"บรรณวิทย์"จวก"ธรรมรักษ์"แบบไม่ไว้หน้า ระบุเป็นตัวการรับใช้การเมือง แทรกแซงโผโยกย้ายทหาร ย้ำการโยกย้ายต้องผ่านความเห็นชอบจากกกต.ไม่เช่นนั้นถูกฟ้องวุ่นวายแน่ เผย"เลิศรัตน์"ข้ามหัว 15 จอมพลขึ้นปลัดฯ เพราะสนิทสนมกับรัฐมนตรี แฉ"ธรรมรักษ์"ทำเก่งลับหลังนายกฯ ดูแคลนผบ.ทบ.ชี้ผบ.เหล่าทัพเซ็ง ประชุมสภากลาโหมต้องมานั่งฟังคนเมา "เสธ.หมึก"ขย่มซ้ำพวกขี้ข้านักการเมือง
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันว่า กองทัพถูกการเมืองแทรกแซงการโยกย้ายทหารอย่างรุนแรงตามที่ พล.อ.มนตรี ศุภาพร จเรทหารทั่วไป ได้พูดในที่ประชุมสภากลาโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับย้ายครั้งนี้หากไม่ผ่านกกต.จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งนักกฎหมายหลายคนได้เคยเตือนไว้แล้ว แต่ทาง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรมว.กลาโหม กลับไม่ฟัง
"หากมีการโปรดเกล้าฯแล้วจะยุ่งแน่ เพราะถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีการร้องเรียนถึงกกต. ซึ่งจะทำให้นายทหารที่ได้รับการเลื่อนยศได้ตำแหน่งต้องเป็นโมฆะ ถึงขนาด ติดยศกันไปแล้วก็ต้องถอดยศกันวุ่นวาย หรือแม้แต่เบิกเงินไปราชการ ก็มิชอบด้วยกฎหมาย เรื่องนี้อย่าทำเป็นมึน เหมือนการปรับย้ายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เพียงแต่รู้กันเฉพาะคนในกองทัพ แต่ยังไม่มีใครกล้าหยิบยกขึ้นมาเปิดโปง"พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม รู้เรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่าน่าจะรู้ดีว่าการปรับย้ายต้องผ่านกกต.แต่ปลัดกลาโหมไม่อยากยุ่ง เพราะเหลืออีกไม่กี่วันก็เกษียณอายุราชการแล้ว แต่คนที่รู้ดีที่สุดคือรมว.กลาโหม ถึงขนาดสั่งในที่ประชุมสภากลาโหมว่า"เฮ้ย...การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้ไม่ต้องผ่านกกต.พวกเราต้องช่วยๆกัน เจ้ากรมพระธรรมนูญต้องไปดู ไปเขียนรายละเอียดมาว่าไม่ต้องผ่านกกต.เพราะเรื่องของเราไม่ต้องเข้าครม. เขาไม่ได้ระบุไว้ จึงให้ยกเว้นไม่ต้องผ่าน กกต."
