xs
xsm
sm
md
lg

“นีโอ”เล็งตั้งบริษัทในตลาดจีน เป้า 5ปีจำนวนงานตปท.เป็น50%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดออการ์ไนเซอร์ไทยแข่งขันสูง นีโอกระจายความเสี่ยงสู่ต่างประเทศ เล็งจัดตั้งบริษัทในจีน หลังเห็นช่องว่างตลาดจีนมีสูง คาดภายใน 5 ปีสัดส่วนงานในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น50% พร้อมตั้งเป้ายอดรายได้สิ้นปีคงที่หรือกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมออการ์ไนซ์ช่วงปลายปีนี้มองว่าจะเน้นแข่งที่ราคา เผยการที่สนามบินแห่งใหม่กำลังจะเปิดส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจออการ์ไนซ์

นางสาวบุษยา ประกอบทอง ผู้จัดการกลุ่มโครงการ บริษัทเอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออการ์ไนเซอร์ จำกัด(นีโอ) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมธุรกิจออการ์ไนเซอร์ในไทยมีการแข่งขันที่สูงมาก ดังนั้นบริษัทฯจึงหันไปรุกตลาดจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการระดับนานาชาติมากขึ้น ล่าสุดบริษัทฯเตรียมจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นที่ปักกิ่ง ซึ่งอาจจะเป็นร่วมทุนกับพันธมิตร ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาอยู่และคาดว่าจะสรุปผลเร็วๆนี้

ทั้งนี้การที่บริษัทฯรุกเข้าตลาดจีน เนื่องจากมองเห็นศักยภาพของจีนที่ยังมีช่องว่างมาก เช่น พื้นที่และประชากรที่มีมาก โดยอนาคตหรือภายใน 5 ปีคาดหวังว่าสัดส่วนงานจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 50: 50 จากปัจจุบันสัดส่วนงานต่างประเทศ 20% และในประเทศ 80% หรือมีปีละมากกว่า 8 งาน

สำหรับงานในระดับนานาชาติที่บริษัทฯได้มีการจัดมา อาทิ งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีนานาชาติด้านปศุสัตว์ สัตว์ปีก และโคนม(งานILDEX)ที่เวียดนามและที่อินเดีย ซึ่งจัดไปแล้วในปีนี้ และเตรียมจัดงานILDEXขึ้นที่จีนในปีหน้า ภายใต้งบลงทุนงานละ 20 ล้านบาท โดยคาดหวังคนเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 10,000 ราย

ส่วนตลาดรวมของธุรกิจออการ์ไนเซอร์ในประเทศไทยช่วงปลายปีนี้มองว่าตลาดจะเน้นแข่งขันกันที่ราคาเป็นหลัก เช่น ราคาบูท เป็นต้น ในส่วนของบริษัทฯจะเน้นการให้ผลประโยชน์แก่ผู้ประกอบการหรือลูกค้า เช่น โปรโมชั่นซื้อ 2 งานได้ฟรี 1 งานหรือจองบูทได้ในราคาพิเศษ ซึ่งปัจจุบันราคาบูทของพื้นที่ในศูนย์สิริกิติ์อยู่ที่ประมาณ 33,000 บาทขนาด 6 ตารางเมตร และ50,000 บาทในพื้นที่ 9 ตารางเมตร เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯเพิ่งปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10%

“ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่มีเทศกาลมาก ดังนั้นงานคอนซูเมอร์ โปรดักส์จึงเตรียมจัดงานในช่วงนี้มาก อาทิ กรมส่งออกเตรียมจัดงานมหกรรมของขวัญขึ้น หรืองานไทยแลนด์ เบสต์ บาย 2006 ที่บริษัทฯเตรียมจัดขึ้นในวันที่ 1-10 ธ.ค. 49 นี้ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยปีนี้คาดว่าจะมีบริษัทเข้าร่วม 750 คูหาและคนร่วมงานกว่า 200,000 ราย ส่วนเงินสะพัดในงานคาดว่าจะมีกว่า 300 ล้านบาท”

สำหรับภาพรวมของบริษัทฯในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาพบว่ามียอดรายได้คงที่ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ,ราคาน้ำมัน และการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดและกำลังซื้อของผู้บริโภคต่อสินค้าบางกลุ่ม อาทิ สินค้าฟุ่มเฟือยกลุ่มจิวเวลรี่มีการซื้อลดลง ฯลฯ ขณะที่ยอดรายได้สิ้นปีนี้บริษัทฯคาดหวังยอดรายได้คงที่หรือกว่า 100 ล้านบาท

นางสาวบุษยา กล่าวด้วยว่า การที่สนามบินสุวรรณภูมิเตรียมเปิดให้บริการช่วงปลายเดือนนี้มองว่าส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจทั้งหมด รวมถึงตลาดออการ์ไนเซอร์ด้วย เพราะจะทำให้คนหรือนักท่องเที่ยวแห่เข้ามาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น