xs
xsm
sm
md
lg

"แก้วสรร-นาม"หลุด 5กกต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ส.ว.ทาสยังคงทำงานอย่างจงรักภักดีต่อระบอบทักษิณ แผนสกัด"แก้วสรร-นาม"สำเร็จ 5 กกต.ชุดใหม่ประกอบด้วย"ประพันธ์-สุเมธ-อภิชาติ-สมชัย-สดศรี"เผยล็อบบี้กันถึงนาทีสุดท้าย "ครูหยุย"เซ็ง บล็อกโหวตชัดๆ ขณะที่"สุชน"ยิ้มร่า ยันเป็นสิทธิของสมาชิกที่จะเลือกใคร ขณะที่กกต.ใหม่ขอหารือกันก่อนว่าจะเลื่อนวันเลือกตั้งหรือไม่ ขณะที่ "แก้วสรร"ยืนยันพร้อมรับหน้าที่เลขาฯกกต.หากต้องการเรียกใช้

วานนี้ ( 8 ก.ย.)ได้มีการประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน ในการเลือกกรรมการการเลือก (กกต.)จำนวน 5 คน หลังจากที่คณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติและความประพฤติของผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นกกต.ได้พิจารณาตรวจสอบประวัติเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตามที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเสนอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมเป็น กกต.จำนวน 10 คน เพื่อลงมติเลือกเหลือ 5 คน โดยมี นายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมว่า ที่รัฐสภา ทั้งด้านนอกและด้านใน มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดทั้งผู้ที่มาประชุม ผู้สื่อข่าว ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสภา มีการตรวจรถที่เข้ามาในบริเวณรัฐสภาอย่างละเอียด รวมทั้งต้องผ่านเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดใต้ท้องรถอีกด้วย แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า เครื่องตรวจวัตถุระเบิดที่ติดตั้งอยู่บริเวณประตูด้านหลังอาคารรัฐสภา 1 กลับเสีย ทั้งๆที่เพิ่งมีการติดตั้งและใช้งานได้เพียงปีกว่าเท่านั้น

นอกจากนี้ ที่บริเวณหน้ารัฐสภา มีกลุ่มบุคคลซึ่งเรียกตัวเองว่า "ชมรมผู้พิทักษ์กฏหมายและความยุติธรรม" ได้นำจดหมายเปิดผนึก มีเนื้อหาคัดค้านผู้ที่ได้รับการสรรหาเป็นกกต.2 คน มาแจกจ่ายให้กับ ส.ว.ที่เดินทางโดยรถยนต์เข้ามาในรัฐสภา โดยผู้ที่ถูกระบุชื่อในจดหมายเปิดผนึกคือ นายแก้วสรร อติโพธิ และนายนาม ยิ้มแย้ม โดยอ้างว่าไม่เป็นกลางทางการเมือง

ขณะที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รักษาการ ส.ว.กทม.ก็ได้รับจดหมาย ที่ไม่ระบุชื่อ กล่าวหาว่าไม่เป็นกลาง และได้สาปแช่งนายวัลลภ ด้วยว่า ถ้านายแก้วสรร และนายนาม ได้เป็น กกต.ก็ขอให้มีแต่ความวิบัติไปชั่วชีวิต ถ้าไม่อยากเป็นอย่างที่ประชาชนสาปแช่ง ก็อย่าไปเลือกทั้ง 2 คนนี้ก็แล้วกัน

**ข้องใจ"สุชน"บีบกมธ.สอบประวัติฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมได้เริ่มขึ้น เมื่อเวลา 10.05 น.โดยนายสุนทร จินดาอินทร์ รักษาการ ส.ว.กำแพงเพชร ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการสามัญการตรวจสอบประวัติและความประพฤติฯ ได้รายงานสรุปว่า คณะกรรมาธิการได้ตรวจสอบดำเนินการเสร็จสิ้นในส่วนที่ 1 ที่เปิดเผยจำนวน 3 ฉบับ ในการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง กกต.,ตรวจสอบกระบวนการสรรหาและความเป็นกลางทางการเมือง รวมทั้งการแสดงวิสัยทัศน์ ส่วนที่ 2 จะเป็นพิจารณารายงานลับ