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวยืนยันว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ตามที่ พล.อ.มนตรี ชี้แจงในที่ประชุมสภากลาโหม พร้อมกับยกตัวอย่างว่ากรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร การเมืองเข้ามาล้วงลูกในกองทัพอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยเป็น รองผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ข้ามมาเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ.,ผบ.ทบ.และ ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่ง พล.อ.มนตรี ได้ชี้แจงให้ทราบว่า มีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งพล.อ.ธรรมรักษ์ ก็บอกเพียงว่าจะไปตรวจสอบ
"รมว.กลาโหม ก็ได้แต่พูดว่า ไม่มีใครมาล้วงลูก เพราะคนอย่างอั้ว นายกรัฐมนตรีขอดูบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร อั้วยังไม่ให้แม่งดูเลย แล้วพวกลื้อ(ผบ.เหล่าทัพ)ถ้านักการเมืองมันมาขอ ก็ไม่ต้องไปให้มัน แต่พอเลิกประชุมนายกฯ เรียกเข้าพบ ผมเห็นรมว.กลาโหม วิ่งแจ้นไปหา ข้าวปลาแทบไม่ได้เป็นอันแดก แล้วชื่อถือได้อย่างไร"รองปลัดกระทรวงกลาโหม อ้างคำพูด พล.อ.ธรรมรักษ์ ในที่ประชุมสภากลาโหม
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวด้วยว่า การประชุมสภากลาโหมแต่ละเดือน เสียเวลาไปกว่า 2-3 ชั่วโมง ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่รู้ประชุมไปทำไม ผบ.เหล่าทัพบางคนเมื่อออกจากห้องประชุม ถึงกับบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เซ็งที่สุด..เสียเวลานั่งฟังคนขี้เมาบ่น น่าเสียดายเวลา เพราะรักษาการรมว.กลาโหม เก่งอยู่คนเดียว
"รมว.กลาโหมก็ไม่เคยให้เกียรติผบ.เหล่าทัพ ไม่เคยแม้กระทั่งเรียกว่า ผู้บัญชาการแม้แต่คนเดียว แต่กลับเรียกชื่อเล่น เช่น เฮ้ยไอ้บัง(พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.)ปัญหาภาคใต้เป็นไง กูบอกให้ยิงกบาลแม่งเลย มันจะได้ผวากันบ้าง ไอ้พวกก่อกวนนี่วางระเบิดอยู่ได้ น่ารำคาญ"พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่ถูกย้ายไปเป็น รองผบ.ทหารสูงสุด เพราะรมว.กลาโหมไม่พอใจ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า จริงๆแล้วเขาต้องการให้ไปเป็นจเรทหารทั่วไปมากกว่า แต่บังเอิญก็มีเสียงแย้งกันว่า ถ้าตนเป็นจเรทหารทั่วไป มันไม่ยุ่งกันใหญ่หรือ มันไม่ป่วนจนฉิบหายหรือ เพราะ พล.อ.มนตรี นำทางไว้แล้วกรณีการเมืองแทรกแซงกองทัพ ดังนั้นต้องให้มันไปอยู่ไกลๆ ทำอย่างไรก็ได้ ให้มันสะใจ เพราะเสือกซ่าออกมาพูดได้ไงว่า การเมืองแทรกแซงกองทัพ ทำให้ผู้ใหญ่เขาต้องวุ่นวายกันไปหมด
เมื่อถามว่าแสดงว่า พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร บก.ทหารสูงสุด ได้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเขาสนิทสนมกับเลขาส่วนตัวรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ขณะนี้ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีมากที่สุด และนายกฯก็รับฟังรัฐมนตรีคนนี้ด้วย ก็ถือว่าเป็นการต่างตอบแทนทางการเมืองซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว พล.อ.เลิศรัตน์ ความอาวุโส ชั้นยศอัตราจอมพล อยู่ในอันดับรองบ๊วยจาก 16 จอมพล เพราะเพิ่งเป็นจอมพลเมื่อปีที่แล้ว แต่มาขยับขึ้นเป็นจอมพลอันดับ 1 ข้ามหัวจอมพลคนอื่นๆถึง 15 คน
