xs
xsm
sm
md
lg

5 กกต.ต้องการพลังเสริม

เผยแพร่:   โดย: สุวัฒน์ ทองธนากุล

มีเสียงวิจารณ์บทบาทของสมาชิกวุฒิสภาในการเลือก กกต.ชุดใหม่หลายประเด็น และสังคมคนที่รู้จักคิดอย่างอิสระก็เห็นพฤติกรรมที่ชวนสงสัยเช่นนั้น

เรื่องที่ว่ามีการ “บล็อกโหวต” ของกลุ่ม ส.ว.ที่ฝักใฝ่รัฐบาล ที่ตัดสินใจในลักษณะ “จัดให้” ตามความต้องการของรักษาการรัฐบาลที่หวังกลับมามีอำนาจอีกนั้น เห็นได้จากการเลือกที่คล้ายมีโพยกำหนดและมีการลงคะแนนเหมือนกัน 68 ใบ

น่าเสียดายที่ ส.ว.กลุ่มนี้ไม่เปลี่ยนนิสัยและไม่คิดที่จะสร้างคุณความดีทิ้งท้ายวาระให้สมศักดิ์ศรีในการทำหน้าที่อย่างอิสระลบล้างข้อกล่าวหาที่ถูกบางคนเรียกว่า “สภาทาส” โดยแสดงจุดยืนว่า เห็นประโยชน์ของประเทศชาติเพื่อเลือกคนที่ไปทำหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อให้เป็นไปอย่างซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม

สังคมจึงสงสัยว่า 5 คนที่ไม่ผ่านการเลือกนั้นตามที่คาดกันไว้แล้วนั้นเป็นที่ไม่วางใจชัดเจนของนักการเมืองเพราะเป็นผู้เคยแสดงออกทั้งการแสดงจุดยืนการทำหน้าที่ชี้ผิดชี้ถูกอย่างเข้มแข็งและกล้าแสดงความคิดเป็นเพื่อรักษาความถูกต้อง

คนแบบนี้จะไม่มีทางสนองรับใช้นักการเมืองเหมือนอย่างที่ “3 หนา” อดีต กกต.ที่ถูกพิพากษาลงโทษไปแล้ว

ดังนั้น การสั่งให้ขจัดคนที่เชื่อแน่ว่าไม่ยอมอยู่ในโอวาทไม่ให้ได้รับเลือกไว้ก่อนจึงคาดว่าเป็นหลักในการเลือกของกลุ่ม ส.ว.ที่สั่งได้

นี่ยังดีที่คุณวิรัช ชินวินิจกุล เลขานุการศาลฎีกายืนยันว่า รายชื่อทั้ง10 ที่ศาลฎีกาส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณานั้นเป็นที่ยอมรับของสังคมอยู่แล้ว

“บางคนที่ใครมองว่าอ่อน เพราะยังไม่รู้ความจริง ซึ่งจริงๆ แล้ว ผู้พิพากษาศาลฎีกามองออกจึงคัดเลือกไปทั้ง 10 คนที่เหมาะสม ขอให้รอดูผลงานของ กกต.ชุดนี้ต่อไป”

ขณะที่อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ ซึ่งหลุดจากรายชื่อผู้ได้รับเลือกเป็น กกต.ชนิดเฉียดฉิวแค่ 3 คะแนน ก็มิได้โวยวายอะไรในความพ่ายแพ้เกมการเลือก กกต.ของวุฒิสภาครั้งนี้ ได้บอกว่า มีการ “บล็อกโหวต” แน่นอน

แต่ได้ตรวจสอบแล้วว่า กกต.ทั้ง 5 ที่ได้รับเลือกนั้น ไม่รู้เรื่องเลย คือมิได้ไปวิ่งเต้นหรือรู้เห็นเป็นใจ จึงเป็นเกมการเมืองที่ผ่านทางกลุ่ม ส.ว.สายที่ฝักใฝ่รัฐบาล

ดังนั้น การที่ใครจะไปมองว่า กกต.ชุดใหม่ที่ได้รับเลือกเป็นชุด B อย่างทีมฟุตบอลนั้นคงไม่เป็นธรรมกับคณะกกต.ชุดนี้

แต่ให้ดูจากการแสดงจุดยืนและผลงานที่ปรากฏจะดีกว่า ขณะนี้จึงควรให้เกียรติและให้ความเชื่อมั่นต่อ กกต.ชุดใหม่ทั้ง 5 คน ว่าจะได้ทำงานอย่างอิสระสนองพระราชดำริที่ตรงต้องการให้เป็นไปด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรม

จึงอาจกล่าวได้ว่า กกต.ชุดนี้จะมีส่วนสำคัญต่อการสร้างประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ซึ่งจะมีผลต่อการได้มาซึ่งสมาชิกรัฐสภาและผู้บริหารประเทศต่อไป