ทั้งนี้ ขอย้ำว่าในการพิจารณาได้ขอไม่ให้มีการเสนอข้อมูลและข้อร้องเรียนใหม่ที่นอกเหนือจากที่ได้มีการตรวจสอบ และที่ได้มีการชี้แจงไปแล้ว เนื่องจากจะไม่เป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหาและอาจทำให้เกิดปัญหาถกเถียงในที่ประชุมได้ และหากมีข้อมูลที่สำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาให้ขอใช้มติที่ประชุมเท่านั้น

ก่อนจากพิจารณา นายเสรี สุวรรณภานนท์ รักษาการ ส.ว.กทม.อภิปรายถึงการแจกใบปลิวให้กับสมาชิกก่อนที่จะมีการประชุม ก็ขออย่าให้ความสำคัญ เพราะจะให้คุณให้โทษกับ 2 ผู้ได้รับการเสนอชื่อ

นายเสรี ยังได้ถามนายสุชน ชาลีเครือ ประธานในที่ประชุม ว่ามีการเข้าไปกดดันคณะกรรมาธิการหรือไม่ เนื่องจากกรรมาธิการส่วนใหญ่ไม่ทราบพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมในวันที่ 31 ส.ค.นั้นจึงอยากให้ประธานฯ ได้ชี้แจงว่าทำไมต้องเป็นวันที่ 31 ส.ค.เพราะการทำงานของคณะกรรมาธิการหลายครั้ง 30 วัน ก็ถือว่าเร็วที่สุดแล้ว แต่กลับเร่งรัดให้ปิดสมัยประชุมในวันที่ 31 ส.ค.ถือเป็นการตั้งธงของประธาน ที่สอดรับการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 15 ต.ค.หรือไม่

"คนที่สร้างปัญหามากที่สุดคือ นายไสว พราหมณี รักษาการ ส.ว.นครราชสีมา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบความประพฤติฯ ที่พยายามเร่งรัด สรุปผลการสอบสวน โดยเอาคำร้องเรียนมาสรุปเฉยๆ และไม่รู้ว่ามีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ จนต้องมีการสั่งแก้ผลสรุป ซึ่งเข้าใจว่า ความพยายามเร่งรัดให้ได้กกต.แบบสุกเอาเผากิน เพื่อสนองวันเลือกตั้งของพรรคการเมืองหนึ่งหรือไม่ ที่เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง" นายเสรี กล่าว

ด้านนายสุชน ชี้แจงว่า การกำหนดวันทำงานของคณะกรรมาธิการฯ ก็เป็นมติของที่ประชุมใหญ่ และจะไม่เกี่ยวข้องกับพระบรมราชโองการปิด และเปิดสมัยประชุมรัฐสภา เพราะการเสนอไปก่อนหน้านั้น ตนไม่ทราบว่าที่ประชุมนี้จะใช้เวลาทำงานกี่วัน ดังนั้นขอยืนยันว่า ในประเด็นนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนว่าไปรู้เรื่องกับใคร อะไร อย่างไรว่าจะต้องไปอยู่ข้างไหน หรือไปแทรกแซงอะไรทั้งสิ้น ฉะนั้นกระบวนการในการเสนอพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุม เป็นไปตามกฎหมายและเป็นไปตามขั้นตอน

ส่วนประเด็นที่ว่า ตนเข้าไปในที่ประชุมคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติฯนั้น เนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ตนได้ติดต่อกับนายวัลลภ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการฯ และนายสุนทร ประธานคณะกรรมาธิการ เพื่อคุยว่า ขณะนี้ได้ทราบว่ามีพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมรัฐสภาในวันที่ 31 ส.ค.ตนจึงเชิญมาที่ห้อง ว่าจะทำอย่างไร ขอให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งสมาชิกหลายคนจึงบอกว่าให้เชิญตนไปที่ห้องคณะกรรมาธิการฯ จะได้เข้าใจตรงกัน ตนจึงได้แจ้งว่ามีพระบรมราชโองการมาแล้ว ซึ่งทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 23 ส.ค.โดย นายรองพล เจริญพันธุ์ เลขาธิการครม.ว่าบัดนี้มีพระบรมราชโองการปิดสมัยประชุมรัฐสภามาแล้วเท่านั้น

"กรณีที่แทรกแซงเรื่องอะไรนั้น ยืนยันได้ว่าผมไม่ได้ขอร้อง หรือบอกคณะกรรมาธิการฯว่าต้องเสร็จให้ทัน อย่างนั้น อย่างนี้ ไม่มี ผมเพียงแต่ให้กรรมาธิการฯ นำไปประกอบการพิจารณาเท่านั้น"นายสุชน กล่าว