"ถ้าผมจำไม่ผิด การปรับย้ายปีที่แล้ว พล.อ.เลิศรัตน์ ขอเป็นเสธ.ทหาร เพราะต้องการทำงาน แต่ผู้บังคับบัญชาบอกว่า ทำไมไม่เป็นรองผบ.ทหารสูงสุด เพื่อรอขยับขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่ง พล.อ.เลิศรัตน์ ได้ปฎิเสธไปในครั้งนั้น แต่พอมาปีนี้เมื่อเห็นว่าไม่ได้ขยับเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก็ขอมาเป็นปลัดกลาโหม ซึ่งข้ามอาวุโสจอมพลในกองทัพไม่รู้กี่คน มันน่าเกลียดมาก"พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า วันนี้กองทัพถูกแทรกแซงจากทางการเมือง จึงอยากเรียกร้องให้ข้าราชการทหารทุกคนอดทน ทำตามคำพูดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ว่า พวกเราต้องมีกำลังใจ ถึงเวลาแล้วที่ต้องช่วยกัน แม้จะเจ็บปวดบ้างก็ต้องยอม เพราะสังคมเกิดความไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการปรับย้ายนายทหาร แม้ว่าขณะนี้ จ๊อกกี้ จะไม่ซื่อสัตย์ สุจริต แต่เราก็ต้องอดทน เพราะพวกเราคือ ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารของประเทศชาติ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวด้วยว่า ในวันจันทร์นี้ ตนไม่ได้จัดแถลงข่าว แต่จะตอบข้อสงสัยของสื่อมวลชนที่สงสัยว่า ทำไมถึงมีการวิพากย์วิจารณ์รเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร
ด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ กล่าวถึงการโยกย้ายนายทหารประจำปี 49 ว่า เป็นที่รู้กันดีว่า กูเอาใครก็เอาได้ แต่งตั้งกันได้ พรรคพวกกู รุ่นกู ต้องได้ขยับขึ้นมีตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงความสามารถ อาวุโส เพราะเดี๋ยวนี้มันเป็นบริษัทประเทศไทยไปแล้ว ทำอะไรย่อมได้ อยู่แล้ว รมว.กลาโหม ก็เป็นขี้ข้านักการเมือง ทำอะไรก็ได้ขอให้กูอยู่ในตำแหน่งนานๆ ในกองทัพเขารู้กันดีว่าใครมีฝีมือขนาดไหน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลในการโยกย้ายนายทหารและข้าราชการ ว่า ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีการการเลือกตั้ง ควรจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญกำหนด คือต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต.เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐ ของรัฐบาลในการโยกย้าย เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการและทหารเหล่านี้สนับสนุนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น และขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการ ดังนั้นควรจะมีตำแหน่งรักษาการไปก่อน จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชน และกันข้อครหาในการหาผลประโยชน์ในการโยกย้าย และอยากให้คำนึงถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มากกว่ามติครม.
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวยืนยันว่า กองทัพถูกการเมืองแทรกแซงการโยกย้ายทหารอย่างรุนแรงตามที่ พล.อ.มนตรี ศุภาพร จเรทหารทั่วไป ได้พูดในที่ประชุมสภากลาโหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปรับย้ายครั้งนี้หากไม่ผ่านกกต.จะเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งนักกฎหมายหลายคนได้เคยเตือนไว้แล้ว แต่ทาง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รักษาการรมว.กลาโหม กลับไม่ฟัง
"หากมีการโปรดเกล้าฯแล้วจะยุ่งแน่ เพราะถือว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากมีการร้องเรียนถึงกกต. ซึ่งจะทำให้นายทหารที่ได้รับการเลื่อนยศได้ตำแหน่งต้องเป็นโมฆะ ถึงขนาด ติดยศกันไปแล้วก็ต้องถอดยศกันวุ่นวาย หรือแม้แต่เบิกเงินไปราชการ ก็มิชอบด้วยกฎหมาย เรื่องนี้อย่าทำเป็นมึน เหมือนการปรับย้ายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เพียงแต่รู้กันเฉพาะคนในกองทัพ แต่ยังไม่มีใครกล้าหยิบยกขึ้นมาเปิดโปง"พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่า พล.อ.สิริชัย ธัญญสิริ ปลัดกระทรวงกลาโหม รู้เรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่าน่าจะรู้ดีว่าการปรับย้ายต้องผ่านกกต.แต่ปลัดกลาโหมไม่อยากยุ่ง เพราะเหลืออีกไม่กี่วันก็เกษียณอายุราชการแล้ว แต่คนที่รู้ดีที่สุดคือรมว.กลาโหม ถึงขนาดสั่งในที่ประชุมสภากลาโหมว่า"เฮ้ย...การปรับย้ายนายทหารครั้งนี้ไม่ต้องผ่านกกต.พวกเราต้องช่วยๆกัน เจ้ากรมพระธรรมนูญต้องไปดู ไปเขียนรายละเอียดมาว่าไม่ต้องผ่านกกต.เพราะเรื่องของเราไม่ต้องเข้าครม. เขาไม่ได้ระบุไว้ จึงให้ยกเว้นไม่ต้องผ่าน กกต."
