนด์นี้ขึ้นมาในตลาด คือ แคมเปญ “แสงโสมมอบประสบการณ์มีระดับ สำหรับคุณ” เพื่อจะเป็นการตอบแทนให้กับผู้บริโภคเป็นหลัก โดยใช้งบลงทุนทั้งหมด 20 ล้านบาทรวมทั้งสื่อและรางวัล โดยให้ผู้บริโภคส่งฝาแสงโสมเข้ามาชิงโชครถเมอร์เซเดสเบนซ์ เอ170 รวม 5 คัน และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทอีก 200 เส้น
ซึ่งแสงโสมจับกลุ่มเป้าหมายที่มีระดับอายุตั้งแต่ 20-35 ปี ราคาประมาณ 195 บาทต่อขวดขนาด 0.70 ลิตร โดยจะมีการทำโรดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แคมเปญนี้ เริ่มที่กรุงเทพฯ วันที่ 14-17 กันยายนนี้ และวันที่ 7-8 ตุลาคมที่เซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยา วันที่ 13-15 ตุลาคมนี้ที่เดอะมอลล์โคราช วันที่ 4-5 พฤศจิกายนนี้ที่กาดสวนแก้วเชียงใหม่ วันที่ 11-12 ที่โฆษะคอมเพล็กซ์ขอนแก่น วันที่ 22-26 พฤศจิกายน ที่เทสโก้โลตัสภูเก็ต และปิดท้ายที่กรุงเทพฯที่ลานหน้าโตคิว วันที่ 15-17 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม การทำแคมเปญนี้ ไม่ได้มุ่งหวังที่จะเพิ่มยอดขายมากเท่าใด แต่อาจจะได้รับผลดีบ้างยอดขายเพิ่มสัก 2-3% ก็ดีแล้ว แต่เป็นแผนที่เตรียมไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีการจัดทำแคมเปญขนาดใหญ่ครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนผู้บริโภคหลังจากที่ปีนี้เราเริ่มทำการสื่อสารกับตลาดมากขึ้น เช่นการออกหนังโฆษณาทางทีวี 2 ชุด ตามคอนเซปต์ “คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก” โดยนำเรื่องราวของคนไทยสองคนที่ได้รับการยอมรับของโลกคือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ และ นายบัณฑิต อึ้งรังสี วาทยกร
นายวิโรจน์ จันทรโมลี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมานี้ตลาดเหล้าโดยรวมตกลงมากกว่า 15% จากมูลค่าตลาดรวมประเภทเหล้าสีที่มีมากกว่า 20,000 ล้านบาท ส่วนเหล้าขาวมีมูลค่ามากกว่า 25,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันยอดขายเหล้า ในกลุ่มเช่น แสงโสมก็ตกลงเช่นกันประมาณ 10% เหมือนกับรายอื่นทั่วไป
อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีหน้าตลาดรวมเหล้าก็ยังคงมีผลกระทบเช่นเดียวกับปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำตลาดต้องมีความระมัดระวังมากขึ้น เพราะทุกอย่างไม่นิ่ง และไม่ชัดเจน หนักกว่าปีนี้ ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนงานที่จะทำตลาดปีหน้าทั้งหมด คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะสรุปได้
“แต่บริษัทฯเชื่อว่า ยิ่งภาวะเศรษฐกิจแกว่งมากเท่าใด สินค้าที่มีแบรนด์แข็งแกร่งมากเท่าใดในตลาดก็จะยิ่งมีความได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น และในส่วนของบริษัทฯเองก็เชื่อมั่นว่า ทุกแบรนด์ของบริษัทฯนั้นมีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ แสงโสม ซึ่งมีมาร์เก็ตแชร์มากกว่า 50% จากรายได้รวมของพอร์ทโฟลิโอของบริษัทฯ รองลงมาก็เป็น แม่โขง มังกรทอง หงษ์ทอง เป็นต้น แต่เราก็ยังจำเป็นที่จะต้องสร้างความแข็งแกร่งต่อไปไม่หยุด” นายวิโรจน์กล่าว
นอกจากนั้นแล้วในเดือนตุลาคมนี้บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวเหล้าใหม่อีก 1 แบรนด์ เพื่อกระตุ้นตลาดและเป็นการแก้ปัญหาหลังจากที่ตลาดกลุ่มอีโคโนมีเริ่มหายไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมทั้งในเรื่องของการตลาด การเปิดตัว ซึ่งจะเป็นแบรนด์ใหม่ที่สร้างขึ้นมา และมั่นใจว่าแม้บริษัทฯจะมีหลายแบรนด์ก็จะไม่เป็นการแย่งตลาดกัน
สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดของสินค้าในกลุ่มคือ การทำแคมเปญใหญ่กับแสงโสม ซึ่งถือเป็นแคมเปญใหญ่ที่สุดในรอบ 29 ปีตั้งแต่มีแบรนด์นี้ขึ้นมาในตลาด คือ แคมเปญ “แสงโสมมอบประสบการณ์มีระดับ สำหรับคุณ” เพื่อจะเป็นการตอบแทนให้กับผู้บริโภคเป็นหลัก โดยใช้งบลงทุนทั้งหมด 20 ล้านบาทรวมทั้งสื่อและรางวัล โดยให้ผู้บริโภคส่งฝาแสงโสมเข้ามาชิงโชครถเมอร์เซเดสเบนซ์ เอ170 รวม 5 คัน และสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาทอีก 200 เส้น
ซึ่งแสงโสมจับกลุ่มเป้าหมายที่มีระดับอายุตั้งแต่ 20-35 ปี ราคาประมาณ 195 บาทต่อขวดขนาด 0.70 ลิตร โดยจะมีการทำโรดโชว์ไปตามสถานที่ต่างๆเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์แคมเปญนี้ เริ่มที่กรุงเทพฯ วันที่ 14-17 กันยายนนี้ และวันที่ 7-8 ตุลาคมที่เซ็นทรัลเฟสติวัลพัทยา วันที่ 13-15 ตุลาคมนี้ที่เดอะมอลล์โคราช วันที่ 4-5 พฤศจิกายนนี้ที่กาดสวนแก้วเชียงใหม่ วันที่ 11-12 ที่โฆษะคอมเพล็กซ์ขอนแก่น วันที่ 22-26 พฤศจิกายน ที่เทสโก้โลตัสภูเก็ต และปิดท้ายที่กรุงเทพฯที่ลานหน้าโตคิว วันที่ 15-17 ธันวาคม
อย่างไรก็ตาม การทำแคมเปญนี้ ไม่ได้มุ่งหวังที่จะเพิ่มยอดขายมากเท่าใด แต่อาจจะได้รับผลดีบ้างยอดขายเพิ่มสัก 2-3% ก็ดีแล้ว แต่เป็นแผนที่เตรียมไว้อยู่แล้วว่าจะต้องมีการจัดทำแคมเปญขนาดใหญ่ครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนผู้บริโภคหลังจากที่ปีนี้เราเริ่มทำการสื่อสารกับตลาดมากขึ้น เช่นการออกหนังโฆษณาทางทีวี 2 ชุด ตามคอนเซปต์ “คนไทยถ้าตั้งใจทำอะไร ไม่แพ้ชาติใดในโลก” โดยนำเรื่องราวของคนไทยสองคนที่ได้รับการยอมรับของโลกคือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์ และ นายบัณฑิต อึ้งรังสี วาทยกร