**โผว่อนที่ประชุมก่อนคัดเลือก

นพ.ประสิทธิ์ พิฑูรกิจจา รักษาการส.ว.นครสวรรค์ อภิปรายว่า ตอนนี้.มีโผว่อนห้องประชุม ก็มีอยู่ 2 โผ เป็นโผ ส.ว.อิสระที่สนับสนุนหนุนนายแก้วสรร อติโพธิ และ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ขณะที่โผรัฐบาลล็อกให้เลือก 5 คน แต่ไม่เลือก นายแก้วสรร และ นายนาม ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นโผของผู้สื่อข่าว หรือโผของส.ว. อย่างไรก็ตาม อยากให้เลือกให้ดี อย่าให้มีตำหนิ เพราะทราบว่ามีบางคนเคยประกันผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติด ต้องไปพูดในการประชุมลับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการประชุมวุฒิสภา ในช่วงพิจารณารับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบประวัติฯนั้น บรรดาสมาชิกได้มีการจับกลุ่มพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ ถึงโผของผู้ที่จะได้รับเสนอชื่อเป็น กกต.ปรากฎว่า ในห้องประชุม มีถึง 2 โผ โดยโผแรก ประกอบด้วย นายวิชา มหาคุณ,นายแก้วสรร ร อติโพธิ,นายอุดม เฟื่องฟุ้ง,นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ส่วนในโผที่สอง ประกอบด้วย นายสุเมธ อุปนิสากร ,นายประพันธ์ นัยโกวิท,นายวิชา มหาคุณ,นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ และ นายสมชัย จึงประเสริฐ

**สกัด"แก้วสรร-นาม"อยู่หมัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมได้มีการพิจารณารายงานส่วนที่หนึ่งของคณะกรรมาธิการสามัญฯแล้ว สมาชิกได้ลุกขึ้นอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ทั้งชื่นชมการทำงานในการสรรหาของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และการทำหน้าที่ของกรรมาธิการชุดนี้ ขณะเดียวกันสมาชิกบางส่วนได้ท้วงติงการรายงาน และทำงานคณะกรรมาธิการสามัญตรวจสอบฯ รวมถึงมีการอภิปรายพาดพึงตำหนิการทำหน้าที่ของประธานวุฒิสภาในหลายกรณีเป็นเวลาพอสมควร

จนกระทั่งเวลา 13.45 น. นายวิทยา มะเสนา รักษาการ ส.ว.มหาสารคาม ได้เสนอปิดอภิปราย ด้านนายสราวุธ นิยมทรัพย์ รักษากรส.ว.นครปฐม ไม่เห็นด้วย จึงเสนอให้เปิดอภิปรายต่อไป ในที่สุดนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา จึงขอมติที่ประชุมปรากฎว่า มติเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยให้ปิดการอภิปราย 100 ต่อ 30 งดออกเสียง 12 เสียง จึงต้องเข้าสู่การพิจารณารายงานในส่วนที่ 2 ซึ่งเป็นรายงานลับ จึงดำเนินการประชุมลับ ตามที่คณะกรรมาธิการสามัญฯเสนอไว้ และประธานได้สั่งประชุมลับเริ่มเมื่อเวลา 13.50 น.

หลังจากที่ประชุมได้ใช้เวลาประชุมลับนานกว่า 4 ชั่วโมง ประธานในที่ประชุม ได้สั่งเปิดประชุมอีกครั้งใน เวลา 18.15 น. จากนั้นจึงได้ให้มีการลงคะแนนด้วยวิธีลับ ผลปรากฎว่า บุคคลที่ได้รับเลือกให้เป็นกกต.ทั้ง 5 คน โดยเรียงตามลำดับคะแนน คือ 1. นายประพันธ์ นัยโกวิท 124 คะแนน 2. นายสุเมธ อุปนิสากร 120 คะแนน 3. นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ 106 คะแนน 4.นายสมชัย จึงประเสริฐ 105 คะแนน และ 5.นางสดศรี สัตยธรรม 104 คะแนน