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวยืนยันว่า การโยกย้ายครั้งนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ตามที่ พล.อ.มนตรี ชี้แจงในที่ประชุมสภากลาโหม พร้อมกับยกตัวอย่างว่ากรณี พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร การเมืองเข้ามาล้วงลูกในกองทัพอย่างเห็นได้ชัด จากที่เคยเป็น รองผบ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ข้ามมาเป็น ผู้ช่วย ผบ.ทบ.,ผบ.ทบ.และ ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่ง พล.อ.มนตรี ได้ชี้แจงให้ทราบว่า มีความเป็นมาอย่างไร ซึ่งพล.อ.ธรรมรักษ์ ก็บอกเพียงว่าจะไปตรวจสอบ
"รมว.กลาโหม ก็ได้แต่พูดว่า ไม่มีใครมาล้วงลูก เพราะคนอย่างอั้ว นายกรัฐมนตรีขอดูบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหาร อั้วยังไม่ให้แม่งดูเลย แล้วพวกลื้อ(ผบ.เหล่าทัพ)ถ้านักการเมืองมันมาขอ ก็ไม่ต้องไปให้มัน แต่พอเลิกประชุมนายกฯ เรียกเข้าพบ ผมเห็นรมว.กลาโหม วิ่งแจ้นไปหา ข้าวปลาแทบไม่ได้เป็นอันแดก แล้วชื่อถือได้อย่างไร"รองปลัดกระทรวงกลาโหม อ้างคำพูด พล.อ.ธรรมรักษ์ ในที่ประชุมสภากลาโหม
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวด้วยว่า การประชุมสภากลาโหมแต่ละเดือน เสียเวลาไปกว่า 2-3 ชั่วโมง ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไร ไม่รู้ประชุมไปทำไม ผบ.เหล่าทัพบางคนเมื่อออกจากห้องประชุม ถึงกับบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เซ็งที่สุด..เสียเวลานั่งฟังคนขี้เมาบ่น น่าเสียดายเวลา เพราะรักษาการรมว.กลาโหม เก่งอยู่คนเดียว
"รมว.กลาโหมก็ไม่เคยให้เกียรติผบ.เหล่าทัพ ไม่เคยแม้กระทั่งเรียกว่า ผู้บัญชาการแม้แต่คนเดียว แต่กลับเรียกชื่อเล่น เช่น เฮ้ยไอ้บัง(พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.)ปัญหาภาคใต้เป็นไง กูบอกให้ยิงกบาลแม่งเลย มันจะได้ผวากันบ้าง ไอ้พวกก่อกวนนี่วางระเบิดอยู่ได้ น่ารำคาญ"พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
เมื่อถามว่าจริงหรือไม่ที่ถูกย้ายไปเป็น รองผบ.ทหารสูงสุด เพราะรมว.กลาโหมไม่พอใจ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า จริงๆแล้วเขาต้องการให้ไปเป็นจเรทหารทั่วไปมากกว่า แต่บังเอิญก็มีเสียงแย้งกันว่า ถ้าตนเป็นจเรทหารทั่วไป มันไม่ยุ่งกันใหญ่หรือ มันไม่ป่วนจนฉิบหายหรือ เพราะ พล.อ.มนตรี นำทางไว้แล้วกรณีการเมืองแทรกแซงกองทัพ ดังนั้นต้องให้มันไปอยู่ไกลๆ ทำอย่างไรก็ได้ ให้มันสะใจ เพราะเสือกซ่าออกมาพูดได้ไงว่า การเมืองแทรกแซงกองทัพ ทำให้ผู้ใหญ่เขาต้องวุ่นวายกันไปหมด
เมื่อถามว่าแสดงว่า พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช เสธ.ทหาร บก.ทหารสูงสุด ได้เป็นปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะเขาสนิทสนมกับเลขาส่วนตัวรัฐมนตรีคนหนึ่ง ที่ขณะนี้ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีมากที่สุด และนายกฯก็รับฟังรัฐมนตรีคนนี้ด้วย ก็ถือว่าเป็นการต่างตอบแทนทางการเมืองซึ่งกันและกัน ซึ่งข้อเท็จจริงแล้ว พล.อ.เลิศรัตน์ ความอาวุโส ชั้นยศอัตราจอมพล อยู่ในอันดับรองบ๊วยจาก 16 จอมพล เพราะเพิ่งเป็นจอมพลเมื่อปีที่แล้ว แต่มาขยับขึ้นเป็นจอมพลอันดับ 1 ข้ามหัวจอมพลคนอื่นๆถึง 15 คน