“การเลือกตั้ง” แม้มิใช่คำตอบของการแสดงว่ามีความเป็น “ประชาธิปไตย” แต่ก็มีความสำคัญที่จะต้องเป็นการเลือกตั้งที่มีกติกาเที่ยงธรรม

นักการเมืองของใน “ระบอบทักษิณ” ที่พร่ำย้ำว่า “การเลือกตั้ง” เพื่อเป็นเครื่องมือในการอ้างให้คนยึด “กติกา” ที่ให้โอกาสประชาชนใช้สิทธิ์เลือกนักการเมืองที่พอใจ

จึงมักมีการท้าทายว่า ใครที่ไม่พอใจ “ก็อย่าเลือก” เขาก็จะไม่มีโอกาสกลับมาอยู่แล้ว

ที่กล้าท้าเพราะเขาคิดว่าได้หว่านผลประโยชน์เฉพาะหน้าแก่คนที่ไม่คิดรอบด้าน หรือเห็นแก่สิ่งที่ได้รับโดยไม่คิดถึงความถูกต้องและผลเสียที่จะตามมา

อีกทั้งเชื่อว่า ระบบกลไกการเลือกตั้งตั้งแต่ผู้บริหารกกต. และกรรมการระดับจังหวัด รวมทั้งหัวคะแนนและเครือข่ายราชการที่เกี่ยวข้องจะสนองรับใช้

ดังนั้นด้วยอำนาจเงินและอำนาจเครือข่ายทางการเมืองก็จะทำให้ชนะเลือกตั้งอย่างมากมาย

“การเลือกตั้ง” จึงเป็นคำที่ไว้ชูขึ้นเพื่ออ้างการยึดหลักกติกาของระบบประชาธิปไตยตลอดมาของคนใน “ระบอบทักษิณ”

ทั้งๆ ที่การเลือกตั้งที่จะได้ผลดี ได้คนดี คนเก่งนั้น ผู้มีสิทธิจะต้องได้รับการส่งเสริมให้พร้อมเหมือนดังที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล บอกผมว่า ต้องมี 4 ปัจจัยคือ

1. สังคมต้องมีอิสระในการลงคะแนนเสียง ไม่ใช่เลือกเพราะถูกครอบงำโดยการให้เงินหรือให้ผลประโยชน์ หรือถูกข่มขู่ให้เลือก

2. ประชาชนต้องมีสิทธิในการรับรู้ข่าวสารรอบด้านอย่างเท่าเทียมกัน ทั้งจากสื่อของรัฐและของเอกชน

3. ระบบราชการต้องเป็นกลาง คือไม่เข้าข้างหรือรับใช้ผู้มีอำนาจทางการเมือง และคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งต้องเป็นธรรม

4. ประชาชนต้องมีความรู้ รู้ว่าผิดชอบชั่วดี และมีความรู้ว่าท้องถิ่นและประเทศชาติต้องการพัฒนาทางที่ควร ดังเช่นการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำริ

การเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะนักการเมืองที่ผ่านเข้ามาตามกระบวนการเลือกตั้งในช่วงเวลาที่มีภารกิจในการ “ปฏิรูปการเมืองครั้งใหม่”

กกต.ชุดใหม่และบุคคลของกลไกการเลือกตั้งระดับต่างๆ จึงเป็นที่คาดหวังและจับตาของสังคมว่าจะรู้ทันและจับให้ได้ต่อพฤติกรรมนักการเมืองฉ้อฉล และวินิจฉัยลงโทษด้วยความเที่ยงธรรม

ภาพลักษณ์ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งในยุคที่ผ่านมาไม่เป็นที่ไว้วางใจจากสังคมผู้รักความเป็นธรรมก็สมควรแก้ไขฟื้นฟู

กกต.ชุดใหม่แม้มีความตั้งใจจริงที่จะทำงานด้วยความเที่ยงธรรม โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก และไม่ยอมรับใช้อำนาจและอามิสจากนักการเมือง

แต่สาระบบและบุคคลที่ “3 หนา” วางไว้อาจเป็นอุปสรรคต่อความตั้งใจทำสนองความคาดหวังของสังคม

มาดูรายชื่อที่ผ่านการกลั่นกรองของศาลฎีกามาเสนอต่อวุฒิสภา ซึ่งเลือกได้แค่ 5 คน และอีก 5 คนที่ล้วนเป็นคนดีและคนเก่ง ก็สมควรจะเชิญให้เข้ามามีส่วนร่วมต่อภารกิจอันยิ่งใหญ่และหนักหนาครั้งนี้ เพื่อความสำเร็จเพื่อประเทศชาติ
กำลังโหลดความคิดเห็น