ส่วน 5 คนที่ไม่ได้รับการคัดเลือก ประกอบด้วย นายแก้วสรร อติโพธิ 101 คะแนน นายวิชา มหาคุณ 73 คะแนน นายนาม ยิ้มแย้ม 63 คะแนน นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ 61 คะแนน และ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง 19 คะแนน โดยมีสมาชิกลงกาให้ 4 เบอร์ จำนวน 10 ใบ กา 3 เบอร์ 4 ใบ และกา 1 เบอร์ 1 ใบ ส่วนจำนวนบัตรเสีย 1 ใบ ทั้งนี้เป็นการลงคะแนนรอบเดียว เนื่องจากผลการลงคะแนนเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 95 คะแนน โดยมีสมาชิกในห้องประชุม 181 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการเลือก 5 กกต.ในครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า มีสมาชิกลงคะแนน ถึง 67 ใบ ที่ได้ลงคะแนน ให้กับผู้สมัครเบอร์ 3-5-6-8 และ 9 อย่างต่อเนื่อง และเป็นไปตามสูตรที่ได้วางไว้ก่อนหน้านี้ คือ 4 บวก 1 กล่าวคือ ตัวแทนจากศาล 4 คน ประกอบด้วย นายสุเมธ นายอภิชาติ นายสมชัย และนางสดศรี ส่วนอัยการ 1 คน คือ นายประพันธ์

**ประชุมลับสับ"วสันต์-แก้วสรร-นาม"

รายงานข่าวจากที่ประชุมลับวุฒิสภา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมงว่า ทันที่ที่เข้าสู่การประชุมลับนายสุนทร จินดาอินทร์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่แจกเอกสารลับต่อที่ประชุม หลังจากนั้นนายสุนทร และกรรมาธิการได้อ่านผลการตรวจสอบประวัติความสัมพันธ์ทางการเมือง และการตรวจสอบบัญชีทรพย์สินของทั้ง 10 คน โดยเรียงตามลำดับ

นอกจากนี้ ในการอภิปราย นายสุนทรได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ผลการตวจสอบผู้สมัครทั้ง 10 คนพบว่า ไม่มีผู้สมัครคนใดมีประวัติไม่ดี และไม่พบสิ่งผิดปรกติทั้งความเป็นกลางทางการเมือง และความซื่อสัตย์สุจริต โดยบุคคลซึ่งถูกที่ประชุมซักถามและอภิปรายมากที่สุดคือ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ โดยมี ส.ว.หลายคนอภิปรายว่าการที่นายวสันต์ ไม่ยอมแสดงบัญชีทรัพย์สิน และพูดแสดงวิสัยทัศน์ในลักษณะท้าทายกรรมาธิการ เหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติวุฒิสภาแห่งนี้ โดยเฉพาะประเด็นที่ไม่ยอมแสดงบัญชีทรัพย์สิน ทั้งที่โดยหลักปฏิบัติที่ผ่านมาในการตรวจสอบบุคลที่จะไปเป็นองค์กรอิสระทุกคนก็ยอมให้ตรวจสอบเรื่องทรัพย์สินหมด แต่เหตุใดนายวสันต์ ถึงไม่ยอมรับหลักการนี้ โดยมีส.ว.บางคนระบุว่านายวสันต์ พยายามทำตัวเป็นแกะดำ อย่างไรก็ตาม ส.ว.หลายคนก็ได้ลุกขึ้นชี้แจงแทนว่า ไม่มีข้อกฎหมาย บอกว่าทุกคนต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินให้ตรวจสอบเป็นเพียงแต่หลักการ ซึ่งหากคนใดจะขอไม่ทำ ก็มีสิทธิ์ทำได้

นอกจากนี้มีรายงานว่ายังมี ส.ว.บางคนได้ซักถามกรรมาธิการสอบประวัติถึงผู้สมัคร กับฝ่ายการเมือง เช่น มีผู้สมัครคนหนึ่งซึ่งในช่วงการรับราชการเคยได้รับการบริจาคสิ่งของให้กับหน่วยราชการที่ผู้สมัครคนนั้นทำงานอยู่ และต่อมาผู้บริจาคคนดังกล่าวก็มีสถานะเป็นนักการเมืองในปัจจุบัน ขณะที่บางคนเช่น นายแก้วสรร ก็มี ส.ว.หลายคนซักถามถึงเรื่องความเป็นกลางทางการเมือง ว่าจะมีปัญหาหรือไม่เพราะเคยออกมาเคลื่อนไหวกับกลุ่มพันธมิตรฯ

ส่วนนายนาม ได้มีสมาชิกซักถามถึงสาเหตุที่ผลการสอบสวนคดียุบพรรคไทยรักไทย หลุดรอดออกมาทางสื่อมวลชน แต่นายสัก กอแสงเรือง ชี้แจงแทนว่า นายนามไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีเจตนาให้ผลสอบออกไป