"ถ้าผมจำไม่ผิด การปรับย้ายปีที่แล้ว พล.อ.เลิศรัตน์ ขอเป็นเสธ.ทหาร เพราะต้องการทำงาน แต่ผู้บังคับบัญชาบอกว่า ทำไมไม่เป็นรองผบ.ทหารสูงสุด เพื่อรอขยับขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด ซึ่ง พล.อ.เลิศรัตน์ ได้ปฎิเสธไปในครั้งนั้น แต่พอมาปีนี้เมื่อเห็นว่าไม่ได้ขยับเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ก็ขอมาเป็นปลัดกลาโหม ซึ่งข้ามอาวุโสจอมพลในกองทัพไม่รู้กี่คน มันน่าเกลียดมาก"พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าว
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวว่า วันนี้กองทัพถูกแทรกแซงจากทางการเมือง จึงอยากเรียกร้องให้ข้าราชการทหารทุกคนอดทน ทำตามคำพูดของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่ว่า พวกเราต้องมีกำลังใจ ถึงเวลาแล้วที่ต้องช่วยกัน แม้จะเจ็บปวดบ้างก็ต้องยอม เพราะสังคมเกิดความไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะการปรับย้ายนายทหาร แม้ว่าขณะนี้ จ๊อกกี้ จะไม่ซื่อสัตย์ สุจริต แต่เราก็ต้องอดทน เพราะพวกเราคือ ทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทหารของประเทศชาติ ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง
พล.ร.อ.บรรณวิทย์ กล่าวด้วยว่า ในวันจันทร์นี้ ตนไม่ได้จัดแถลงข่าว แต่จะตอบข้อสงสัยของสื่อมวลชนที่สงสัยว่า ทำไมถึงมีการวิพากย์วิจารณ์รเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร
ด้าน พล.ท.พิรัช สวามิวัสดิ์ กล่าวถึงการโยกย้ายนายทหารประจำปี 49 ว่า เป็นที่รู้กันดีว่า กูเอาใครก็เอาได้ แต่งตั้งกันได้ พรรคพวกกู รุ่นกู ต้องได้ขยับขึ้นมีตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงความสามารถ อาวุโส เพราะเดี๋ยวนี้มันเป็นบริษัทประเทศไทยไปแล้ว ทำอะไรย่อมได้ อยู่แล้ว รมว.กลาโหม ก็เป็นขี้ข้านักการเมือง ทำอะไรก็ได้ขอให้กูอยู่ในตำแหน่งนานๆ ในกองทัพเขารู้กันดีว่าใครมีฝีมือขนาดไหน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามของรัฐบาลในการโยกย้ายนายทหารและข้าราชการ ว่า ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีการการเลือกตั้ง ควรจะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญกำหนด คือต้องผ่านความเห็นชอบจาก กกต.เพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อำนาจรัฐ ของรัฐบาลในการโยกย้าย เพื่อประโยชน์ของรัฐบาล เพื่อให้ข้าราชการและทหารเหล่านี้สนับสนุนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น และขณะนี้ไม่มีความจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนโยกย้ายข้าราชการ ดังนั้นควรจะมีตำแหน่งรักษาการไปก่อน จนกว่าการเลือกตั้งจะเสร็จสิ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชน และกันข้อครหาในการหาผลประโยชน์ในการโยกย้าย และอยากให้คำนึงถึงบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มากกว่ามติครม.