สำหรับ บรรยากาศในการลงคะแนนเลือกกกต.ในครั้งนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงค่ำ เป็นไปอย่างคึกคัก โดย ส.ว.สายรัฐบาลแม้จะพยายามเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ เพื่อไม่ให้ตกเป็นที่สนใจเพราะเกรงว่าจะถูกนำเสนอข่าวว่าฝ่ายการเมืองจัดทำโผล็อก กกต. อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวบริเวณจุดต่างๆ เช่นหน้าห้องทำงานของนายสุชน ชาลีเครือ ก็มี ส.ว.เดินเข้าออกเป็นระยะ ๆ รวมทั้งยังมี ส.ว.ซีกรัฐบาลหลายคนจูงมือกันออกจากห้องประชุมไปคุยกันเงียบ ๆ และต่อสายโทรศัพท์กันเป็นระยะๆ

**"ครูหยุย"ชี้บล็อกโหวตชัดๆ

ด้านนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ รักษการส.ว.กทม.ในฐานะเลขานุการตรวจสอบประวัติฯกล่าวว่า คะแนนที่ออกมาเห็นได้ชัดว่า มีการลงคะแนนแบบบล็อกโหวต เพราะคะแนนที่ขานชื่อนั้นเป็นไปตามโผ ซึ่งเห็นแล้วทำให้ตนกินข้าวไม่ลง คืนนี้คงนอนไม่หลับทั้งคืน และคงต้องกลับไปกินยานอนหลับ ซึ่งแม้พยายามที่จะปลดล็อกแล้วก็ไม่สามารถทำได้

รายงานจากคณะกรรมาธิการสอบประวัติฯเปิดเผยว่า ภายหลังจากคณะกรรมาธิการได้จัดทำรายงานลับเสนอต่อวุฒิสภาแล้ว ปรากฏว่า กรรมาธิการเพิ่งมาตรวจสอบและตั้งข้อสังเกตเป็นการภายในว่า นายประพันธ์ เคยมีรายได้จากการเป็นรองอัยการสูงสุดเพียงแค่ปีละ 1 ล้าน 3 แสนบาท แต่ต่อมาไปเป็นบอร์ดในรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ปตท.และไทยออยล์ ปรากฏว่า มีรายได้เพิ่มขึ้นถึงปีละเกือบ 4.8 ล้านบาท และยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี แต่หากมาเป็น กกต.ก็จะมีรายได้ประมาณปีละ 1.2 ล้านบาท และยังต้องเสียสิทธิ์การเป็นอัยการอาวุโสที่สามารถเป็นได้อีกเกือบ 10 ปี หลังเกษียณอายุราชการ เพราะไม่ได้อยู่จนเกษียณอายุราชการ ทำให้มีกรรมาธิการบางคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดนายประพันธ์ ถึงได้ยอมเสียรายได้มาเป็น กกต.ทั้งที่หากนับเวลาการเป็น กกต.แล้วก็อยู่ได้เต็มที่ไม่เกิน 2 ปี

**กกต.ขอหารือเลื่อนวันเลือกตั้ง

นายอภิชาติ สุขัคคานนท์ ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกกต.ชุดใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากนี้จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แม้ว่าตนจะไม่มีประสบการณ์ด้านการจัดการเลือกตั้ง แต่จะพยายามศึกษางาน และเร่งทำงานเพราะประเทศชาติมีเวลาจำกัด ส่วนแผนการทำงานคงต้องคุยกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกกต.ก่อน ส่วนเรื่องการเลื่อนวันเลือกตั้งที่ได้ระบุในวันที่แสดงวิสัยทัศน์ว่าไม่ควรเลื่อนจากวันที่ 15 ต.ค.นั้น เป็นเพราะตนมองว่า กกต.ไม่ควรเป็นต้นเหตุให้เลือนวันเลือกตั้งเพราะอาจไม่เหมาะสม แต่เท่าทีดูสถานการณ์ขณะนี้ คงต้องเลื่อนแน่ๆ แต่เท่าที่ตนคิดไม่น่าจะเลื่อนออกไปเกิน 1 เดือน แต่อย่างไรก็ตามต้องหารือร่วมกับกกต.ทั้ง 5 คนก่อน ว่าจะเอาอย่างไร

ส่วนที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต.ชุดนี้เป็นไปตามโผ นายอภิชาติ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ามีโผอย่างไร การพิจารณาเป็นดุลยพินิจของวุฒิสภา

ด้านนางสดศรี สัตยธรรม ผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นกกต.กล่าวว่า แนวทางในการทำงาน คงยังไม่สามารถบอกอะไรได้ เพราะต้องหารือกับ กกต.ทั้ง 5 คนก่อน และตอนนี้ตนติดสัมมนาอยู่ที่ จ.เชียงราย จึงยังไม่ได้คุยกับใคร คาดว่าเมื่อกลับถึง กทม.ในวันที่ 10 ก.ย.จะมีการประชุมหารือถึงกรอบการทำงานอีกครั้ง ส่วนจะสามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 15 ต.ค.หรือไม่นั้น คงต้องหารือร่วมกันก่อน

**"แก้วสรร"พร้อมเป็นเลขากกต.

ขณะที่นายแก้วสรร อติโพธิ ผู้ไม่ได้รับการคัดเลือกเป็น กกต.กล่าวว่า ในเรื่องข้อเสนอที่ตนเสนอขอเป็นเลขาธิการสำนักงาน กกต.ก็ยังยืนยันเช่นเดิม แต่ขึ้นอยู่กับ กกต.ทั้ง 5 คน ว่าจะตอบรับหรือไม่ ซึ่งถ้ายุทธศาสตร์ของกกต.ทั้ง 5 คนตรงกับ แนวคิดที่ตนได้เสนอไว้ก็พร้อมที่จะตอบรับทันที

"ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรที่ไม่ได้เป็นกกต. สำหรับวิกฤตการเมืองครั้งนี้จะคลี่คลายหรือไม่แล้วแต่กกต.ทั้ง 5 คน ว่าจะสร้างความชอบธรรมได้หรือไม่"นายแก้วสรร กล่าว

นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานแผนกคดีแรงงานศาลฎีกา ผู้ไม่ได้รับการคัดเลือกเป็น กกต. กล่าวว่า ก็ไม่ได้ตกใจอะไร ตอนนี้ก็ยังมีความสุขดี ซึ่งตนเตรียมที่จะแถลงข่าวเกี่ยวกับการเลือกกกต.และแนวทางการทำงานต่อไป ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยเหลือกันทำงาน แต่ก็ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งทุกอย่างจะชัดเจน และสามารถบอกได้ในวันที่ 11 ก.ย.นี้

**"สุชิน"ยิ้มร่าหลังได้ 5 กกต.

ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นนายสุชน ชาลีเครือ รักษาการประธานวุฒิสภา ได้เดินออกจากห้องประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ พยายามถามว่ากลัวเสียงวิจารณ์จากสังคมว่ามีการบล็อกโหวตหรือไม่ ว่า งานนี้ประธานไม่ยุ่ง สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์ลงคะแนนให้กับใครก็ได้ ดีใจสำหรับคนที่ได้รับเลือก และคนที่ตกไปก็เสียดายแทน โดยเฉพาะนาย แก้วสรร

"สำหรับประธาน เที่ยวนี้แฟร์ ไม่มีใครมาสั่งผม แต่คนอื่นจะมีใครมาสั่งหรือไม่ ผมไม่รู้ บอกตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่า 10 คน เอาใครก็ได้ ผมขอแค่นี้ก่อนแล้วกันนะ เพราะวันนี้ผมเหนื่อยมาก" นายสุชนยุติการสมภาษณ์ด้วยเสียหน้ายิ้มแย้ม

ด้านนายสมเกียรติ อ่อนวิมล รักษาการ ส.ว.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ผลการลงคะแนนเป็นที่ชัดเจนว่ามีโผมาจากรัฐบาล และสะท้อนให้เห็นว่า มี ส.ว.ที่พร้อมจะเป็นทาสพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เปลี่ยนแปลง และยังมีจำนวนเท่าเดิม ซึ่งเป็นอย่างนี้มา 3-4 ปี น่าเศร้าใจแทนสังคมที่วุฒิสภาถูกควบคุมไปมากกว่าครึ่ง

"ผมขอประนามการบล็อคโหวตที่เกิดขึ้น เพราะมันส่งความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างร้ายแรงน่าเสียดาย กกต.ที่คลอดมาจาก ส.ว.ที่จงรักภักดีต่อรัฐบาล เพราะจำนวนความน่าเชื่อถือน้อยมาก น้อยตามศักดิ์ศรีของ ส.ว.ที่เลือกมา"รักษาการ ส.ว.สุพรรณบุรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น